วันอังคาร, มิถุนายน 22, 2564

ไฟแนนเชียลไทมส์ เรียกร้อง แอสตร้าเซนเนก้าแจง หลังโรงงานไทยส่งมอบล่าช้า

"วัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า ผลิตในประเทศไทย เพื่อประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" ป้ายข้างรถขนส่งวัคซีนระบุ

21 มิถุนายน 2021
บีบีซีไทย

บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ (Financial Times) ประจำวันที่ 19 มิ.ย.ระบุว่า ข้อตกลงที่อนุญาตให้โรงงานในไทยผลิตวัคซีนขอแอสตร้าเซนเนก้านั้น ทำให้เกิดการโต้เถียงขัดแย้งกันขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งแม้ทางบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าจะมีเจตนาดีในการแสวงหาความร่วมมือกับผู้ผลิตเวชภัณฑ์ในท้องถิ่น แต่สิ่งนี้กลับทำให้สาธารณชนเคลือบแคลงสงสัยและต้องการจะตรวจสอบเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น

การรุกเข้าสู่วงการผลิตวัคซีน ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้ากำลังกลายเป็นนิทานสอนใจแก่บรรดากิจการที่ประกาศเจตนารมณ์ว่า จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง โดยแอสตร้าเซนเนก้านั้นได้ตกลงกับผู้พัฒนาวัคซีนที่มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดว่า จะผลิตและจัดส่งวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในราคาต้นทุน เพื่อให้เป็น "วัคซีนเพื่อชาวโลก" แต่ในที่สุดกลับต้องมาติดอยู่ในวังวนของความขัดแย้ง เกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีนและการส่งมอบวัคซีนให้สหภาพยุโรปล่าช้า

แอสตร้าเซนเนก้ากับความล่าช้าในการส่งมอบวัคซีนในเอเชียและยุโรป
แอสตร้าเซนเนก้า บริษัทสัญชาติสวีเดน-อังกฤษ ที่เลือกสยามไบโอไซเอนซ์ผลิตวัคซีนในไทย
เดนมาร์กเลิกฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า
สหรัฐฯ ระงับใช้วัคซีนจอห์นสันฯ จากปัญหาลิ่มเลือดอุดตัน

ขณะนี้แอสตร้าเซนเนก้ายังได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับอีกปัญหาหนึ่ง ซึ่งก็คือสัญญาที่ทำไว้ในประเทศไทยกับบริษัทที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นเจ้าของ รวมทั้งกำลังประสบปัญหาในการผลิต ซึ่งทำให้การส่งมอบวัคซีนในไทยและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นไปอย่างล่าช้า ในขณะที่บริษัทซึ่งเป็นคู่แข่งบางรายคิดราคาจำหน่ายวัคซีนโควิดสูงกว่าแอสตร้าเซนเนก้าถึง 5 เท่า และทำกำไรได้มหาศาล



นอกจากจะมีการทำสัญญาแบบไม่แสวงหาผลกำไรแล้ว บริษัทผู้ผลิตยาสัญชาติอังกฤษ-สวีเดนแห่งนี้ ยังเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันตั้งแต่ก่อนที่วัคซีนจะได้รับการอนุมัติเมื่อปีที่แล้ว ในเรื่องการแสวงหาความตกลงกับผู้ผลิตเวชภัณฑ์ทั่วโลก รวมทั้งในประเทศเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตวัคซีนให้มากขึ้น อันเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้บรรดาบริษัทผลิตยาลงมือทำให้มากขึ้นในตอนนี้


สัญญาของแอสตร้าเซนเนก้าที่ทำไว้กับบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ มุ่งผลิตวัคซีนโควิดให้ได้สูงสุด 200 ล้านโดสต่อปี เนื่องจากไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งนับเป็นหนึ่งในศูนย์ผลิต 24 แห่งของแอสตร้าเซนเนก้าที่มีกระจายอยู่ทั่วโลก


โรงงานของสยามไบโอไซเอนซ์ ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลหลายรายการ เช่น PIC/S GMP, ISO9001, ISO17025 และ ISO13485

ส่วนข้อตกลงที่ผู้คนทราบกันดีระหว่างสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียกับแอสตร้าเซนเนก้านั้น มุ่งผลิตวัคซีนป้อนให้กับโครงการโคแวกซ์เป็นหลัก เพื่อฉีดให้กับประชากรของประเทศที่มีรายได้น้อย ซึ่งข้อตกลงนี้ทำขึ้นก่อนที่อินเดียจะสั่งจำกัดการส่งออกวัคซีน เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นภายในประเทศจำนวนมหาศาล

ความพยายามที่ทำตามอุดมการณ์อันสูงส่งของแอสตร้าเซนเนก้า อาจสร้างแรงกดดันต่อบริษัทผู้ผลิตยารายใหญ่ แต่ด้วยปัญหาเรื่องการจัดส่งวัคซีนให้สหภาพยุโรปล่าช้า จึงส่งผลให้สัญญาที่ทำไว้กับไทยถูกตั้งคำถาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องประสิทธิภาพการจัดการและการสื่อสารของแอสตร้าเซนเนก้าเอง



จนถึงบัดนี้ ทางบริษัทก็ยังไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดเรื่องข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนที่ทำไว้กับสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งเป็นกิจการที่ไม่เคยผลิตวัคซีนมาก่อน ทั้งยังมีคุณสมบัติไม่ตรงตามที่รัฐบาลไทยระบุไว้เมื่อต้นปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นทางการไทยต้องการบริษัทที่มีความรู้อย่างถูกต้องในเทคนิควิธีการผลิตวัคซีนโควิด

