‘ศรีสุวรรณ’ นี่มันน่าโดนฟ้องกลับให้ขยาด หางจุกตูดเป็นหมาถูกน้ำร้อน ต่อการฟ้องดะไปเสียทุกอย่างที่ทำให้เจ้านายกระเทือนซาง ไม่มีมโนธรรม ไม่ต้องคิดว่าอะไรผิดอะไรไม่ควร ล่าสุดที่ไปแจ้งความแม่ของเพ็นกวิ้นข้อหาฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน นั่นเลวหาที่เปรียบมิได้
จากที่ Nopkong @SAHINOP ชี้แนะไว้เมื่อสองวันก่อน “น่าคิดมากว่า หากคดีที่ศรีสุวรรณไปฟ้องคนจำนวนมาก (รวมแล้วอาจจะเป็นร้อยคน) เกิดศาลยกฟ้อง หรือสั่งไม่ฟ้องขึ้นมา และกลุ่มคนเหล่านั้น แห่กันไปฟ้องแพ่งกลับคนละสัก ๕-๑๐ ล้าน หรือแจ้งความกลับ”
ไม่ต้องสนใจเลยว่าถ้าโดนอย่างนั้นศรีสุวรรณจะใช้ชีวิตเช่นไร เขาควรได้รับสภาพอัดอั้น หดหู่ และแร้นแค้นเฉกเช่นเหล่าคนที่เขาหาเรื่องฟ้อง เท่าจำนวนคนเหล่านั้น จะเป็นกี่สิบกี่ร้อยก็ช่าง ให้รับรู้เสียบ้างว่าอาชีพ ‘นักร้อง’ ต้องมีราคาให้จ่ายคืน
ศรีสุวรรณนี่แหละรู้เห็นเป็นใจกับศาล ร้องเรียนบรรดาผู้คนสามัญที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องต่างๆ เพื่อสวัสดิภาพของประชาชน เพื่อการเมืองที่เสมอภาค และเพื่ออนาคตที่ดีกว่า พอตำรวจออกหมายเรียกหมายจับแล้ว ผู้พิพากษาก็หมายหัวคนนั้นคนนี้ไม่ให้ประกัน
จากการเปิดเผยของเยาวลักษณ์ อนุพันธุ์ ทนายสิทธิมนุษยชนอาวุโส สมศักดิ์ เจียม@somsakjeam เอามาขยายว่า ในการฝากขังเหล่าแกนนำเยาวชนคณะราษฎร ๗ คนมาแล้วเป็นเดือน โดยยังไม่มีการเริ่มพิจารณาคดี มีการห้ามประกัน ถอนประกันหลายครั้ง
“น้องบอกว่า วันนี้ในห้องไต่สวนคัดค้านฝากขังคดีอานนท์ ศาลพูดว่าเนื่องจากอธิบดีสั่งไม่ให้ประกันแล้วไม่มีศาลคนไหนกล้าให้ประกันหรอก” นี่เป็นการปฏิบัตินอกระเบียบความยุติธรรมพื้นฐาน ซ้ำการปฏิบัติต่อผู้ถูกคุมขังเป็นกรณีพิเศษเหล่านี้ขาดมนุษยธรรม
เหตุเกิดกับเพ็นกวิ้นเมื่อวันวาน ถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทำร้ายถึงขั้น “ล้มหัวฟาดพื้น” ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ราวสิบคนเข้ากลุ้มรุมพยายามจะนำตัว พริษฐ์ ชีวารักษ์ ออกจากโรงพยาบาลไปเรือนจำธัญบุรี โดยที่เพ็นกวิ้นต้องการไปพบกับทนายซึ่งไปรออยู่นานแล้วเสียก่อน
“บอย-ธัชพงศ์ แกดำ ที่อยู่ในเหตุการณ์พยายามเข้าไปช่วย แต่กลับโดนผู้คุมใช้กำลังพร้อมกับด่าว่า อย่าเสือก” เป็นการใช้อำนาจบาตรใหญ่จนเกินกว่าเหตุ จน ‘รุ้ง’ Panusaya S. @PanusayaS โวยว่า “กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ต้องออกมาแถลง”
