“ผมถูกผู้บริหาร...ก่อรัฐประหาร” เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เปิดฉากเธรดทวิตเตอร์ของเขาวันนี้ หลังจากที่มีประกาศจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสั่งตัดคะแนนความประพฤติของเขาและอุปนายกสโมสรนิสิตฯ คนละ ๑๐ คะแนน เป็นผลให้ตัวเขาพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ทันที
ข้อหาความผิดมาจากการที่สโมสรนิสิตฯ จัดกิจกรรมปฐมนิเทศนิสิตใหม่แบบ ‘เซอร์ไพร้ส์’ ออนไลน์ มีวิดีทัศน์ไล้ฟ์สดการปราศรัยของ เพ็นกวิ้น รุ้ง และปวิน “โดยไม่ได้แจ้งให้สำนักบริหารกิจการนิสิตทราบก่อน” ทั้งในการปราศรัยของพริษฐ์ ชีวารักษ์ มีการชูนิ้วกลางและให้ของลับชาย
ประกาศฯ กล่าวโทษว่าผิดระเบียบจุฬาฯ ข้อ ๖ ว่าด้วยวินัยนิสิต “ฐานนำขนบประเพณีหรือวิธีการอันไม่เหมาะสมแก่วัฒนธรรมไทยมาปฏิบัติ” อีกทั้งเนติวิทย์มิได้ตรวจสอบและควบคุมกิจกรรมที่ น.ส.พิชชากร ฤกษ์สมพงษ์ อุปนายกฯ จัดขึ้นนั้น
“ชัยพร ภู่ประเสริฐ รองอธิการบดีที่เซ็นคำสั่งลงโทษผมเป็นคนเดียวกับประธานคณะกรรมการตัดสินลงโทษผมและเพื่อนๆ ให้หลุดออกจากตำแหน่งประธานสภานิสิตในปี ๒๐๑๗” เนติวิทย์ท้าวความ “จนผมฟ้องศาลปกครองชนะ จึงได้รับคะแนนกลับมาลงเลือกตั้งอีกครั้ง
การที่เขาและพรรคพวกจะปลดผมอีกครั้งไม่ใช่เรื่องผิดคาด” เนเน่ยังระบุถึงการลดคุณค่าเสรีภาพ “รวมถึงเสรีภาพที่จะไม่เห็นด้วย ชูนิ้วกลาง ไม่ว่ารัฐบาล ผู้บริหารมหาลัยควรต้องอดทนยอมรับได้” ไม่ใช่เอาแต่ “มองระยะสั้น เสพข่าวสารไม่กี่ช่องทาง”
ท้ายสุดเขาอ้างถึงงานชิ้นสุดท้ายที่ทำไว้ก่อนถูกปลด คือ “สนับสนุนให้นิสิตมีบทบาทช่วยเหลือคนที่ถูกละเมิดสิทธิไม่จำกัดเชื้อชาติ “ตอนนี้เรากำลังทำแคมเปญระดมทุนค่าอาหารและยาให้พี่น้องชาวพม่าที่อยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศไทย”
และรณรงค์ชักชวนให้สนับสนุนกิจกรรมต่อต้าน “ความอยุติธรรมที่ประชาชนชาวพม่า ยูเครน และที่อื่นๆ กำลังเผชิญ” โดยเฉพาะกับสถานการณ์ในยูเครน ซึ่งผู้นำรัสเซียส่งกำลังทหารเข้าไปจัดการกับกิจการภายในของประเทศนั้น
ขณะนี้สื่อโฆษณาชวนเชื่อของรัสเซียโหมกระหน่ำกล่าวหาประธานาธิบดียูเครนว่า กระทำการประดุจนาซีข่มเหงประชาชนชาวยิวที่นั่น ทั้งที่ประธานาธิบดี วโลดีเมียร์ ซาเล็นสกี้ นั้นเชื้อชาติยิว ขณะเดียวกัน ‘ปูติน’ ปราศรัยยุยงให้ทหารยูเครนลุกขึ้นทำรัฐประหาร
มันน่าเศร้าที่ในศตวรรษที่ ๒๑ นี่ แนวความคิดในการใช้กำลังทหารเข้ายึดอำนาจทางการเมือง ยังเป็นดั่ง “กระเบื้องลอยฟ่อง” ในที่ต่างๆ บนพื้นโลก ทั้งที่ความเจริญทางเทคโนโลยี่รุดหน้ามาไกล ไม่ว่านักวิชาการชั้นไหนจะยอมรับหรือไม่
แม้นว่าสงครามโลกครั้งที่สามจะยังไม่โผล่มาในตอนนี้ การบุกยูเครนโดยรัสเซีย เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามเย็นครั้งที่สองไปแล้ว ความเห็นต่อสถานการณ์ในยูเครน ไม่ว่าในหมู่ lay peoples สู่ pundits จนถึง scholars กำลังทำสงครามความคิดกันอย่างร้อนรุ่ม
ไม่เฉพาะระหว่างอำนาจนิยม อนุรักษ์นิยม กับเสรีนิยม และไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่เพียงนานาจิตตัง แต่ดูจะกลายเป็นคตินิยมตัวใครตัวมันเสียบ้างแล้ว ในหมู่คนไทยความเห็นต่างเกี่ยวกับความชอบธรรมในการบุกยูเครนของรัสเซีย แบ่งขั้วกันหลายมิติ
ชาวทวิตภพคนหนึ่งอธิบายเรื่องยูเครนไว้อย่างถึงขิง ว่าอะไรกันนักหนา เมียเก่าจะไปมีผัวใหม่ ผัวเก่าไม่เพียงห้ามแต่ใช้กำลังเข้าขัดขวางพิธีวิวาห์ มันเป็นการกระทำผิดกฎหมาย หนำซ้ำยังห้ามเพื่อนบ้านเอาอย่างด้วย (ดังโฆษกรัสเซียเตือนฟินแลนด์และสวีเด็น)
การแสดงตนป้องกัน และ/หรือขัดขวางมิให้ผัวเก่าจอมบุลลี่กระทำปู้ยี่อีกครั้ง กับเมียเก่าที่ได้มาจากการคลุมถุงชน ไม่ใช่การ “พาตัวเองเข้าสู่วังวนของปัญหา” อย่างแน่นอน ประวัติความเป็นมาของชีวิตสมรสเดิมจะอย่างไรก็ตามแต่ วันนี้เธอขอไม่ทนกับชีวิตนั้น
ไม่ว่าแฟนใหม่ของเธอนั่นจะยะโส ขี้โอ่ หรือเจ้าเล่ห์จนคุณรับไม่ได้ การทำไม่รู้ไม่ชี้ถือว่าธุระไม่ใช่กับชะตากรรมของหญิงคนหนึ่ง ทั้งที่รู้ๆ อยู่ว่าเธอคงต้องกลับไปน้ำตาเช็ดหัวเข่าละก็ ชาติหน้าคุณอาจไปเกิดเป็นแบบหญิงคนนั้นบ้าง คงสมใจละ
(https://www.facebook.com/BBCnewsThai/posts/3151809948373357, https://prachatai.com/journal/2022/02/97434 และ https://web.facebook.com/photo?fbid=489651752527553&set=a.202481274577937)