วันเสาร์, กันยายน 18, 2564

เรื่องราว การเคลื่อนไหว ความทรงจำ ความหลัง และมุมมองสู่อนาคต ของคนเสื้อแดงพลัดถิ่น กรุงลอนดอน


Thai Democracy Advocates, UK ภาคีราษฎรไทยในอังกฤษ added 4 new photos.
7h ·

ภาคีราษฎรไทยในอังกฤษ ขอเสนอ “Red-Shirts of London” บทสัมภาษณ์ที่จะถ่ายทอด เรื่องราว ความทรงจำ ความหลัง และมุมมองสู่อนาคต ของคนเสื้อแดงพลัดถิ่นผู้อาศัย ณ กรุงลอนดอน
.
สำหรับตอนปฐมฤกษ์นี้ เราขอแนะนำให้รู้จักกับ “พี่แนทตี้” ที่ได้รับฉายาจากเพื่อนๆว่า “แม่ยกน้องเต้น” คนเสื้อแดงผู้อาศัยในอังกฤษมาแล้วกว่ายี่สิบปี พี่แนทตี้จะมาแบ่งปันเรื่องราวตั้งแต่เริ่มกลับมาสนใจการเมืองภายหลังจากการรัฐประหารในปี 2549 จนนำไปสู่การเข้าร่วมเคลื่อนไหวภายใต้เครือข่ายคนเสื้อแดงและร่วมสนับสนุนการถ่ายทอดสดผ่านระบบ “Camfrog” นอกจากนี้ เรายังมาเจาะลึก ถึงทัศนะและความคิดเห็นของพี่แนทตี้ ที่มีต่อความเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน
.
#RedShirtsOfLondon #อยู่ukแต่ไม่ok
.
ติดตามบทสัมภาษณ์ ใต้ภาพ


