ประเด็นแก้รัฐธรรมนูญกลับมาฮิตอีกหน เมื่อ ‘พลังประชารัฐ’ พรรครัฐบาล ‘๒+๑ ป.’ เจ้ากี้เจ้าการยื่นร่างเสียเอง ตัดหน้าทั้งพรรคฝ่ายค้านและพรรคร่วมรัฐบาล ประธานสภาฯ เผยแล้วว่ากลุ่มฝ่ายค้านจะยื่นพรุ่งนี้ (๑๕ มิ.ย.) แต่พรรคร่วมฯ ไม่รู้จะยื่นเมื่อไร
เบื้องต้น ร่างฯ ของฝ่ายค้านน่าจะกลับตาลปัตรกับของพลังประชารัฐแน่ๆ ดูจากที่ ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (ซึ่งกำลังเป็นเป้าของ ‘นักร้อง’ ที่เพิ่งย้ายค่ายไปอยู่ฝ่ายรัฐบาล เล่นงานเรื่องเปิดโปงงบประมาณลับ ว่าผิด พรบ.คอมพิวเตอร์) นั้น
เขาย้ำว่า “พรรค พท.มีจุดยืนในการเสนอแก้ รธน.ปี-๖๐ ทั้งฉบับ โดยการตั้ง สสร.เหมือนครั้งที่แล้ว เพื่อให้ได้ รธน.ฉบับประชาชน ที่เป็นประชาธิปไตยกว่าเดิม” ซึ่งตรงกับแนวทางของพรรคก้าวไกล ซึ่งเรียกร้องว่าจะทำได้ต้อง ‘ปิดสวิตช์ ส.ว.’ เสียก่อน
ก้าวไกลตั้งโต๊ะแถลงจุดยืนเมื่อวานว่า การเสนอแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราของ พปชร.นั่นเป็นปาหี่ “เป็นเพียงการทำให้เกิดความสับสน ปะผุให้แก่รัฐธรรมนูญฉบับ คสช. แล้วเบี่ยงประเด็นออกจากปัญหาใจกลางของวิกฤตรัฐธรรมนูญ”
ชัยธวัช ตุลาธน เลขาฯ ก้าวไกลชี้ว่าข้อเสนอแก้ไขระบบเลือกตั้งของฝ่ายรัฐบาล นอกจากจะทำให้พรรค พปชร.ได้เปรียบในการเลือกตั้งแล้ว สิ่งที่เรียกว่า ‘ระบบการเลือกตั้งแบบคู่ขนาน’ คือแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ๔๐๐ คน และบัญชีรายชื่อ ๑๐๐ คน ก่อให้เกิด ‘คะแนนตกน้ำ’
ในเมื่อจะไม่มีการนำ “เสียงของประชาชนทุกเสียงมาคำนวณ จำนวน ส.ส. พึงมีของแต่ละพรรคการเมือง” ซึ่ง Atukkit Sawangsuk บอกว่าเป็น ‘ระบบเยอรมัน’ ที่ “สะท้อนคะแนนเสียงประชาชนดีที่สุด” ต่างกับแบบ “รัฐธรรมนูญ ๔๐ เอื้อประโยชน์พรรคใหญ่”
เขาอธิบายต่อไปว่า “ระบบเยอรมันกับระบบ ๔๐ จะส่งผลต่างกันต่อพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล ถ้าใช้ ๔๐ เพื่อไทยได้ ส.ส.เขตแล้วยังได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพิ่ม จากการเอาคะแนนพรรคไปคำนวณใน ๑๐๐ คน (พลังประชารัฐก็ได้ เผลอๆ ได้มากกว่า)
แต่พรรคก้าวไกล ซึ่งหวังคะแนนพรรคมากกว่าการชนะ ส.ส.เขตในระบบ ‘ประชาธิปไตยบ้านใหญ่’ จะเสมือนถูกลดจำนวน ส.ส.ลง ๑ ใน ๕” แต่ถ้าเป็นเยอรมันโมเดล “สมมติก้าวไกลได้คะแนน ๑๐% ก็จะได้ ส.ส. ๕๐ คน” ต่างกับแบบ รธน.๔๐
ที่คะแนน ๑๐% ของก้าวไกลจะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพียง ๑๐ คน บวก ส.ส.เขตอีกสี่ซ้าห้าคน เขาจึงเชื่อว่า “ก้าวไกลค้านแน่ๆ แต่พรรคเพื่อไทยมีแนวโน้มหนุน” เพราะบัตรสองใบที่ พปชร.เสนอ ดูแล้วเซ็กซี่มากสำหรับพรรคใหญ่อย่างเพื่อไทย
