ใครที่ดูคลิป รังสิมันต์ โรม อภิปรายเรื่องตำรวจ-ทหารไทย เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา ในปี ๒๕๕๘ จนทำให้ประเทศไทยถูกตราหน้าละเมิดสิทธิมนุษยชน ชนิดติด ‘เทียร์ ๒ ต้องจับตา’ แล้วพบว่ามีเนื้อๆ เยอะเสียจนย่อยยากละก็
มาดูเกล็ดๆ (ที่ถูกขอด) กันดีกว่า ไม่ต้องย่อยเพราะมัน ‘melt in your mouth’ ละลายในปาก เนื่องจากเจ้าตัว ต้นเรื่องผู้อยู่ในใจกลางของเหตุการณ์ มายืนยันที่รังสิมันต์พูดในสภาฯ นั้น “จริงทั้งหมด” พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ บอกผ่านวิดีโอคอลจากออสเตรเลีย
บอกกับรังสิมันต์ โรมและพรรณิการ์ วานิช อดีตหัวหน้าทีมสอบสวนคดีค้ามนุษย์ ว่า “วันนี้เป็นวันที่มีความสุขที่สุดวันหนึ่ง มันเป็นเรื่องความทุกข์ที่สร้างความเครียดเรื่องหนึ่งในชีวิต นับแต่ต้องหนีออกจากประเทศไทย...เป็นเวลา ๖ ปี ๓ เดือน ๓ วัน
จากการถูกกลั่นแกล้ง ไม่ได้รับความเป็นธรรม...ทุกวันนี้ผมต้องใช้ชีวิตเหมือนผู้ลี้ภัย ต้องมาเรียนภาษา...หางานทำเลี้ยงชีพ ผมไม่รู้ตัวมาก่อน ภาษาก็ไม่ได้ ทรัพย์สินก็ไม่มี ถึงเวลานี้ผมรู้สึกได้รับความเป็นธรรมกลับมาครึ่งหนึ่ง แต่อีกครึ่งหนึ่งขาดหายไป
เสียดาย หากวันนั้นประเทศไทยมีประชาธิปไตยแท้จริง มีนายกฯ และผู้บริหารทุกระดับ ที่อยากให้ประเทศใสสะอาด มีความซื่อสัตย์กล้าหาญ ให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปอย่างเที่ยงตรง...มั่นใจว่าจะสาวไปถึง ‘ปลาตัวใหญ่’ อีกหลายตัวแน่นอน”
พล.ต.ต.ปวีณทวนความหลังตอบคำถามของฐาปณีย์ เอียดศรีชัย ทำไมเพิ่งมาเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดในตอนนี้ ว่าเมื่อ ๖ ปีที่แล้วอยากเปิดเผย พูดเปรยๆ กับสื่อหลายสำนักแต่ไม่มีใครกล้าเสนอ จนกระทั่ง ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.ก้าวไกล อภิปรายเรื่องค้ามนุษย์ในสภา จึงได้เกิดพลังใจ “ก็ไอ้ใบสมัครแผ่นนั้น ตรงนั้นละครับเป็นคำตอบทั้งหมด ทำให้ผมตัดสินใจง่าย อ้อ อย่างนี้นี่เอง...ใครล่ะที่ทำให้เกิดอันตราย ใครที่แผ่รังสีอำมหิตมาเนี่ย”
ขอบคุณรายงานของ Noppakow Kongsuwan กับลายแทงของ ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ พร้อมด้วยทวี้ต ๕ ตอนของ Bencha Saengchantra @BenchaMFP ทำให้ซึมซับกับข้อเท็จจริงที่ทำให้ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยิบเอกสารเดินออกไป ไม่ยอมตอบ
กลายเป็นดราม่าย่อยๆ ผสมพริกกับเกลือในบรรยากาศประชุมสภา ส.ส.พลังประชารัฐเขตคลองเตยลุกขึ้นประท้วงให้รังสิมันต์ถอนคำพูด “ใจดำอำมหิต” ว่าเสียดสีนายกฯ จนเกินไป กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา อ้างว่าคณะรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องตอบกระทู้ก็ได้