Thai Democracy Advocates, UK ภาคีราษฎรไทยในอังกฤษ
7h ·

> ก่อนมาเป็นคนเสื้อแดง
.
ชื่อแนทตี้นะคะ มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี 1995 มาในฐานะ visa นักเรียน ที่จริงก่อนเกิดรัฐประหารปี 49 พี่ไม่ได้สนใจการเมืองขนาดนั้น แต่ตอนที่อยู่เมืองไทย ตอนที่มี “พฤษภาเลือด” ไม่อยากเรียกว่า “พฤษภาทมิฬ” ต้องบอก “พฤษภาเลือดปี 35” ตอนนั้นยังวัยรุ่นอยู่ ไปประท้วง 2-3 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้อะไรมากมาย แล้วพอเรามาอยู่ที่นี่เราก็ห่างหายไปกับการเมือง จนมีการรัฐประหารทักษิณเกิดขึ้น
.
.
> เริ่มเคลื่อนไหวกับกลุ่มคนเสื้อแดง
.
ครั้งแรกที่เกิดขึ้นคือตอนที่คุณทักษิณโดนรัฐประหาร แล้วเราไปเจอคุณทักษิณเดินที่ Tottenham Court Road กับ bodyguard สองสามคน แล้วมีคนเขาบอกว่าทักษิณเป็นนายกที่ดีที่สุด แต่พี่ไม่ได้ตามข่าวเมืองไทยเลยไม่รู้อะไร อย่าลืมว่าสิบยี่สิบกว่าปีก่อนเนี่ย อินเทอร์เน็ตอะไรมันก็ไม่ได้กว้างไกลแบบตอนนี้ พอเสร็จแล้วก็เลยคุยกับที่บ้าน ก็เลยรู้ว่ามีรัฐประหาร พอรู้ว่าคุณทักษิณโดนรัฐประหาร ก็มีเพื่อนที่อยู่ที่นี่ เขาเอา CD สนธิลิ้มฯ ให้ฟัง แล้วพอเราฟังซักพักนึง เราก็รู้สึกว่ามันไม่มีความจริงอยู่ในนั้น เราก็เลยคิดถึงที่คนเขาบอกว่าคนนี้ที่ออกมาไล่ทักษิณ เราก็เลยเริ่ม search (ค้นคว้า) หาข้อมูล จนไปได้ยินว่าเขามี ชุมชนคนวันเสาร์ กลุ่ม นปก. กลุ่มพิราบขาว เราก็ตามอ่าน ตอนนั้นยังไม่รู้จัก Pantip เลย ต่อมาพอเริ่มอ่าน Pantip เริ่มอ่านโน่นอ่านนี่ดู เอ้ย อะไรเนี่ย เมืองไทยมันเกิดอะไรขึ้น ก็เลยเริ่มสนใจและร่วมเคลื่อนไหวตั้งแต่วันนั้น
.
การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงที่นี่ แต่ก่อนมันมีคนที่เคลื่อนไหวที่ค่อนข้างที่จะมี power พอสมควร แต่ตอนนี้เขาไม่ค่อยสบายละ ตอนนั้นเขาก็ชวนไปประท้วง ชวนไปโน่นไปนี่ ไปหน้าสถานทูต เราก็เลยเริ่มรู้จัก เริ่ม associate (เกี่ยวข้อง) กับคนเสื้อแดง ไปไหนเราก็ไปด้วย แต่ตอนที่ประท้วงครั้งแรก เราไม่ได้ประท้วงในฐานะคนเสื้อแดง เราประท้วงเรื่องไล่ คมช. แล้วพอเริ่มมาเป็นคนเสื้อแดง เราก็รู้สึกว่ามันชัดเจนดี เพราะว่าทางสนธิลิ้มฯ เขาก็ present (นำเสนอ) ตัวเขาด้วยเสื้อเหลืองที่เป็นพันธมิตรฯ
.
.
> แม่ยกน้องเต้น
.
พี่เริ่มมาฟังสามเกลอแล้วก็ติด ชอบณัฐวุฒิมากขอยืนยันตรงนี้ คนอื่นฟังแล้วเฉยๆ เราก็รู้อยู่ว่าวีระเป็นใครมาก่อน เราชอบณัฐวุฒิมากก็เลยฟังแล้วก็ติดตามมาถึงตอนนี้ หลายคนติดภาพณัฐวุฒิไม่ดี แต่ณัฐวุติเนี่ย ต้องยอมรับเขาอย่างนึงนะว่า เขาเป็นนักพูดที่ดี เขาชนะมาตั้งแต่ตอนอยู่มัธยมแล้ว เขาเป็นนักพูดมาตั้งแต่มัธยม เราชอบณัฐวุฒิจนโดนเพื่อนแซวว่าเป็น “แม่ยกน้องเต้น” เพราะว่าเวลาเสื้อแดงประท้วงทุกครั้ง เวลาเราต่างกัน บางทีเราก็งีบ แต่เราจะตื่นมาฟังณัฐวุฒิ แล้วเขาก็จะเก็บณัฐวุฒิไว้คนหลังเพื่อดึงคนไว้ ณ เวลานั้น พอฟังมากขึ้นเราก็เริ่ม associate (เกี่ยวข้อง) ตัวเองกับคนเสื้อแดงไปเรื่อยๆ

