วันอาทิตย์, มิถุนายน 27, 2564

‘นะจ๊ะ’ เค้าสั่งล็อคดาวน์แบบไม่เรียกว่าล็อคดาวน์ "เลี่ยงไม่จ่ายค่าชดเชย" คือไล่ไวรัสออกจากกรุงฯ ไปกระจายต่างจังหวัด


อลหม่านกันละสิ นะจ๊ะ เค้าสั่งล็อคดาวน์แบบไม่เรียกว่าล็อคดาวน์ ตั้งแต่ดึกตอนตีหนึ่ง (๒๗ มิ.ย.) ให้มีผลบังคับพรุ่งนี้ เป็นเวลา ๓๐ วัน ก็คือ “ปิดแค้มป์คนงานใน ๑๐ จังหวัด และห้ามรับประทานอาหารในร้าน ๖ จังหวัด”

ประกาศราชกิจจาฯ ให้ ๑๐ จังหวัด เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด สีแดงเข้ม ครบปริมณฑล นอกจากกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ แล้วเพิ่มสมุทรสาคร นครปฐม กับอีก ๔ จังหวัดชายแดนใต้ สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส

ประการสำคัญที่จะมีผลกระทบมากคือ ที่ไหนขายอาหารให้ซื้อออกไปเท่านั้น มันทำให้ได้รับรสสัมผัสของการล็อคดาวน์ไปเต็มๆ เหมือนกัน นักข่าวสายหรั่ง Hathai Pia@HathaiPia ถึงว่า “And here we go again #ล็อกดาวน์กรุงเทพ

อันนี้ ชำนาญ จันทร์เรือง สรุปไว้แต่เมื่อวานซืนว่า ที่ไม่เรียกล็อคดาวน์เพราะตั้งใจจะเลี่ยงไม่จ่ายค่าชดเชย สอง-การประกาศล่วงหน้าหนึ่งวันก่อนปิดแค้มป์ เพื่อผลักดันคนงานกลับไปภูมิลำเนา “สร้างความเท่าเทียมในการติดโรค”

ข้อนี้รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย ป.ป็อกบอกแย้มไว้แล้วว่าใช้ “แก้ไขปัญหาเตียงไม่พอ เนื่องจากประชาชนเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดและติดโควิด ก็จะมีเตียงและการรักษาพยาบาลรองรับเพียงพอในแต่ละพื้นที่” เพราะพบว่า

“ทุกพื้นที่ ท้องถิ่น และปกครอง มีความเข้มแข็ง ในการกักตัวและควบคุมดูแล คนที่เดินทางจาก กทม.และพื้นที่เสี่ยง” ซึ่ง Jessada Denduangboripant ชี้ว่านี่เป็น ‘hidden agenda’ เป้าหมายแฝง ดีกว่าล็อคดาวน์กรุงเทพฯ ทั้งหมด

เพื่อ “ผลักดันให้คนที่ไม่มีงานทำ ไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีรายได้” ออกไปจากกรุงเทพฯ “ทำให้ความหนาแน่นของจำนวนผู้ติดเชื้อ ที่กดดันกับระบบสาธารณสุขของ กทม.ลดลง แล้วกระจายไปเผื่อแผ่ให้กับระบบสาธารณสุขในต่างจังหวัดแทน”


ทว่าแน่ใจหรือว่าการระบาดคราวนี้ ตลอดจะสองเดือนที่ผ่านมามีการติดเชื้อกันวันละ ๓-๔ พัน ตายวันละ ๒๐-๔๐ รายนี่น่ะ มันอยู่แต่เฉพาะในคลัสเตอร์ผู้ใช้แรงงานกระนั้นหรือ เมื่อวานนี้มีสำนักข่าวไปสำรวจตามแค้มป์แรงงานชานเมืองพบว่าเกือบร้าง

คนงานพากันอพยพออกต่างจังหวัดเกือบหมดแล้ว แต่ว่าวันนี้ยังมีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มอีก ๓,๙๙๕ ราย ตายอีก ๔๒ คน ส่วนสถิติเมื่อวาน (๒๖ มิ.ย.) ติดเชื้อเพิ่ม ๔,๑๖๑ ราย ตาย ๕๑ คน (ดูเหมือนจะมากที่สุดของระลอกนี้)