ประธาน สุชาติ ตันเจริญ เห็นคล้อย ใช่ แต่ใจดีลดให้ครึ่งหนึ่ง ‘ใจดำ’ พอรับได้ ‘อำมหิต’ ไม่ไหว ถ้างั้นถอนแต่อำมหิตแล้วกัน “รังสิมันต์โต้ว่าก็เห็นๆ อยู่กับตาว่ามันเป็นอย่างนั้น ไม่สามารถถอนได้ ประธานจึงให้ออกจากห้องประชุมไป”
แต่คำว่า ‘อำมหิต’ นั้นมันวนเวียนอยู่กับเรื่องนี้มาแต่อ้อนแต่ออกแล้วไง “มันเป็นไปได้จริงๆ หรือครับที่เจ้าหน้าที่รัฐจำนวนแค่นี้จะก่อการใหญ่ขนาดทั่วพื้นที่ภาคใต้ได้ เชื่อจริงๆ หรือว่ามีนาวาโทคุมทั้งทะเลอันดามันอยู่แค่คนเดียว”
คำอภิปรายของรังสิมันต์กลับมาสะท้อนคำปรารภของอดีตมือปราบ ที่สาวถึงก้นบึ้งของขบวนการค้ามนุษย์ในไทย จุดเชื่อมกลางระหว่างเมียนมาร์กับมาเลเซีย เมิ่อถูกถามว่าออกมาแฉอย่างนี้ ไม่เป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเองบ้างหรือไร
“ที่นักข่าวถามว่าพูดออกมาแล้วจะได้รับอันตรายไหม อันตรายมาจากไหนใครเป็นคนทำ ปี ๕๘ ไม่มีใครกล้าตอบ วันนี้ปี ๖๕ แล้ว ที่มืดๆดำๆมันกระจ่างหมดแล้ว นี่คือต้นเหตุที่ทำให้ทุกคนเกิดความกลัวทำให้บ้านเมืองฉิบหายขนาดนี้” ปวีณ ‘วีน’ บ้าง
“ผมก็แปลกใจมาก ทำไม ตร.ทั้งประเทศต้องตัดผมสั้นเกรียน ได้ประโยชน์อะไร โชคดีที่ผมไม่เคยไปตัดผมสั้นแบบนั้น ดูแล้วมันเป็นตัวตลก...คำถามคือใครเป็นคนสร้างกฎเกณฑ์ขึ้นมาไปยุ่งอะไรกับกบาลบนหัวของเขา สตช.คิดยังไง”
สิ่งที่รังสิมันต์เล่าไว้ ว่าหลังจากปวีณลาออกตำแหน่งตำรวจ ก็ได้รับสายโทรศัพท์จากนายตำรวจใหญ่คนหนึ่งที่เป็นที่รู้จักในแวดวงชั้นสูง ชื่อ พล.ต.ท. ‘ฐ.’ (Thanapol Eawsakul เอามาเฉลยว่าคือ พลเอก ฐิติราช หนองหารพิทักษ์”
เป็นนายทหารราชองครักษ์ รองผู้บัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ และเป็น “กรรมการในคณะกรรมการอำนวยการโครงการจิตอาสาพระราชทาน ๙๐๔ วปร.” ข้อสำคัญเป็นพี่เขย พล.ต.อ.จ.
อีกคนที่รังสิมันต์เอ่ยถึง ‘พล.อ.อ. ส.’ (สถิตพงษ์ สุขวิมล) “ข้าราชการชั้นสูงเบอร์ต้นๆ คนหนึ่งของประเทศนี้ ที่ได้เสนอให้คุณปวีณไปทำเรื่องถอนใบลาออกกับ ผบ.ตร. แล้วมาทำงานด้วยกันกับเขา” ปวีณปฏิเสธเพราะมีข้อเสนอให้เลือกอีก ๒ อย่าง
หนึ่งในนั้นให้ทำงานเดิมต่อ แต่ต้องอยู่เงียบๆ ในสังกัดของ บชก.สอบสวนกลาง ก็ให้ไม่บังเอิญว่า ต่อมา “จิรภพ ภูริเดช เป็นคนที่มาคุมตำรวจสอบสวนกลางแทน พงศ์พัฒน์” (ฉายาพันธุ์) เขาเป็นน้องของ พล.อ.จักรภพ เจ้าของตัวย่อ พล.อ. จ.
บุคคลในตัวย่อ ส. จ. และ ฐ.ที่รังสิมันต์อภิปรายเอ่ยถึงนั้น ล้วนเป็นเครือข่ายคนของวังยุค ร.๑๐ โดยเฉพาะ จ.นี่ลือกันว่าน่าหวาดกลัวมาก เมื่อนึกถึง ‘พิสิฐศักดิ์’ และ ๘ ผู้ลี้ภัยในลาวที่สูญหาย และบางรายกลายเป็นศพขึ้นอืดในแม่น้ำโขง
(https://www.facebook.com/rangsimanrome/posts/497827925033605, https://www.facebook.com/Noppakow.kong/posts/1241630952911998, https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=7341907412493822&id=717092704975359 และ https://twitter.com/BenchaMFP/status/1494895748873605120)