Thai Democracy Advocates, UK ภาคีราษฎรไทยในอังกฤษ
7h ·

> Camfrog
.
สมัยนั้นการถ่ายทอดลำบากมาก ช่อง DSI ช่องอะไร ก็ถูกสั่งปิดไป ก็ต้องไปที่เวที เอาคอมพิวเตอร์ตั้งแล้วดึงเสียงไปที่เว็บ สารพัดดึง ละคือมีเว็บไม่กี่เว็บที่ตั้งขึ้นมา นปช. USA นปช. Sweden ที่นี่ก็มีเว็บคนไทยยูเค เมืองไทยก็มีเว็บเสรีชน แล้วทีนี้เวลานั้น เว็บก็เริ่มมีปัญหา ก็และคนอยู่เมืองไทยก็เข้าเว็บฟังกันไม่ได้ เลยหนีกันเข้ามาที่ Camfrog แทน ซึ่ง Camfrog สมัยก่อนมันเป็นที่ดูอะไรโป๊ๆใช่ไหม แต่ทุกคนต้องไปสิงสถิตอยู่ใน Camfrog เพื่อจะหาข้อมูลการเมือง ตอนนั้นเสื้อแดงไม่ค่อยมีที่ฟังนะ ไม่เหมือนสมัยนี้ที่เข้า Youtube ก็ได้ สมัยเราต้องเข้าไป Camfrog มันก็คล้ายๆ Clubhouse ตอนนี้ เพียงแต่อันนั้นมันถ่ายทอดเป็นวิดีโอได้
.
เราก็ช่วยคนเสื้อแดงหาที่ถ่ายทอด ความที่ Camfrog เงินมันไม่เยอะ การลงทุนมันไม่เยอะ เราก็พอ afford ที่จะช่วยเขาได้ แล้วสมัยก่อนเน็ตมันไม่ค่อยดีไง ก็ต้องใช้ air card เราก็ช่วยกันซื้อ air card ให้ ด้วยความที่เราอยู่เมืองนอก เราก็ support (สนับสนุน) เท่าที่เราช่วยได้
.
อีกเรื่องเวลาถ่ายทอด ก็จะเจอสิ่งที่คนไทยสมัยนั้นเรียกว่า 401 หรือก็คือ IO สมัยนี้ มันก็จะเข้ามาบ้ง เข้ามาขิง เข้ามาแกล้ง เข้ามาก่อกวน อยู่เรื่อยๆ
.
.
> ภาพติดตาในการเคลื่อนไหว
.
ตอนปี 53 ที่ออกมาประท้วงหนักๆ เรารู้สึกเสื้อแดงน่าสงสาร คุณลุงคุณป้าแบกหม้อ กระทะกันมา จำได้ภาพที่ติดตาคือภาพที่คนถูกยิงผ่าครึ่งหัว เค้าถือธงชาติอยู่ที่สี่แยกคอกวัว วันนั้นเพื่อนที่เจอกันในเว็บทาการเมืองคนนึง เราโทรหาเขา direct (โดยตรง) เลย ถามว่าเขาปลอดภัยไหม เขาบอกเขากำลังลากคนออกมาอยู่ เขายืนข้างไอ้คนที่ถูกยิงผ่าแสกครึ่งหัว เราก็ดูแล้วเราก็ เอ้ย นี่มันไม่ใช่แล้ว ยิงอย่างนี้มันไม่ใช่แล้ว แล้วคนเสื้อแดงที่มาก็ลุงๆ ป้าๆ ทั้งนั้น เราเห็นแล้วเราก็ อะไรกันเนี่ย ประเทศไทย มีอีกภาพที่เห็นแล้วรู้สึกอิน รู้สึกว่าเห็นความแตกต่างระหว่างชนชั้น ก็คือที่สี่แยกราชประสงค์ ดูแล้วรู้สึกสะเทือนใจ ป้าๆ แก่ๆ เขาอยู่กันทั้งคืน เขาก็ซักผ้ากันตรงโซโก้เก่าหลังพระพรหม เขาตากกางเกงใน ตากเสื้อคอกระเช้า ติดกับป้ายแมคโดนัล ภาพนั้นพอเราเห็น โห นี่มันความเหลื่อมล้ำของคน ความเหลื่อมล้ำมันเยอะมากจริงๆ สมัยนั้นแมคโดนัลจานละเท่าไหร่ ราคานี่แทบจะจับต้องไม่ได้ เห็นภาพที่ตากเสื้อผ้าแล้วสะเทือนใจ เมืองไทยน่าสงสารจัง ความเหลื่อมล้ำมันเยอะขนาดนั้นเลยหรอ

