มิตรสหายแถวนี้ บ่นระอากับการแก้ไขความเสียหายสาธารณะจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิดในเมืองไทย ว่าเต็มไปด้วยปัญหาไม่จบสิ้น วัคซีนนำเข้าไม่ทันใช้ การบริหารจัดการลักลั่น แล้วยังหนีไม่พ้นการเอารัดเอาเปรียบของผู้มีอำนาจอิทธิพล
นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ยอมรับกลายๆ ว่ามีการ ‘รวยแล้วเรียนลัด’ ระบุในโพสต์ของเขาทางเฟชบุ๊คว่า “บุคคลที่รับการฉีดก็ต้องยืนยันเป็นรายบุคคลว่าไม่ได้เสียเงินใครเพื่อมารับวัคซีน” และ “ทุกบริษัทได้หมดตามขอมา”
อันเกี่ยวเนื่องกับการที่สภาอุตสาหกรรมฯ แจ้งว่า “ได้รับวัคซีน ‘ซิโนฟาร์ม’ ไม่ครบตามยอดจอง” แล้วมีแพทย์คนดัง ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เขียนถึงว่า ครอบครัวคนไข้ ‘ถูกเท’ เมื่อ ส.อ.ท.แถลงว่า “จะคืนเงินสมาชิกทุกคนที่จองไป”
หมอนิธิจึงต้องแก้ต่างว่า “ไม่เทใครครับ” แต่ขอให้ช่วยดูให้ดีๆ กันด้วย ในการ “ระบุจำนวนบริจาคกับจำนวนที่ขอจัดสรร...จะให้ปรับลดจำนวนบริจาคได้แต่ไปเพิ่มจำนวนที่ขอจัดสรรไม่ได้” ส่วนกรณีจำนวนวัคซีนนั้น “มาตามนัด...ไม่ต่ำกว่า ๖ ล้านโด๊สเซส”
เช้านี้มาถึงแล้ว ๑ ล้านโด๊สเซส บริษัทบ้านสวยกรุ๊ป ที่สุราษฎร์ธานี ซึ่งจองซื้อไว้แล้ว ๓,๖๗๐ โด๊สเซส เป็นเงินทั้งสิ้นกว่า ๓,๗๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับฉีดฟรีให้แก่ลูกบ้านในโครงการ กับพนักงานบริษัท ๑,๘๓๕ คน คงได้เริ่มฉีดกันวันที่ ๒๕ มิ.ย.ตามประชาสัมพันธ์แน่
หากแต่พนักงานของบริษัท ‘ไทยเบฟ’ ของเจ้าสัว เจริญ สิริวัฒนภักดี จำนวน ๔๓,๒๐๑ ทั่วประเทศ พร้อมด้วยครอบครัวของพนักงานเหล่านั้นอีก ๒๘,๒๔๔ คน ไม่แน่ได้จองซื้อวัคซีนที่ไหนไว้หรือเปล่า หากไม่ใช่ซิโนฟาร์ม นับว่ายังลูกผีลูกคนกันอยู่
ทว่าไม่น่าห่วงแล้วละ แม้ว่าเจ้าสัวรายนี้จะไม่ได้ไปลงทุนไว้กับบริษัทผลิตวัคซีนแห่งไหน ไม่เหมือนเจ้าสัวซีพี ธนินทร์ เจียรวนนท์ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนอยู่กับบริษัทจีนผู้ผลิตวัคซีน ‘ซิโนแว็ค’ เสี่ยเบียร์ช้างก็ยังมีสายใยเหนียวแน่นกับกระทรวงมหาดไทย
ชนิดขอความร่วมมือ หรือ ‘อนุเคราะห์’ กันได้ จึงทำให้ปลัดกระทรวงฯ ส่งโทรสาร ‘ด่วนที่สุด’ ในราชการ ถึงผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด รวมทั้งปลัด กทม. “พิจารณาให้การสนับสนุนวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ๒๐๑๙”