จะกลายเป็นว่า “ยังไม่ทันยุบสภา (ฝ่ายค้าน) แตกกันเสียก่อน” ไป จึงมีข้อเสนอนอกกรอบอีกราย จาก อุเชนทร์ เชียงเสน ให้ใช้วิธีผสมซึ่งเขาว่า “รู้จักกันดี เรียกกันว่า MMP ใช้บัตร ๒ ใบ ใบแรกเลือก สส. เขต ใบสองลงให้พรรค
เพื่อดูว่าพรรคได้คะแนนจากประชาชนเท่าไหร่ แล้วเอาจำนวน ส.ส.พึงมีลบด้วย ส.ส.เขตที่ได้ไปแล้ว จำนวนที่เหลือเท่าไหร่ ก็เติมให้ครบจากบัญชีรายชื่อที่เสนอไป” เขาให้ความเห็นว่าแบบนี้ พลังประชารัฐและคู่แข่งของ ‘อนาคตใหม่’ ไม่ชอบ
อย่างไรก็ดี มีคนเห็นต่างออกไปอีกว่า การใช้ระบบเลือกตั้งแบบรัฐธรรมนูญ ๔๐ ที่ พปชร.ขุดเอามายื่น โดยแฝงวิธีการที่ คสช.สั่งให้ มีชัย (ฤชุพันธุ์) เขียน ‘เพื่อพวกเรา’ สภา สว.ตู่ตั้ง ๒๕๐ คน “ตัดต่อพันธุกรรมมาร”นั่น ไม่ได้ช่วยเพื่อไทยด้วยเสมอไป
ในเมื่อ “คะแนนนิยมของ พท.ปัจจุบันไม่เหมือนยุคก่อนปี ๒๕๕๗ แล้วนะครับ” Panat Kuawong เชื่อว่าเพื่อไทยจะไม่ ‘ลอยลำ’ ได้เหมือนไทยรักไทย นอกจากนั้นการที่เพื่อไทยมีการแตกกิ่งก้าน (หรือว่าแยกกันเดินก็ไม่รู้สิ) ออกไปเป็นอีกอย่างน้อยสองพรรคย่อย
ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กับพรรคของจาตุรนต์ ฉายแสง อาจไม่ทำให้พรรคทักษิณกลับมายิ่งใหญ่เท่าเก่า ไหนจะมีอีกหลายงูเห่าเตรียมย้าย รองบประมาณ ๖๕ แจกจ่ายออกไปเสียก่อน จะเกิดการดูดขนานใหญ่หลังยุบสภาต้นปีหน้า
ความเคลื่อน (หวั่น) ไหวในพลังประชารัฐ ตามข่าวสายทหารที่ว่า หัวหน้าพรรค ป.ประวิตร วงษ์สุวรรณ “ให้กรรมการบริหารพรรคเขียนใบลาออกไว้แล้ว” และ “มอบหมายให้ อ.แหม่ม นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” (เหรัญญิก) จัดทำโครงสร้างใหม่
ในการประชุมใหญ่ของพรรคที่ขอนแก่น นอกจากจะมีการลดจำนวนกรรมการบริหารลง และจะมีตัวแทนของแต่ละกลุ่มเข้าไปเป็นรองหัวหน้าพรรคแล้ว ยังจะมีตัวแทนของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าไปนั่งในคณะกรรมการอย่างเป็นตัวเป็นตนเสียทีด้วย
ชัดแจ้งว่าเป็นการเตรียมการสำหรับครองเมืองต่ออีกอย่างน้อยสี่ซ้าห้าปี เป็นการสร้างความพร้อมทั้งในด้านกฎหมาย (มั่นคง) การเงิน (มั่งคั่ง) และลิ่วล้อ (ยั่งยืน) เลขาฯ พรรคก้าวไกลถึงไว้วิงวอนเพื่อน ส.ส.ทั้งหลาย อย่าได้หลงกล ละครแก้รัฐธรรมนูญฉากนี้ของเชื้อสาย คสช.
(https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/943297, https://www.llpch.news/2021/06/14/71929/, https://www.matichon.co.th/politics/news_2774810 และ https://www.facebook.com/baitongpost/posts/41583799842437992CP-R)
