วันศุกร์, กุมภาพันธ์ 25, 2565

ฮ่องกงกำลังเผชิญการระบาดรุนแรงของโอมิครอน ระบบสาธารณสุขใกล้พัง ฮ่องกงทำอะไรพลาดในแผนจัดการโควิด


ศูนย์การแพทย์แคริทัสเผชิญปัญหาคนไข้ล้นห้องฉุกเฉิน ทำให้ผู้ป่วยต้องรอรับการรักษาอยู่ด้านนอก

ภาพคนไข้ที่นอนเรียงรายอยู่ด้านนอกศูนย์การแพทย์แคริทัสในฮ่องกง ได้สร้างความสลดใจให้ผู้ที่พบเห็น

ที่ด้านนอกแผนกฉุกเฉิน มีเตียงค้นไข้หลายสิบเตียงตั้งอยู่ทั้งกลางแจ้ง และในเต็นท์ชั่วคราว ท่ามกลางเสียงร้องระงมของคนไข้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และมีเด็กเล็กรวมอยู่ด้วย พวกเขาต่างเป็นผู้ต้องสงสัยว่าติดโควิด-19 หรือได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ และกำลังรอเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

"มันให้ความรู้สึกราวกับเราอยู่ในค่ายผู้อพยพในช่วงสงคราม มันน่าหดหู่ใจ พวกเราอยากจะร้องไห้ แต่ก็ไม่มีที่ว่างพอในหอดูแลผู้ป่วย พวกเขาจึงทำได้แค่รอ และเราก็ทำอะไรไม่ได้เลย" พยาบาลห้องฉุกเฉินคนหนึ่งเล่าถึงสภาพที่เกิดขึ้นให้ทีมข่าวบีบีซีฟัง

อีกหลายวันต่อมา คนไข้เหล่านี้ก็ได้รับการเคลื่อนย้ายเข้าไปอยู่ในตัวอาคาร หลังจากนางแครี แลม ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ระบุว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ "ไม่อาจยอมรับได้" แต่ถึงอย่างนั้น โรงพยาบาลต่าง ๆ ของฮ่องกงยังคงท่วมท้นไปด้วยคนไข้ ในขณะที่มหานครแห่งนี้กำลังเผชิญการระบาดของโควิดระลอกใหญ่ที่สุด

โอมิครอน : คนที่ติดโควิดแพร่เชื้อได้นานแค่ไหน
อาการหลังติดเชื้อโอมิครอน ต่างจากหวัดธรรมดาอย่างไร
เหตุใดจีนจึงคงนโยบาย "โควิดเป็นศูนย์" ทั้งที่หลายชาติเลือก "อยู่ร่วมกับ" ไวรัสนี้

ความสำเร็จในอดีต

ที่ผ่านมาฮ่องกงมักถูกยกให้เป็นต้นแบบของความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของโควิดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยในช่วงปลายปี 2021 เมืองที่มีประชากร 7.5 ล้านคนแห่งนี้ มียอดผู้ติดเชื้อเพียง 12,650 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตไม่ถึง 220 คน

ความสำเร็จดังกล่าวช่วยสร้างความชอบธรรมในการที่รัฐบาลฮ่องกงดำเนินนโยบายตามยุทธศาสตร์ "โควิดเป็นศูนย์" ของรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งใช้มาตรการต่าง ๆ อาทิ การตรวจหาเชื้อแต่เนิ่น ๆ การติดตามผู้ป่วยและผู้สัมผัสใกล้ชิดอย่างเป็นระบบ รวมทั้งกฎการกักตัวและการจำกัดการเดินทางที่เข้มงวด

การมาถึงของโอมิครอน

แต่แล้วฮ่องกงก็ต้องเสียท่าให้กับเชื้อกลายพันธุ์โอมิครอน ที่แพร่สู่กันได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นมาอยู่ที่กว่า 66,000 ราย ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน

ผู้ติดเชื้อโอมิครอนกลุ่มแรก ๆ ของฮ่องกงเกี่ยวข้องกับกรณีลูกเรือสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค 2 คนที่ละเมิดกฎควบคุมโควิดเมื่อปลายเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา จากนั้นก็พบการระบาดแบบกลุ่มก้อนที่ใหญ่ขึ้นในโรงแรมที่ใช้เป็นสถานที่กักตัว


ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ระบบสาธารณสุขของฮ่องกงใกล้จะพังทลาย

มหาวิทยาลัยฮ่องกง (University of Hong Kong หรือ HKU) คาดการณ์ว่า สถานการณ์การระบาดในฮ่องกงจะแตะจุดสูงสุดภายในช่วงกลางหรือปลายเดือน มี.ค. โดยจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึงวันละกว่า 180,000 คน หากยังมีการใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมแบบในปัจจุบันต่อไป และคาดว่าภายในช่วงกลางเดือน พ.ค. ยอดผู้เสียชีวิตจะพุ่งแตะ 3,200 คน

ศาสตราจารย์ แกเบรียล เหลียง คณบดีคณะแพทยศาสตร์ของ HKU อธิบายว่าที่เป็นเช่นนี้ "เพราะความสำเร็จในอดีตของเรา ผู้คนจึงเกิดความเข้าใจผิด ๆ เรื่องความปลอดภัย"

ระบบสาธารณสุขใกล้พัง

ผู้ติดเชื้อโอมิครอนส่วนใหญ่มักมีอาการไม่รุนแรง จึงทำให้สามารถหายเองได้ภายในเวลาไม่กี่วัน

แต่หน่วยงานสาธารณสุขฮ่องกงยังคงยืนกรานให้ผู้ที่ตรวจพบว่าติดเชื้อโดยที่ไม่มีอาการป่วย หรือมีอาการไม่รุนแรงต้องเข้ารับการกักตัวในศูนย์กักตัวต่าง ๆ ซึ่งเต็มอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน รัฐบาลฮ่องกงก็ยังไม่ได้ออกแนวปฏิบัติที่ละเอียดและชัดเจนเกี่ยวกับการกักตัวที่บ้าน โดยระบุเพียงว่า ผู้ที่ติดเชื้อสามารถออกจากกระบวนการกักตัวได้หลังกักตัวไปแล้ว 14 วัน และตรวจไม่พบเชื้ออีก

ศาสตราจารย์ เหลียง กล่าวว่า "สิ่งที่เราต้องทำคือ การยอมรับว่าระบบสาธารณสุขของเรากำลังจะพังทลายจากการแบกรับภาระนี้เอาไว้"


ที่ศูนย์ตรวจโควิดในฮ่องกงมีผู้เข้าคิวรอตรวจยาวเหยียด

อย่างไรก็ตาม ทางการฮ่องกงยังคงไม่ยอมละทิ้งนโยบายโควิดเป็นศูนย์ เพราะต้องการเอาใจรัฐบาลจีน ซึ่งจะนำไปสู่การเปิดพรมแดนระหว่างฮ่องกงกับจีนแผ่นดินใหญ่ขึ้นอีกครั้ง

แต่ ดร.สิทธารถ ศรีธาร นักไวรัสวิทยาจาก HKU ชี้ว่าการยึดถือนโยบายดังกล่าวของรัฐ ทำให้แนวคิดเรื่องการใช้ชีวิตร่วมกับโควิดเป็นสิ่งที่ไม่เกิดขึ้นอย่างสิ้นเชิงในฮ่องกง "และตอนนี้ทุกคนกำลังตื่นตระหนก"

เขาระบุว่า หากฮ่องกงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงนโยบายได้ รัฐบาลก็ควรปรับปรุงการให้ความช่วยเหลือคนไข้ที่กักตัวอยู่ที่บ้าน เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะเข้าถึงอาหาร ชุดตรวจชนิดทราบผลเร็ว และยารักษาโรคขั้นพื้นฐาน

ขณะที่ศาสตราจารย์ เหลียง แนะว่า โรงพยาบาลต่าง ๆ ควรมีการคัดแยกผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากปัจจุบันโรงพยาบาลรัฐมีเตียงรองรับผู้ป่วยอยู่เพียง 2,000 เตียงเท่านั้น

