Poetry of Bitch
13h ·
สรุปแฮชแท็ก #ค้ามนุษย์
—————
ตอนที่ 1: ทลายค่ายกักกันโรฮิงญา
ตอนที่ 2: อาชญากรในเครื่องแบบ
ตอนที่ 3: ถูกสั่งย้ายและการลาออก
ตอนที่ 4: ลี้ภัยไปออสเตรเลีย
ตอนที่ 5: เปิดใจเล่าชีวิตในออสเตรเลีย
—————
แฮชแท็ก #ค้ามนุษย์ ทะยานขึ้นเทรนด์อันดับ 1 ทวิตเตอร์ประเทศไทย มียอดทวีตมากกว่า 5 แสนครั้ง หลัง “รังสิมันต์ โรม” ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ลุกขึ้นอภิปรายประเด็นคดีค้ามนุษย์โรฮิงญาที่เคยเป็นข่าวดังเมื่อปี 2558 แต่ “พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์” หัวหน้าทีมสืบสวนสอบสวนคดีนี้กลับถูกโยกย้าย ถูกข่มขู่ จนต้องลี้ภัยไปออสเตรเลีย
.
แอดสรุปคดีนี้มาคร่าว ๆ โดยประมวลจากข่าวเข้ากับการอภิปรายของโรม แต่เรื่องนี้มีรายละเอียดเยอะ ตัวละครก็เยอะ มีความเชื่อมโยงกันเชิงอำนาจและเชิงอุปถัมภ์ด้วย แอดจึงอยากให้ทุกท่านได้เข้าไปอ่านโพสต์เต็มจากโรมด้วยนะคะ มีหลายโพสต์เลย (ลิงก์อยู่ด้านล่าง) โดยโรมได้ติดต่อพูดคุยกับ พล.ต.ต.ปวีณโดยตรง ซึ่งตอนนี้ท่านอยู่ที่ออสเตรเลียค่ะ
—————
ทลายค่ายกักกันโรฮิงญา
:
1- พฤษภาคม 2558 ตำรวจบุกทลายแคมป์ที่มีลักษณะคล้ายค่ายกักกันแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่กลางป่าบนเทือกเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา พื้นที่ชายแดนรอยต่อไทย-มาเลเซีย
2- พบว่าเป็นค่ายที่ใช้คุมขังชาวโรฮิงญาเพื่อค้ามนุษย์ โดยค่ายนี้สามารถจุคนได้ถึง 1,000 คน แต่ประเมินเบื้องต้นว่ามีชาวโรฮิงญาผ่านค่ายกักกันนี้มาแล้วนับหมื่นคน
3- นอกจากนี้ยังขุดพบศพชาวโรฮิงญา 36 ศพ ผลชันสูตรพบว่าบางศพขาดสารอาหารตาย บางศพมีร่องรอยถูกทำร้าย ภาพน่าสะเทือนใจคือ พบชายชาวโรฮิงญาคนหนึ่งถูกขังไว้ที่ค่ายแห่งนี้ โดยเขาถูกบังคับให้นั่งยอง ๆ อยู่ในคอกทั้งวันจนขาลีบอ่อนแรง เดินไม่ได้ ต้องกินใบไม้ประทังชีวิต
4- ชาวโรฮิงญาที่รอดชีวิตให้การว่า ก่อนหน้านี้พวกเขาจ่ายเงิน 10,000 – 70,000 บาท ให้กับขบวนการค้ามนุษย์ อ้างว่าจะพาขึ้นเรืออพยพจากเมียนมาเพื่อลี้ภัยไปมาเลเซีย แต่เมื่อมาขึ้นฝั่งที่ไทยกลับถูกนำตัวมากักกันไว้ที่นี่
5- จากนั้นขบวนการค้ามนุษย์ได้ติดต่อข่มขู่ญาติพี่น้องของพวกเขาที่อยู่มาเลเซียให้จ่ายค่าไถ่ตัว โดยเปิดกล้องโทรศัพท์ถ่ายให้ญาติดูตอนพวกเขาถูกเฆี่ยนตี ผู้ชายถูกซ้อมทรมาน ผู้หญิงหลายคนถูกข่มขืน
6- ใครไม่สามารถจ่ายค่าไถ่ได้จะถูกนำตัวไปใช้แรงงานทาส หรือปล่อยให้ตายคาค่าย โดยสภาพความเป็นอยู่ในค่ายนั้นย่ำแย่เกินกว่าจะจินตนาการได้ว่านี่คือสิ่งที่มนุษย์กระทำกับมนุษย์ด้วยกัน ที่น่าหดหู่ไปอีกคือพบว่าการค้ามนุษย์ชาวโรงฮิงญาในลักษณะนี้ดำเนินมานานนับ 10 ปีแล้ว
7- นายตำรวจที่มาทำคดีนี้คือ “พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์” ซึ่งดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ในตอนนั้น เขาเป็นนายตำรวจมือฉมัง ไขคดียาก ๆ มานับไม่ถ้วน เช่น คดีปราบมาเฟียแท็กซี่ที่ภูเก็ต, คดีทุจริตก่อสร้างโรงพักตำรวจ 369 แห่งทั่วประเทศ เป็นต้น
—————
อาชญากรในเครื่องแบบ
:
8- พล.ต.ต.ปวีณเชื่อว่า การค้ามนุษย์ครั้งใหญ่นี้ไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอนหากไม่มี “อาชญากรในเครื่องแบบ” ร่วมด้วย และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เขาสืบสาวไปจนพบว่ามีทั้งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง นักการเมืองท้องถิ่น ตำรวจและทหารหลายนาย รวมทั้งพลเรือนร่วมด้วย
9- ตลอดเวลาที่ทำคดีนี้ พล.ต.ต.ปวีณมักถูกขัดขวาง ถูกปฏิเสธไม่ให้ข้อมูล และถูกปิดบังพยานหลักฐานจากเจ้าหน้าที่รัฐและจากตำรวจด้วยกันอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งถูกข่มขู่ด้วย
10- แต่ในที่สุด พล.ต.ต.ปวีณก็สามารถสรุปสำนวนส่งอัยการสูงสุดได้สำเร็จ โดยเอกสารมีความหนามากกว่า 2.7 แสนแผ่น นำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหาถึง 153 ราย มีทั้งนักการเมืองท้องถิ่น, ข้าราชการระดับสูง, ทหาร, ตำรวจ และพลเรือน (ปัจจุบันศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษไปแล้ว 75 ราย)
11- แม้ระหว่างกระบวนการมอบตัวและจับกุมผู้ต้องหา ก็ยังมีความพยายามที่จะวิ่งเต้น ใช้ความเป็น “พี่น้องร่วมรุ่น” และเส้นสายต่าง ๆ มาช่วยเหลือกดดันกันทุกวิถีทาง รวมทั้งข่มขู่พยาน ข่มขู่ทีมสอบสวน สั่งย้ายผู้บังคับบัญชา
12- ผู้ต้องหาระดับใหญ่สุดที่สามารถนำตัวขึ้นศาลได้สำเร็จคือ “พล.ท.มนัส คงแป้น” ศิษย์เก่าเตรียมทหารรุ่น 16 และอดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ซึ่งพบการโอนเงินจากขบวนการค้ามนุษย์เข้าบัญชีธนาคาร พล.ท.มนัสร่วมร้อยครั้ง รวมกว่า 14 ล้านบาท เชื่อว่ายังมีตัวการใหญ่ระดับบิ๊กกว่านี้ที่ยังสาวไปไม่ถึง
13- ในปี 2562 ศาลอุทธรณ์ตัดสินพิพากษาจำคุก พล.ท.มนัส 82 ปี แต่ในเดือนมิถุนายน 2564 เขาเสียชีวิตเพราะหัวใจวายเฉียบพลันในเรือนจำ (ซึ่งโรมมองว่าเป็นการเสียชีวิตอย่างมีปริศนา เพราะ พล.ท.มนัสสุขภาพแข็งแรงดีมาตลอด)
—————
ถูกสั่งย้ายและการลาออก
:
14- คดีนี้ถือเป็นผลงานระดับโบแดง แต่ชะตากรรมของ พล.ต.ต.ปวีณกลับสวนทางกับผลงานของเขา ในเดือนตุลาคม 2558 ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (กตร.) ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่งเป็นประธาน ได้สั่งย้าย พล.ต.ต.ปวีณไปรักษาราชการที่ชายแดนใต้
15- หากเป็นการสั่งย้ายก่อนหน้าที่จะทำคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา พล.ต.ต.ปวีณก็ไม่ขัดข้อง แต่หลังเขาทำคดีนี้แบบไม่ไว้หน้าใครก็สร้างความไม่พอใจให้เครือข่ายค้ามนุษย์ในพื้นที่เป็นอย่างมาก นอกจากคนกลุ่มนี้จะรอเอาคืนเขาอยู่ พื้นที่นี้ยังเป็นเขตอิทธิพลทหารที่ไม่พอใจ พล.ต.ต.ปวีณอยู่เป็นทุนเดิม หลายฝ่ายจึงมองว่านี่เท่ากับเป็นการส่งเขาไปตาย
16- พล.ต.ต.ปวีณขอให้ผู้บังคับบัญชาและนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ทบทวนคำสั่งย้าย แต่ไม่เป็นผล เขาจึงตัดสินใจลาออกเพื่อรักษาชีวิตตัวเองเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2558 เรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ในทุกสื่อ
—————
ลี้ภัยไปออสเตรเลีย
(สรุปจากโพสต์ของโรมที่ได้คุยกับ พล.ต.ต.ปวีณ)
:
17- หลังการลาออก พล.ต.ต.ปวีณได้รับการติดต่อจากนายหารระดับสูงเบอร์ต้น ๆ ของประเทศคนหนึ่ง ชวนเขาไปทำงานด้วยในหน่วยพิเศษที่สูงมาก ๆ พร้อมส่งใบสมัครมาให้เสร็จสรรพ มันเป็นใบสมัครพิเศษที่จะส่งให้เฉพาะคนที่ถูกจับตามองและถูกเลือกเข้าไปทำงานในหน่วยนี้เท่านั้น
18- พล.ต.ต.ปวีณได้รับข้อเสนอว่าตอนนี้เขามี 3 ตัวเลือก คือ 1. ทำงานที่หน่วยพิเศษระดับสูง 2. ไปทำคดีค้ามนุษย์ต่อ 3. ลาออกแล้วอยู่เงียบ ๆ
19- ตอนนั้น พล.ต.ต.ปวีณเข้าใจว่าเขามีสิทธิ์เลือกจริง ๆ และเข้าใจว่าผู้ใหญ่ในบ้านเมืองคงเห็นความสำคัญของการปราบปรามการค้ามนุษย์แล้ว เขาจึงตอบไปว่าเลือกข้อ 2 ขอกลับไปทำคดีค้ามนุษย์ต่อ
20- จากนั้น พล.ต.ต.ปวีณก็ไปขอถอนใบลาออก เตรียมกลับไปทำงาน แต่แล้วในคืนนั้นเองเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้ใหญ่ในวงการตำรวจซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของเขาเอง บอกกับเขาว่า “ต้องลาออกแล้วอยู่เงียบ ๆ”
21- พล.ต.ต.ปวีณมองว่าเขาไม่สามารถไว้วางใจใครได้อีก แม้แต่ผู้บังคับบัญชา หรือผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง อีกทั้งเกรงว่าหากปฏิเสธไม่ทำงานกับหน่วยพิเศษระดับสูงแล้วตัวเองจะไม่ปลอดภัย จึงตัดสินใจขอลี้ภัยไปอยู่ออสเตรเลีย
22- โรมได้นำเอกสารต่าง ๆ มาเผยแพร่ เช่น ใบสมัครหน่วยพิเศษระดับสูงที่ส่งให้ พล.ต.ต.ปวีณ, เอกสารขอลี้ภัยของ พล.ต.ต.ปวีณที่อธิบายประวัติความเป็นมาและสถานการณ์ความไม่ปลอดภัยของเขาหากยังอยู่ในประเทศไทย มีความยาวถึง 17 หน้า สร้างความฮือฮาและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก
—————
เปิดใจเล่าชีวิตในออสเตรเลีย
:
23- ล่าสุด พล.ต.ต.ปวีณได้ให้สัมภาษณ์ออนไลน์ว่า ขอยืนยันว่าที่โรมพูดอภิปรายเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง และวันนี้เป็นวันที่ตนมีความสุขที่สุดวันหนึ่ง เพราะรู้สึกเหมือนได้รับความเป็นธรรมกลับมาครึ่งหนึ่ง แต่อีกครึ่งต้องรอวันที่ประเทศไทยมีประชาธิปไตยแท้จริง
24- พล.ต.ต.ปวีณบอกว่าตนหนีออกนอกประเทศมานาน 6 ปี 3 เดือนแล้ว ต้องใช้ชีวิตเหมือนผู้ลี้ภัยทั่วไป คือเรียนภาษาและหางานทำเลี้ยงชีพ ซึ่งภาษาตนไม่ได้ ทรัพย์สินก็ไม่มี พล.ต.ต.ปวีณยังแสดงความมั่นใจว่าหากตนยังดูแลคดีค้ามนุษย์อยู่ จะสามารถสาวไปถึงปลาตัวใหญ่ได้อีกหลายตัวแน่นอน
25- นักข่าวถามว่าอยากกลับไทยหรือไม่ พล.ต.ต.ปวีณน้ำตาคลอและตอบว่า “แน่นอนครับ นั่นคือบ้านเกิดของผม ผมยังมีบุคคลอันเป็นที่รักอยู่ที่นั่น เป็นความหวังของผม”
—————
ลิงก์ที่เกี่ยวข้องจากโพสต์ของโรม
:
สรุปที่โรมอภิปราย
https://www.facebook.com/100044192061288/posts/497827925033605/?d=n
.
สรุปที่โรมอภิปราย (แบบคลิป)
https://www.facebook.com/watch/?v=375805673916633
.
เอกสารขอลี้ภัยของ พล.ต.ต.ปวีณ
https://www.facebook.com/100044192061288/posts/497216888428042/?d=n
.
ใบสมัครหน่วยพิเศษที่ส่งให้ พล.ต.ต.ปวีณ
https://www.facebook.com/100044192061288/posts/497876145028783/?d=n
.
สัมภาษณ์ พล.ต.ต.ปวีณออนไลน์
https://www.facebook.com/MoveForwardPartyThailand/videos/2017820785051856/