Thai Democracy Advocates, UK ภาคีราษฎรไทยในอังกฤษ
7h ·

> วาทกรรม “ควายแดง”
.
นักวิชาการหลายๆ คนสมัยก่อน มองว่าเสียงคนเสื้อเหลืองคนนึงมี power มากกว่าเสียงคนเสื้อแดงสองคน มันไม่ใช่ละ ตอนนั้นรู้สึกโกรธ ถูกมองเป็น “ควายแดง” แหม เราก็ไม่ควรจะเรียกตัวเราควายแดงป่าว ฉันไม่เป็นหนึ่งคนอ่ะ ใครอยากเป็นก็เป็น ฉันไม่ขอเป็นควายแดง รู้สึกว่าพอบอกคนอื่นว่าเป็นคนเสื้อแดงปุ๊บเนี่ย มักจะโดนดูถูก โดยเฉพาะในกลุ่มของสังคมคนเสื้อเหลืองหรือฝ่ายตรงข้าม ณ เวลานั้น เราถูกกดมากๆ ความต่อต้านเรามีมากขึ้นๆ มันก็เริ่ม defense (แสดงการป้องกัน) แรงขึ้นๆ พอเรา defense แรงขึ้นมันก็หัก ประเทศมันถึงแบ่งแยกอย่างนี้ไง โดยสิ้นเชิง เพราะว่าฝ่ายนึงกดอีกฝ่ายนึง
.
มีครั้งนึงพี่ขับรถไปวัดไทยที่นี่ พี่สั่งสติกเกอร์มาจากเมืองไทย “เบื่อม็อบพันธมิตร” แล้วพี่ติดหลังรถขับไปวัดไทยที่ Wimbledon พอพี่จอดรถ คนมองป้ายสติกเกอร์พี่ แล้วก็ซุบซิบกัน พี่ก็ไม่แคร์ เพราะพี่ไม่กลัวว่าเขาจะขูดรถ มันไม่เหมือนเมืองไทย ตอนขับรถไป เพื่อนที่เป็นคนเสื้อแดงเขาก็บอกว่า มึงติดทำไม พอเราติดอะไรแบบนี้ในกลุ่มคนไทยที่นี่เราจะกลายเป็นแกะดำ ด้วยความที่พี่ไม่ได้แคร์อะไรมาก เพราะพี่ไม่ได้ทำงานกับคนไทย ไม่ได้ associate (เกี่ยวข้อง) กับคนไทยเยอะในเวลานั้น ทำให้พี่ไปวัดพี่ก็ไม่แคร์ไง พี่จำได้เลยคนมองรถพี่แบบเป็นรถประหลาด พี่ยังขำเลย เออ คนจะรังเกียจอะไรมากมาย พอเราขึ้นรถ คนมองเราเป็นตาเดียวเลย คนเสื้อแดงสมัยก่อนโดนดูถูกมาก ไม่เหมือนการเคลื่อนไหวสมัยนี้
.
.
> เปลี่ยนผ่านจากคนเสื้อแดงสู่ม็อบสามนิ้ว
.