พร้อมกันนี้ยังได้กำชับต่อกระทรวงสาธารณสุขแล้วด้วย เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากปวงชนอื่นๆ ซึ่งบ้างยังรอฉีด บ้างถูกเลื่อน บ้างถูกเท จึงระงมกันขรม ส่วนใหญ่โจมตีกระทรวงสำคัญทางการปกครอง ซึ่งมีอำนาจเต็มในการจัดสรรวัควีนให้แก่ประชาชน
ไฉนเลือกที่รักมักที่ชัง เห็นแก่สวัสดิภาพของคนของเจ้าสัวจำนวน ๗ หมื่นกว่า ขณะที่คนทั่วไปยังหน้าสิ่วหน้าขวานกับการระบาดไม่หยุดยั้งในระลอกนี้ของเชื้อไวรัส ดังรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม เคาะกะโหลกเตือน
ว่าตั้งแต่เริ่มมีการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา กระทั่งเริ่มวาระแห่งชาติระดมฉีดเมื่อ ๗ มิถุนา จนถึงเมื่อสองวันก่อน (๑๗ มิ.ย.) เพิ่งฉีดไปได้ ๗.๓ ล้านโด๊สเซส แล้วเมื่อไรจะได้ครบ ๕๐ ล้านคน (หรือ ๑๐๐ ล้านโด๊สเซส) กันเล่า
ทั้งที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มในแต่ละวันตลอดสองเดือนที่ผ่านมาอยุ่ในเกณฑ์ ๒,๐๐๐ ถึง ๔,๐๐๐ ราย มาตลอด ยุทธพงศ์อ้างตัวเลขสองสามวันก่อนแถลงจี้ให้รัฐบาลเปิดสัญญาจัดซื้อวัคซีนหลัก (แอสตร้าเซเนก้า) คนติดเชื้อเพิ่ม ๓ พันกว่า ตายราว ๒๐ ทุกวัน
ส.ส.พรรคก้าวไกล วิโรจน์ ลักขณาอดิสร ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตั้งคำถามว่า “การจัดสรรสต๊อกวัคซีน จาก สธ. ไปยังจังหวัดต่างๆ ได้เผื่อสำหรับการสนับสนุนแบบนี้ไว้แล้ว หรือไปดึงเอาจากหน้างาน” อีกทั้งด้วยระบบจัดการฐานข้อมูลที่ไม่ค่อยสมประกอบ
จะเกิดความซ้ำซ้อนไหมนี่ ใครที่ลงทะเบียนไว้แล้วกับ หมอพร้อม เอย ไทยร่วมใจ บ้าง ม.๓๓ ก็มี แล้วยังที่ทางจังหวัดต่างๆ จัดทำขึ้น จะมีสิทธิได้รับวัคซีนทั้งสองทาง ทำให้ตัดสิทธิคนอื่นที่รอคิวข้างหลัง หรือแม้แต่สละสิทธิอย่างหนึ่งไปแล้ว วัคซีนเสียเปล่า
ฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทยตอบได้แต่เพียงว่า ได้ดำเนินการไปตามของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติอย่างเคร่งครัด “ให้ครอบคลุมรวดเร็ว มากที่สุด” ระเบียบข้อ ๕.๒ เปิดให้ทั้งภาครัฐและเอกชนแจ้งความประสงค์ขอรับวัคซีนได้
“ปัจจุบัน ก็ยังมีองค์กรภาครัฐและเอกชน ขอรับการสนับสนุนวัคซีนมาอย่างต่อเนื่อง” เพียงแต่คนทั่วไปไม่เห็นใครอื่นได้รับความอนุเคราะห์ ถึงขั้นออกหนังสือกำชับให้สนับสนุนไทยเบฟขนาดนี้
(https://www.prachachat.net/breaking-news/news-694337, https://www.prachachat.net/breaking-news/news-694284 และhttps://www.thebangkokinsight.com/news/the-bangkok-insight-th/649569/)