วันพุธ, มิถุนายน 23, 2564

เที่ยวหน้าทีม 'สี่ ป.' ชิลส์ชิลส์ มีครบ 'มั่นคง' ดูดหัวคะแนน 'มั่งคั่ง' งบฯ กู้มาลงพื้นที่ 'ยั่งยืน' อย่างน้อยอีกสมัย


น่าจะเป็นวันที่มวลชนพากันยินดี เมื่อรัฐสภาผ่านร่าง พรบ.ประชามติ ด้วยเสียงท้วมท้น ๖๑๑ ต่อ ๔ งดออกเสียง ๒ ซึ่งหมายความว่าการ #แก้รัฐธรรมนูญ เป็นไปได้หลายทาง จะโดยรัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือประชาชนเข้าชื่อ ๕ หมื่นคน

แม้นว่าในกรณีเข้าชื่อกัน ๕ หมื่นครบแล้ว ต้องยื่นผ่าน ครม. ขอความเห็นชอบในการทำประชามติ ถามประชาชนว่าอยากได้ รธน.ใหม่หรือไม่ ถ้าประชามติผ่านก็เริ่มกระบวนการสร้างรัฐธรรมนูญใหม่ได้ เช่นกันกับเมื่อรัฐสภาเห็นชอบทำ รธน.ใหม่โดยเลือกตั้ง สสร.

แต่ความยินดีนั้นยังคงหมองหมาง ด้วยปัญหาการระบาดของเชื้อร้ายโควิด-๑๙ หนักขึ้นทุกวัน เหตุใหญ่อยู่ที่รัฐบาลยังไม่สามารถจัดหาวัคซีนคุณภาพดี มาฉีดปูพรมให้ชาวบ้านจำนวนขั้นต่ำ ๕๐ ล้านคน ดังที่หลอกไว้ให้หลงเชื่อ ทำได้ดีที่สุดไม่ถึง ๘ ล้านโด๊สเซส

วัคซีนที่มีคือยี่ห้อซิโนแว็คจากจีน ไม่ใช่วัคซีนที่ดีดังหมออะไรต่อหมออะไร (รวมทั้งหมอหนู) ว่าไว้ ในเมื่อเชื้อไวรัสที่ระบาดรวดเร็วและรุนแรงวันนี้ เป็นพวกแตกหน่อกลายพันธุ์ โดยเฉพาะ เดลต้า หรือชนิดที่พบครั้งแรกในอินเดียซึ่งวัคซีนซิโนแว็คจะเอาไม่อยู่

หมอยงนักไวรัสวิทยาคนเก่งของรัฐบาลประยุทธ์ แจ้งว่าตอนนี้เดลต้ายังไม่แพร่มากนักแต่ก็โผล่ออกมาแล้วละ ไวรัสที่กำลังระบาดมากในไทยขณะนี้เป็นกลายพันธุ์ อัลฟ่า หรือที่เริ่มกระจายในอังกฤษ เป็นชนิดติดง่ายระบาดไว แต่จะมีวัฏจักรแค่สี่ห้าเดือน

ถึงอย่างนั้นไม่ใช่เรื่องจะทำให้วางใจ เพราะแค่ ๔-๕ เดือนอาจทำให้คนตายเป็นสิบๆ ล้านก็ได้ ถ้ารัฐบาลยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน แถมอวดดีอีกต่างหาก จะเปิดประเทศภายในเดือนตุลา ทั้งที่การแก้ปัญหาโควิดขณะนี้เหลวเป๋วไม่เป็นท่า แผนงานสุกเอาเผากิน

จำนวนคนติดเชื้อเพิ่ม ตายเพิ่ม ต่อเนื่องในเกณฑ์ของสถิติวันนี้ (๒๓ มิ.ย.) ไม่ลดละ ติดเพิ่ม ๓,๑๗๔ ราย ตายอีก ๕๑ คน ขณะที่มีหมอผู้เชี่ยวชาญโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ์ เตือนว่าผู้ป่วยที่รับการรักษาชักเริ่มด้านยากันแล้วนะ

หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ ระบุว่า “แม้จะได้รับการวินิจฉัยเร็ว เริ่มยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ชนิดกิน หรือยาเรมเดสซีเวียร์ชนิดฉีดทันที แต่โรคยังดำเนินต่อไป ปอดอักเสบเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดระบบหายใจล้มเหลว ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และในที่สุดเสียชีวิต”