แล้วจะมั่นใจได้แค่ไหน ว่าผลักดันคนงานกลับภูมิลำเนาแล้ว เชื้อไวรัสจะอพยพตามออกไปต่างจังหวัดด้วย ทำให้กรุงเทพฯ ปลอดโล่งสิ่งมีชีวิตขนาดเท่าอนูเหล่านี้ เหมือนปลอดคนยามสงกรานต์เมื่อก่อนที่เราจะรู้จักโควิด มันจะยิ่งทำให้เชื้อกระจายทั่วประเทศ

ดังข้อสุดท้ายในโพสต์ของชำนาญที่สัพยอกว่า “เมื่อเชื้อโรคกระจายไปทั่วประเทศแล้ว นักท่องเที่ยวก็ไม่มาเอง โดยไม่ต้องยกเลิกประกาศเปิดประเทศใน ๑๒๐ วัน ให้เสียหน้า” ว่าตามจริงในสภาพการระบาดที่เป็นอยู่ และการป้องกันที่ห่วยแตก ไม่ควรดึงดัน

เหมือนผีซ้ำดั้มพลอย วัคซีนไม่มาแล้วยังเตียงไม่มี โรงพยาบาลหลักๆ หลายแห่ง ทั้งจุฬาฯ ศิริราช รามาฯ ประกาศ “เตียงเต็มหมด” มาสองสามวันแล้ว วันนี้เห็นมีโรงพยาบาลเอกชนรายย่อยๆ อีกหลายแห่งเตียงไม่พอเช่นกัน

ถึงขั้นมีบางแห่งบอกญาติคนไข้ที่จะไม่รอดแน่ๆ ช่วยนำตัวกลับไปตายที่บ้าน จะได้มีเตียงว่างรับคนไข้ใหม่ มันเป็นสภาพที่แสนอนาถ ขณะที่ผู้นำรัฐบาล รัฐมนตรีและบรรดาหมอๆ บริกรยืนหน้าโพเดี้ยมออกทีวีดี๊ด๊า หัวร่อเฮฮากับ โจ๊ก สถุลของนายกฯ

วันนี้เราได้เห็นภาพเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบไปยืนก๋าตามแค้มป์แรงงานในกรุง เพื่อให้น่าเชื่อถือในประกาศราชกิจจานุเบกษา ว่าจะไม่มีคนออกคนเข้าอย่างปกติ หาได้มีใครสักคนสำเหนียกว่าชีวิตคนงานในแค้มป์ นั้นแร้นแค้นแค่ไหน

“คุณอาจจะไม่รู้หรอกว่าห้องพักในแคมป์คนงานมันไม่ใช่ที่ๆ คนงานนอนกลิ้งนอนเล่นอยู่เฉยๆ อยู่ได้ในนั้นเป็นเดือนๆ” ได้ ผู้ใช้นาม ปิฌองส์ แซ็งเตส เล่าเบื้องลึก “คนงานใช้เป็น ที่ซุกหัวนอน ในเวลากลางคืน เป็นที่ดื่มเหล้าในเวลาเย็นหลังเลิกงาน

...คนงานทั้งหมดไม่ได้อยู่ในห้องพัก แต่อยู่ในไซต์งาน ซึ่งมันจะร้อนอบอ้าวน้อยกว่า...ห้องพักคนงานส่วนใหญ่ทั้งหลังคาทั้งฝาเป็นสังกะสี คุณจะนอนตีพุงอยู่ได้ยังไงในห้องสังกะสีแคบๆ” ฉะนี้ “จะกักคนไว้ ๓๐ วัน ก็เหมือนขังในตู้คอนเทนเนอร์”

Atukkit Sawangsuk มาแถม “ถึงบอกว่าให้ข้าวให้น้ำ ให้ค่าแรง ๕๐% เป็นใครก็หนี”

(https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/945212?Schg, https://www.thansettakij.com/content/breakingnews/485490 และ https://www.matichon.co.th/politics/news_2797759)