‘ออมิครอน’ อาจ “ติดง่ายหายเร็ว” ดังที่ รมว.สาธารณสุขว่าก็จริงอยู่ แต่เฉพาะคนที่มีพลานามัย หรือได้รับวัคซีนครบโด๊ส และจะปลอดภัยเมื่อได้เข็มบู๊สเตอร์วัคซีนไม่กระจอก แต่ในสภาวะที่จำนวนติดเชื้อและตายเพิ่มต่อเนื่อง
เป็นสภาพที่สาธารณะไม่เป็นสุขแน่ๆ ขณะที่เคสโควิดเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ สถิติ ‘นิวไฮ’ มาหลายวันแล้ว จากหมื่นเป็นสองสามหมื่น (รวมการตรวจด้วยระบบเอทีเค) โดยเฉพาะเมื่อวานและวันนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มแต่ละวันอยู่ที่ ๑๘,๘๘๓+๑๕,๐๑๐ และ ๑๘,๓๖๓+๑๔,๖๐๕
และจำนวนคนตายด้วยโควิดอยู่ในระดับยี่สิบกว่ามาหลายวัน จนสองวันนี้เสียชีวิต ๓๒ กับ ๓๕ ตามลำดับ จัดเป็นความร้ายแรงขั้นสี่ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการคนที่ชอบ ‘พูดเอาสนุก’ และ “สนุกก็คือสนุก ไม่เป็นทางการ อย่าไปซีเรียส” บอกว่าไม่ใช่ยกระดับตามที่เป็นข่าว
ที่จริงลดระดับมาอยู่ที่ ๔ นานแล้ว “ก่อนหน้านี้อยู่ในระดับ ๕ และปรับลดลงมา” อนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวเมื่อเช้านี้ “เตียงยังพอมีอยู่ ยังครองไม่ถึงครึ่ง ยาก็มีเต็มที่ และเวลานี้เราเน้นการรักษาตัวที่บ้านเป็นหลัก” เขาพาดพิงถึงเสียงต่อว่ารัฐบาล
จะยกหรือลดระดับ มันก็ ‘ไม่สุข’ อย่างว่า ปลดโควิดจากโรคร้ายในวิกฤตฉุกเฉิน หรือ ‘UCEP’ แสดงว่าสถานการณ์ไม่ฉุกเฉินแล้ว แต่ พรก.ฉุกเฉิน ซึ่งใช้มาตั้งแต่ มีนา ๖๓ มักกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชากรในด้านสิทธิเสรีภาพ ยังคงอยู่
กลับมาที่เรื่องโรคระบาด หมอ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา รพ.จุฬา ชี้ว่า “ไม่แปลก” เพราะบ้านเรา ‘surges’ หรือขึ้นสูงตามหลังประเทศอื่นๆ ฮ่องกงเพิ่งระบาดหนักเมื่อสองวันก่อน ในยุโรป-อเมริกาตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้กำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง
ข้อสำคัญ “ต้องดูว่าอาการหนักอาการตายผิดปกติไหม ถ้าเป็นเช่นนั้น ๑-คนไทยเราสุขภาพคงไม่ดีจริง เปราะบาง ทั้งๆ ที่ได้วัคซีน หรือ ๒-คนไทยก็เหมือนคนต่างชาติประเทศอื่น แต่ไวรัสของเราเริ่มดุกว่าประเทศอื่น ซึ่งจะแบบไหนไม่ดีทั้งนั้น”
“ใครมีโรคประจำตัว หรือไม่เคยสนใจสุขภาพ รีบด่วนครับ” ปรับประพฤติกรรมประจำวัน งดเข้าสถานที่เสี่ยง งดจัดเลี้ยงและดื่มสุราในร้าน เลี่ยงช้อปปิ้งตามห้าง หรือซื้อของตลาดใหญ่ งดร่วมกิจกรรมสังสรรค์ พยายามทำงานที่บ้านให้ได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ถึง ๘๐%
จะปรับกระบวนอีท่าไหน โฆษกสำนักนายกออกมาย้ำว่า “หากผู้ป่วยโควิดมีอาการปอดบวม มีไข้สูง อยู่ในเกณฑ์สีแดงหรือภาวะการเข้าข่ายฉุกเฉิน ก็ยังสามารถเข้ารักษายังหน่วยบริการนอกระบบ” หรือ ‘ยูเซ็ป’ ได้ ไม่เช่นนั้นให้ไปใช้สิทธิ์หลักประกันสุขภาพ
สำหรับประชาชนที่เป็นกังวล ก็ไม่รู้คำพูดของใครย้อมใจได้มากกว่ากันระหว่าง รมว.กับโฆษกรัฐบาล ซึ่งพูดแทนนายกฯ โดยที่เดี๋ยวนี้ อนุทิน ชาญวีรกูล ตกเป็นเป้าจับจ้องในฐานะที่ศักดาแก่กล้า จะมารับช่วงตำแหน่งผู้นำ ถ้า ‘ตู่’ เปิดตูดไป
ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพิ่งปรารภ “ให้เบาๆ เรื่องการเมือง” หลังจากที่ ‘สหายแก้ว’ ของขึ้น โพล่งว่า “หากรัฐบาลชุดนี้ไม่เห็นชอบหรือไม่พิจารณา พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พรรคภูมิใจไทยจะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล” ร้อนถึงหัวหน้าพรรคต้องเคลียร์
“อย่าไปคิดมาก” เสี่ยหนูว่า “เหมือนเวลาชกมวยยังต้องมีปี่พาทย์...จะมีท่าทีอย่างไรไม่มีการขู่กัน จะไปขู่ทำไม ใครจะไปกล้าขู่นายกรัฐมนตรีหรือต่อรอง ไม่มีหรอก เวลาเดินผ่านนายกฯ ยังต้องก้มแล้วก้มอีก ค่อมหลังแล้วค่อมหลังอีก”
นอบน้อมถ่อมตน แต่น้ำเสียงเหน็บๆ อยู่นะ ยิ่งเจอ วาสนา นาน่วม เหมือนจะเหน็บ เปรียบเทียบว่าเช้านี้ ยาตรากันมาประชุม ครม.เป็นแผงๆ ระหว่างทีมองครักษ์ตึกไทยคู่ฟ้า ‘แรมโบ้-แด๊ก’ กับทีมสีน้ำเงิน ๖ รัฐมนตรีภูมิใจไทย
ซึ่งมีผู้ช่วย รมต.ของพี่ป้อม ประสาน หวังรัตนปราณี มาแจมด้วยละ
(https://www.facebook.com/100001454030105/posts/5014697245255360/?d=n, https://www.thairath.co.th/news/politic/2322232, https://www.posttoday.com/politic/news/676310 และ https://www.facebook.com/thiravat.h/posts/5433235280043315)