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในไทยกล่าวกันว่า บริษัทแอสตร้าเซนเนก้าควรจะระแวดระวังเรื่องความเสี่ยงบางประการ ที่อาจจะทำให้เสียชื่อเสียงได้ หากไปข้องแวะกับธุรกิจที่มีประมุขของรัฐเป็นเจ้าของ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์หลังเหตุประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยเมื่อปีก่อน ซึ่งในตอนนั้นมีการเผยแพร่คำวิจารณ์ที่หาฟังได้ยากว่าด้วยอำนาจและความมั่งคั่งส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์มาแล้ว


ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เคยตั้งคำถามอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับการเลือกสยามไบโอไซเอนซ์เป็นผู้ผลิตวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า

ผู้นำฝ่ายที่เห็นต่างอย่าง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งตั้งคำถามอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับการเลือกสยามไบโอไซเอนซ์เป็นผู้ผลิตวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ถูกตำรวจตั้งข้อหาเกี่ยวกับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งถูกตั้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งกำหนดโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี ต่อผู้พูดหรือเขียนข้อความที่อาจตีความได้ว่าเป็นการดูหมิ่นพระราชวงศ์

ด้านแอสตร้าเซนเนก้านั้นระบุว่า การตัดสินใจทำสัญญากับบริษัทของไทย มาจากการพิจารณาเรื่องศักยภาพในการเป็นผู้ผลิตและจัดส่งระดับโลก รวมทั้งการมุ่งให้ความสำคัญกับ "ผู้ผลิตท้องถิ่น" เป็นหลัก ในทุกกรณีที่มีความเป็นไปได้ ซึ่งหลักเกณฑ์ทั้งหมดนี้ทำให้สยามไบโอไซเอนซ์ "เผยโฉมในฐานะตัวเลือกที่ดีที่สุด"

สยามไบโอไซเอนซ์ ย้ำนโยบาย "ไม่กำไร ไม่ขาดทุน" โรงงานได้มาตรฐานสากล
ทำไมรัฐบาลเลือก สยามไบโอไซเอนซ์ ผลิตวัคซีนเพื่อคนไทยและเพื่อนบ้าน
รมว.ดิจิทัลฯ มอบหมายผู้ช่วย รมต. แจ้งความธนาธรข้อหา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมฯ กรณีเชื่อมโยงสถาบันฯ กับวัคซีน
"ธนาธร" วิจารณ์รัฐบาลจัดซื้อวัคซีนล่าช้า-แทงม้าตัวเดียว-ฉวยโอกาสสร้างความนิยม

เหตุผลในการคัดเลือกบางส่วนยังมาจากการมีโรงงานที่ทันสมัยและมีความเชี่ยวชาญทางเทคนิค แต่แอสตร้าเซนเนก้าเปิดเผยรายละเอียดน้อยมากในเรื่องข้อตกลงว่าด้วยการผลิต รวมทั้งสาเหตุที่ทำให้เกิดความล่าช้าในการส่งมอบ

ปัญหานี้ไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงแค่กับวงการสาธารณสุขไทย หรือต่อการท่องเที่ยวซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญที่เศรษฐกิจไทยต้องพึ่งพาเป็นหลัก แต่มันส่งผลกระทบต่อทั้งภูมิภาค โดยทางการไต้หวัน มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ต่างออกมาให้ข่าวว่า ได้รับแจ้งเรื่องที่วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจากโรงงานในไทยจำต้องเลื่อนการส่งมอบให้ล่าช้าออกไปอีก


โรงงานผลิตวัคซีนของ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด

กรณีดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงเรื่องที่บริษัทยาระดับโลกควรจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ในการค้นหาหุ้นส่วนการผลิตในระดับท้องถิ่น ทั้งในแง่ของประวัติความเป็นมาและชื่อเสียงที่มี รวมทั้งความสามารถในการผลิตและส่งมอบวัคซีนให้ถึงมือประชาชนด้วย ดังเช่นที่บริษัทไบออนเทคซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้ผลิตวัคซีนโควิดกับบริษัทไฟเซอร์ ได้แถลงไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า มีแผนจะตั้งโรงงานผลิตวัคซีนชนิด mRNA อย่างเต็มรูปแบบในแอฟริกา แต่การดำเนินงานทั้งหมดให้ลุล่วงตามแผนนั้นจะต้องใช้เวลานานถึง 4 ปี

ด้วยเหตุนี้ วิธีที่ดีที่สุดในการยกระดับปริมาณการผลิตวัคซีนโควิดของโลกให้ได้อย่างรวดเร็ว น่าจะต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างบริษัทยารายใหญ่ด้วยกันเอง รวมทั้งอาศัยความร่วมมือกับผู้ผลิตในประเทศกำลังพัฒนา เท่าที่ศักยภาพระดับท้องถิ่นจะสามารถรองรับได้

ตอนนี้แอสตร้าเซนเนก้าได้บทเรียนแล้วว่า ความตั้งใจเดินตามอุดมการณ์อันสูงส่งนั้น มีแต่จะทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์และการเพ่งเล็งตรวจสอบหนักข้อขึ้น เมื่อสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามแผนการ

ในขณะที่โลกเผชิญกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขเช่นนี้ ผู้บริโภคอาจให้อภัยต่อความผิดพลาดบางประการได้ แต่เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ทางบริษัทควรจะต้องเปิดเผยให้ชัดเจนและตรงประเด็นถึงสาเหตุของปัญหานั้น