ตอนที่เด็กรุ่นใหม่ออกมาประท้วงเมื่อปีที่แล้ว พี่จำวันนั้นได้เลย ไอ้ที่เต้นแฮมทาโร่ พี่นั่งดูคลิป เดี๋ยวนี้เขาประท้วงกันอย่างนี้หรอเนี่ย มันเหมือนเพลงเชียร์ตอนที่เราเรียนหนังสือ แล้วมันจะเวิร์คหรอ แต่ก็ติดตามมาตลอด ละก็เริ่มมีกลุ่มธรรมศาสตร์ทำ กลุ่มอะไรทำเนี่ยก็ดู ตอนนั้นมีศัพท์คำว่าแกง แกงแปลว่าอะไร มีทวิตกันเปลี่ยนที่ชุมนุม รู้สึกเด็กพวกนี้มันเหมือนที่เขาเรียกว่าอะไรนะ เหมือนแมววิ่งไล่จับหนูไม่ทัน โห เด็กพวกนี้มันแสบมาก เด็กรุ่นใหม่เวลาประท้วงเนี่ย เขามีอะไรแปลกๆนะ เช่น ร้องเพลงฝรั่งใช่ไหม เออ เด็กพวกนี้มันก้าวหน้า มีตุ๊กตาไดโนเสาร์ มีรูปอะไรแบบนี้ เด็กนี่ปั่นหัวคนแก่จริงๆ เรารู้สึกว่า เด็กพวกนี้นี่ เก่ง! เรารู้สึก ว้าว สนุกดีเว้ย ดูสิว่าจะทำอะไรกันอีก
.
นี่เป็นสาเหตุต้องสมัคร Twitter ไปดูน้องทวิตอะไรกัน ตอนหลังน้องเริ่มพูดแรง เราก็ฟังแล้วเราก็แบบ โห น้องเล่นแบบนี้เลยหรอ รุ่นเรายังไม่แรงอย่างนี้เลย เด็กรุ่นนี้ “talk don’t care” ไม่แคร์แม้กระทั่ง senior (คนอาวุโส) รู้สึกอย่างไร พูดเหมือนกับเด็กที่นี่ ตอนนี้เด็กเมืองไทยมันเริ่มเปลี่ยนเป็นอย่างนี้เหมือนกัน แต่ก็ต้อง salute (ยกย่อง) นะว่า น้องใจกล้ากันมาก ก็ดี เรารู้สึกว่าการสู้แบบนี้มันทำให้ข่าวมันได้กระจาย พี่มองว่ารุ่นหลังลงไปที่จะได้เลือกตั้งเนี่ย เราคงได้อะไรเห็นอะไรสักอย่าง ส่วนรุ่นพี่เนี่ยมันน่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง พี่พยายามเปลี่ยนเพื่อนพี่หลายๆคน สุดท้าย end up (จบลง) ด้วยการที่เขาเลิกคบพี่ (หัวเราะ) เออ การเมืองมันเป็นเรื่องที่ตลกนะ การเมืองทำให้เสียเพื่อนที่คบตั้งแต่อายุ 12 ได้ เพราะการเมืองคนละฝั่ง แค่นั้นเอง