เธอขอให้เปิดเผยภาพกล้องวงจรปิดช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ “และนำตัวเจ้าหน้าที่ที่ชื่อ ‘ศักดินา’ มาชี้แจงด้วยว่าทำร้ายเพื่อนเราทำไม หากราชทัณฑ์ไม่ออกมาชี้แจง หนูจะถือว่าพวกคุณมีเจตนา และจงใจที่จะทำร้ายเพ็นกวิ้น”
อย่าว่าแต่ในสถานที่เล้นลับอย่างในเรือนจำนั่นเลย ซึ่งเจ้าหน้าที่ละเมิดกฏเกณฑ์มนุษยธรรมทำร้ายผู้ชุมนุม กระทั่งกลางแจ้งอย่างเปิดเผยในที่สาธารณะ บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ตำรวจหน่วยควบคุมฝูงชนใช้รถกระบะปิ๊กอัพพุ่งชนผู้ชุมนุมบาดเจ็บและตาย
ข้อความโซเชียลชิ้นหนึ่งระบุว่า “น้องที่โดน คฝ.ขับรถกระบะชน แล้วลงมากระทืบซ้ำอีก ขณะนี้เสียชีวิตแล้ว” จากอาการซี่โครงหัก ขณะที่เยาวชนอายุไม่ถึง ๑๗ ปีคนนี้เคยป่วยจนต้องเสียปอดไปข้างหนึ่ง ทางการตำรวจกลับออกมาปฏิเสธว่านั่นเป็นข่าวปลอม
วันนี้ถึงต้องมีคาร์ม็อบไปศาลธัญบุรี #ปล่อยเพื่อนเรา ไม่เพียงความเลวร้ายของหน่วย คฝ.ที่รับรู้กันในหมู่ประชาชนวงกว้างเท่านั้น ความชั่วช้าของตำรวจยุคนี้เป็นข่าวไม่เว้นแต่ละวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับความพัวพันกับธุรกิจมิจฉาชีพ
บ่อน ยาเสพติด ได้เห็นกันบ่อยๆ ว่ามีการปกปิดและปฏิเสธหน้าด้านๆ เช่น เรื่องเก่าเพิ่งผุดขึ้นมาฉาวโฉ่ ก็กรณีที่มีการนำเครื่องบินลำเลียงสัมภาระของสำนักงานตำรวจแห่งชาติสองลำ ไปใช้ขนสุราและเบียร์หนีภาษี จากสนามบินหาดใหญ่ไปยังกองบินตำรวจ
แม้จะเป็นคดีเก่าเมื่อปี ๒๕๖๑ แต่โผล่ตอนนี้เพราะเรื่องคาอยู่ที่ ปปช. สำนักงานปราบปรามทุจริตแห่งชาตินี่ก็ มักขยันและว่องไวกับคดีการเมืองเกี่ยวกับฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลชุดนี้ เร่งพิจารณาสรุปเสร็จก่อนเรื่องอื่นๆ แต่พอถึงการทุจริตของคนในรัฐบาลซึ่งเป็นหน้าที่ตรง ถ้าไม่เอื่อยก็ลืมหาย
พอมีภาคประชาสังคมจี้ โฆษก ปปช.รีบออกแถลงทันใจ นิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาฯ บอกว่าโอ๊ยเรื่องนี้เก่าแล้ว แต่มีการร้องเรียนไปถึง ปปช.เมื่อต้นเดือนตุลา ๖๓ นี่เอง ขณะนี้ “อนุกรรมการกลั่นกรองได้ให้ไปดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติม” แล้ว
เหมือนเค้าจะบอกว่า อะไรกันเพิ่งจะปีเดียว ใจเย็นๆ “เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง” ถ้าไม่จี้กันต่อ ก็คงจะเงียบหายไปอีกปี
(https://tna.mcot.net/politics-778332, https://www.matichon.co.th/politics/news_2933917 และ https://www.facebook.com/sakchai.kwannthanyakorn/posts/3133157730237408)