ความจำเป็นมากกว่าเครื่องบินขนส่งทางทหารอีกหนึ่งลำขณะนี้อยู่ที่ “เราอยากได้ยาต้านไวรัสโควิด-19 รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง ครอบคลุมได้ทุกสายพันธุ์” อเมริกากำลังทดลองยาแก้โควิด ๓ ชนิดขั้นสุดท้ายอยู่ขณะนี้ คาดเสร็จสิ้นปี

อ้อ แล้วก็เชื้อกลายพันธุ์ แรง ไม่เป็นไร หมอยงแนะให้อีก ฉีดเข็มสามสิ ซิโนแว็คที่ฉีดไปแล้วสองเข็มยังเฉยๆ “ภูมิต้านทานไม่พอสู้กลายพันธุ์จากอินดีย” เข็มสามซึ่งตามหลักการแพทย์ในตะวันตกเตรียมไว้เป็น ‘Booster’ ตัวเร่ง อาจใช้ต่างยี่ห้อหลบ จีน

ความฝันอันสูงสุดของชาวบ้านตอนนี้ อยากให้ความเก่งกาจของไทยเริ่มทดลองผลิตยาแก้โควิดแข่งอเมริกาบ้าง วัคซีนยังผลิตได้เลย ถึงแม้ว่าจะช้าโคตรก็ตามที ดูเหมือนว่าท่าทีของรัฐบาลออกลูกชิลส์ชิลส์ กำลังใส่ใจกับแผนงานของ ทีม ป. คนใหม่


ป.แป้ง ไม่ยี่หระ ใครจะฟ้องร้องเรื่องคุณสมบัติต้องห้าม จากที่เคยติดคุกในต่างประเทศ ความผิดค้ายาเสพติด แต่เที่ยวหน้าด้วยกติกาบัตรสองใบ หวังได้กวาด ส.ส. แลนด์สไล้ด์ไหนจะดูดหัวคะแนน ไหนจะมั่งคั่ง งบประมาณ ๑.๕ ล้านล้านกู้มา

ใช้ไปแล้วนิดเดียว เดี๋ยวพอโควิดซาก็ทุ่มลง เยียวยา ขนานใหญ่ มีเหรอจะเหลือให้คู่แข่ง เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ปากแม้วปากปูทำไม่รู้ไม่ชี้เดี๋ยวก็หายไปเอง สไตล์ไทยๆ ดูแต่กรณี อบต.ราชาเทวะ นั่นสิด่ากันขรมสะเทือนที่ไหน

อนุมัติงบประมาณใหม่อีก ๖๘ ล้าน จัดซื้อเสาไฟกินรีเพิ่มอีก ๗๒๐ ต้น คนเป็นนายกฯ ชี้ว่าชาวบางพลีชอบไฟสวยๆ แสงสว่างไสวตั้งอยู่ตรงไหนไม่สำคัญ ไม่แต่เท่านั้นความสำคัญมันอยู่ที่การปรับภูมิทัศน์ด้วย นายทรงชัย นกขมิ้น โต้ข่าวที่แชร์กันกระหึ่ม

ว่าที่ผ่านมาเขาจัดทำโครงการยิ่งใหญ่ ไม่เฉพาะเสาไฟสวยหรูเพื่อภูมิทัศน์อย่างเดียว มีการปรับถนน และสถานที่สาธารณะอื่นด้วย (เอาเถอะ ที่เห็นตั้งริมถนนโคลน ริมคลองกระจิ๋ว และบางแห่งป่ารก นั่นเล็กน้อย) เรียกว่าฉาบหน้า ให้มันสวยอยู่บนเสาพอแล้วมั้ง

ฉันใดก็ฉันนั้น รัฐบาล ๓ ป.ที่ผ่านมา และ ๔ ป.ต่อนี้ไป จะยืนหยัดหลักการ ม.ย. คือมั่นคงทางการเมืองอย่างที่เป็นมา ๗ ปี หรือยิ่งกว่านั้น มั่งคั่งทางงบประมาณกู้เอากู้เอามาใช้มือเติบ และยั่งยืนต่อไปอีกหนึ่งสมัย ให้เป็นตำนานถึง ๒๐ ปี

(https://news.thaipbs.or.th/content/305432, https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1970859373080817&id=604030819763686, https://www.facebook.com/boonsong.tenkhamnaowa/posts/4689582854388565, https://www.facebook.com/thestandardth/posts/2777560722536802 และ https://www.ilaw.or.th/node/5847)