Thai Democracy Advocates, UK ภาคีราษฎรไทยในอังกฤษ
7h ·

> คลื่นลูกใหม่ในสายตาคนรุ่นเก๋า
.
ถ้าถามว่ารู้สึกแตกต่างกับเด็กรุ่นนี้ไหม เรารู้สึกแตกต่างกัน เด็กรุ่นนี้ เขากล้าแสดงออก เขากล้าพูด มันมีเสรีการพูดมากขึ้น อาจจะเป็นเพราะการเลี้ยงดู สภาพแวดล้อม อินเทอร์เน็ตช่วย แต่เด็กรุ่นเรา รุ่นพี่ แม่สั่งนั่งตรงไหนก็นั่งตรงนั้น ห้ามพูดนะ ห้ามกิน ห้ามทำอะไรเราก็เชื่อ แต่เด็กรุ่นนี้หรอ ห้ามมัน มันบอก ไปละ ไม่สน มันคนละ generation ตอนนี้ที่เด็กๆทำจะถูกกลุ่มคน conservative (อนุรักษ์นิยม) มองว่าเด็กมันก้าวร้าว เด็กมันไม่ก้าวร้าว แต่มันแค่ outspoken (ตรงไปตรงมา) มากกว่ารุ่นเราสมัยก่อน
.
พี่ว่า การประท้วงของเด็กเนี่ย ไม่อยากใช้ว่าเด็ก เพราะการที่เขาเลือกที่จะออกมาอย่างนี้ เขา mature (มีวุฒิภาวะ) พอสมควร เขารู้ว่าเมื่อเขาเรียนจบ อะไรจะเกิดขึ้นกับเขาข้างหน้า ไม่งั้นเขาคงไม่ออกมา เขาเห็นสภาพอะไรต่างๆ อย่าลืมนะ เด็กมันตาไม่บอด พ่อแม่หาเงินลำบาก สมัยก่อนขออะไรก็ได้ สมัยนี้ขออะไร ไว้ก่อนลูกถ้าไม่จำเป็น ทำไมเมื่อก่อนเคยได้เดี๋ยวนี้ไม่ได้ กินบนโต๊ะอาหารก็ต้องมี เดี๋ยวนี้ขายของไม่ดี ธุรกิจไม่ดี ใช่ไหม คิดว่า generation นี้เขาก็คงคิดแบบนี้มั้ง แต่พี่ไม่ได้คุยเป็นการส่วนตัว พี่มองแล้วคิดมันออกมาเป็นอย่างนี้เด็กเลยออกมา พี่ก็ยอมรับเด็ก
.
.
> อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ
.
คนรุ่นเราเนี่ย ถ้าให้ไปวิ่งๆ พี่ก็คงไม่ไหวละ เอารถเข็นให้พี่ไปไหม ใส่ผ้าใบก็วิ่งสู้ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน แต่ถ้าให้สนับสนุน พี่ก็สนับสนุนเบื้องหลัง พี่นั่งลุ้นทุกวันเลย เด็กมันจะทำอะไร ใครจะทำอะไร เป็นคนสนับสนุน ปล่อยน้องเขาทำไป เพราะว่า generation นี้ เขาเก่งกว่าเราหลายเรื่อง อินเทอร์เน็ตก็เก่งกว่าเราแล้ว เขาอาจจะประสบการณ์น้อยกว่าเราในการประท้วง เราก็แนะเขา ระวังนะ แต่เราอย่าไป intimidate (ขู่บังคับ) เราอย่าไป instruct (สั่ง) เขา เพราะถ้า instruct เมื่อไหร่เนี่ย เด็กมันก็จะสวนกลับ เหมือนกับที่เราพอเห็นอยู่ เราต้องแนะนำ เราต้องพูดอ้อมๆ คุยกับน้องเขา คุยกับเด็ก generation ใหม่ๆ ซึ่งพี่ว่ามันเป็นสิ่งที่ดี แต่แหม ได้ใจจริงๆ ต้อง salute เด็กรุ่นใหม่จริงๆ กล้ามาก ใจถึงมาก พี่ยอมรับเลย ถ้าให้พี่ตอนนั้นประท้วงแบบเด็กรุ่นนี้พี่ก็คงไม่กล้าทำ
.
อย่าลืม ตอนปี 53 เนี่ย เราแค่ประท้วงกันเรื่องง่ายๆ เลยนะ แค่ dissolve the government (ยุบสภา) ขอแค่เลือกตั้ง แทบไม่ได้ขออะไรเลย แต่เด็กรุ่นนี้มันขอเยอะเหลือเกิน แต่สิ่งที่เขาขอจะได้เท่าไหนเราไม่รู้ แต่ทุกอย่างที่เขาขอ มันก็มาจากเหตุผลที่เขารู้สึกว่าเขาจะโดนกระทบ ถูกไหม อันนี้พี่ก็ต้องยอมรับน้องเขาไป แต่ของพี่ ตอนนั้นพี่โดนอย่างนี้ ขอแค่นี้ทำไมมึงต้องเอาปืนมาล่ามายิงพวกกูวะ ทุกวันนี้ พี่นั่งฟัง พี่ก็กลัว พี่นั่งลุ้น หวังว่ามันจะไม่ประกาศกฎอัยการศึก เพราะถ้าประกาศขึ้นมา มันไม่ใช่กระสุนยางแล้วไง พี่กลัวตรงนั้นมาก แล้วตอนนี้มันอัพเป็น level 2 แล้ว เอาตำรวจมาปราบเด็ก ถ้า level 3 เมื่อไหร่ก็ ปืนออกมา เด็กก็ตัดสินใจว่าจะหยุดหรือประท้วงกันต่อไป