ปัญหาเรื่องวัคซีน

แต่หนึ่งในปัญหาสำคัญของวิกฤตโควิดในฮ่องกงครั้งนี้ คืออัตราการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ยังต่ำในหมู่ผู้สูงอายุ โดยประชากรอายุ 11 ปีขึ้นไปได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว 76.2% แต่ผู้ที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไปกลับมีอยู่ไม่ถึง 1 ใน 3

ดร.ศรีธาร กล่าวว่าที่เป็นเช่นนี้ เพราะที่ผ่านมาฮ่องกงมีอัตราผู้เสียชีวิตจากโควิดต่ำ จึงทำให้ผู้คนไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีน

ความลังเลใจในการฉีดวัคซีนยังฝังรากลึกในฮ่องกง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีความไม่ไว้ใจในรัฐบาล โดยเฉพาะหลังจากเกิดเหตุความไม่สงบขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้เชื่อในทฤษฎีสมคบคิดเรื่องวัคซีนจำนวนมาก


ย่านใจกลางฮ่องกงเงียบเหงาจากมาตรการควบคุมโควิดที่เข้มงวด

ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ดำเนินการเพียงเล็กน้อยในการจูงใจให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน และปฏิบัติต่อผู้ที่ฉีดวัคซีนกับผู้ที่ไม่ได้ฉีดแทบจะไม่ต่างกัน โดยในสัปดาห์นี้ ทางการเพิ่งจะใช้ระบบบัตรผ่านสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วสำหรับการเข้าใช้บริการร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ

ความช่วยเหลือจากแผ่นดินใหญ่

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในฮ่องกงสร้างความวิกตกกังวลให้รัฐบาลจีน โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้สั่งการรัฐบาลฮ่องกงว่า การจัดการโรคระบาดให้อยู่ภายใต้การควบคุมคือ "สิ่งสำคัญอันดับแรก"

ปัจจุบัน รัฐบาลจีนได้ช่วยฮ่องกงเพิ่มขีดความสามารถในการตรวจและกักโรค โดยรัฐบาลฮ่องกงระบุว่า มีแผนจะตรวจคัดกรองโควิดให้ประชาชนทุกคน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่าจะช่วยให้การระบาดระลอกนี้สิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว

เคย์ แลม นักวิจัยจากสถาบันวิจัยนโยบายฮ่องกง ระบุว่า หลังการระบาดระลอกนี้จะมีความเป็นไปได้ 2 ประการคือ คนฮ่องกงจำนวนมากจะมีภูมิต้านทานโควิดตามธรรมชาติ เพราะที่ผ่านมาฮ่องกงไม่เคยมีการระบาดเป็นวงกว้างมาก่อน นอกจากนี้ หลายคนจะได้รับวัคซีน และเรียนรู้เรื่องการกักตัว โดยชี้ว่า ความช่วยเหลือจากจีนแผ่นดินใหญ่จะช่วยให้ฮ่องกงรักษาอัตรา "โควิดเป็นศูนย์" ได้ง่ายขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่า ฮ่องกงไม่สามารถปิดพรมแดนห้ามการเดินทางของผู้คนได้ตลอดไป


จีนแผ่นดินใหญ่ช่วยฮ่องกงเพิ่มขีดความสามารถในการตรวจคัดกรองโรค

ส่วน ดร.ศรีธาร ไม่เชื่อว่าฮ่องกงจะเปลี่ยนทิศทางนโยบายว่าด้วยโควิดเร็ว ๆ นี้ เพราะการระบาดของโอมิครอนครั้งนี้จะยิ่งตอกย้ำความเชื่อของรัฐบาลจีนที่มีต่อนโยบายโควิดเป็นศูนย์

"การระบาดระลอกนี้ช่วยตอกย้ำความคิดของหลายคนในแผ่นดินใหญ่ที่เชื่อว่าจีนจำเป็นต้องคงนโยบายโควิดเป็นศูนย์เอาไว้ เพราะได้เห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในฮ่องกงมาแล้ว"

"ผมคิดว่าแผ่นดินใหญ่ต้องการที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นที่นั่น" เขากล่าว

ที่มา โควิด : ทำไมฮ่องกงกำลังเผชิญการระบาดรุนแรงของโอมิครอน
บีบีซีไทย
โดย เกรซ ฉ่อย
บีบีซี นิวส์ ฮ่องกง
23 กุมภาพันธ์ 2022