เปราะบางจัง ‘นะจ๊ะ’ โดนด่าด้วยคำไม่สุภาพ “มันควรหรือไม่ ประเทศไทยในวันนี้ ผมก็ไม่อยากจะพูดหรอก และผมก็อดทนอยู่แล้ว” ควรสิ แล้วอยากให้พูดอีกจะได้โดนหนักกว่านี้ ให้ชาวบ้านร้านถิ่นเหลืออดถึงที่สุดเสียที จะได้จบ ‘Charade’ ลวงโลก
ฟังนะ ‘เชี่ยตู่’ ๒๙ มิถุนา ยอดผู้ป่วยด้วยโควิด-๑๙ รายใหม่ ๔,๖๖๒ ราย (เมื่อวาน ๕ พันกว่า) ตายอีก ๓๖ (เมื่อวานยี่สิบกว่า) แสดงว่าการระบาดระลอกนี้ยังไม่มีทีท่าจะลดละ ขณะที่วัคซีนหลักที่ใช้ในประเทศ “#ซิโนแวค เสื่อมคุณภาพ
หลังมีปัญหาการจัดเก็บ ห้ามนำไปฉีด อย.แจ้งเตือน” (joe black@joe_black317) เมื่อพบลักษณะไม่เข้าที “มีเจลใสติดในขวดวัคซีน คาดเกิดจากเก็บรักษาและการขนส่ง ไม่ควบคุมอุณหภูมิ ๒-๘ องศา” อันเป็นปัจจัยที่เรียกว่า ‘human errors’
แม้ว่าความผิดพลาดโดยธรรมชาติของมนุษย์ย่อมเกิดขึ้นได้ แต่ควรเกิดในภาวะที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เท่านั้น แต่นี่เป็นการไม่แม่นในกรรมวิธีเก็บรักษา ไปจนกระทั่งละเลย ขอไปที อันสะท้อนไปถึงนิสัยแก้ไม่หายของรัฐบาลชุดนี้ เข้ามาเพื่อรวบอำนาจเท่านั้น
ส่วนเรื่อง ‘ไม่เท่านั้น’ ก็วัคซีนซึ่งมีสกุลรุนชาติ ที่ประชากรเฝ้ารอ ร้อ รอ ไอ้ ๖๐ ล้านโด๊สเซสภายในสามเดือน รองรับ ‘เปิดประเทศ’ ค้าขายและบริการนั่น เห็นทีเป็นไปไม่ได้ซะแล้วนี่ ข่าวไม่สบอารมณ์เจ้าของโรงงาน ต้องให้ชมรมหมอชนบทบอก
“วันนี้ แอสตร้าฯ จากสยามไบดอไซน์ มีกำลังการผลิตที่น่าจะคงที่แล้ว คือเดือนละ ๑๕ ล้านโด๊สเซส (ลดลง ๒๕% จากเดิมที่บอกไว้ ๒๐ ล้านโด๊สเซสต่อเดือน)” ไม่เท่านั้นอีกที “จำนวนเดือนละ ๑๕ ล้านโด๊สเซสที่ผลิตได้นี้
จะส่งมอบให้รัฐบาลไทยเพียงเดือนละ ๔ ล้านโด๊สเซส ส่วนที่เหลือจะต้องส่งออกตามสัญญา” (ซึ่งมาดามแป้งบอกแล้วว่าเราแค่รับจ้างผลิต) นี่คือการลดจำนวนอันฝันหวานว่าจะมีแอสตร้าฯ เดือนละ ๑๐ ล้านโด๊สเซสเหลือ ๔๐%
เดือนหน้ายังไม่รู้จะได้วัคซีนจากไหนมาทดแทน เพราะรัฐบาลยังไม่บอกอะไร ยิ่งตัวหัวหน้าอยู่ในระหว่างเสียใจโดนด่า ‘I hear’ ‘I-5’ ‘I-sus’ เลยงอน หยุดพูดเล่นพูดหัวชั่วคราว เอาจริงเอาจัง ออกประกาศใหม่เอี่ยม ‘เยียวยา’ พวกก่อสร้าง
ประยุทธ์ จันทร์อะไรนะ เรียกประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาฯ เมื่อเช้าวานได้ข้อสรุปทันใจ “เห็นชอบให้ออกมาตรการช่วยเหลือนายจ้างและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ” บุญของคนใช้แรงงานได้ติดปลายนวมไปกับเขาด้วย ได้รับคนละ ๒ พันบาท
ทั้งพวกที่อยู่ภายในระบบประกันสังคม ซึ่งจะได้รับการจ่ายชดเชยครึ่งหนึ่งของฐานเงินเดือนแล้วด้วย แต่ก็จำกัดเพดานที่ สูงสุดไม่เกิน ๗,๕๐๐ บาท และพวกที่อยู่นอกระบบก็ได้ ๒ พันเหมือนกัน ขณะที่ร้านค้าและบริษัทซึ่งเป็นนายจ้างได้มากกว่า
นายจ้างหรือผู้ประกอบการ จะได้รับเงินช่วยเหลือ ๓ พันบาทต่อหัว ตามจำนวนลูกจ้าง และมีเพดานเหมือนกัน นายจ้างรายหนึ่งจะได้รับเงินช่วยเหลือสำหรับจำนวนลูกจ้างไม่เกิน ๒๐๐ คน (เหนาะๆ ๖ แสนบาทต่อราย)
ข้อแม้นิดเดียวต้องอยู่ในฐานข้อมูล ‘ถุงเงิน’ ซึ่งบริษัทยักษ์ๆ ไม่ยากอยู่แล้ว จะติดตรงว่าให้แค่ลูกจ้าง ๒๐๐ คนไม่พอยาไส้ เห็นทีบริษัทไม่ยักษ์แต่ก็คนงานเยอะหลายร้อย ต้องเอาอย่าง Bangkok Post Group ซึ่งประกาศนโยบายใหม่เอี่ยม
ให้พนักงานลาหยุด “โดยไม่รับค่าจ้าง” ตั้งแต่ ๑ กรกฎา ถึง ๓๐ กันยา (สามเดือน) แทนที่จะมีการปลดพนักงานกันระนาว แบบที่บริษัทห้างร้านรายย่อยๆ ทะยอยปิดตัวเอง เลิกจ้าง หรือปลดพนักงานบางส่วน กันมาตลอดปีของวิกฤตนะจ๊ะนี้
ตามจดหมายประกาศของผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลบริษัทโพสต์ อ้างสถานการณ์ระบาดโควิด บวก “ภาวะตกต่ำของสื่อสิ่งพิมพ์ทั้งระบบ ทำให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนสะสม รวมมากกว่า ๑,๕๐๐ ล้านบาท” ข้อสำคัญในปัจจุบัน “ยังขาดทุนต่อเนื่อง
อีกประมาณ ๑๕ ล้านบาท/ทุกเดือน” จึงเกิดเป็นห่วงคุณ วาสนา นาน่วม จะได้รับผลกระทบกับเขาด้วยไหมหนอ ภาวนาให้เธอได้อยู่ดีพีมันกับการเป็น ‘พีอาร์’ กองทัพไปแล้ว จะได้มีข่าวจากภายในบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศออกมาไม่ขาดทุกวัน
(https://www.facebook.com/thestandardwealth/posts/338619141227114 และ https://ch3plus.com/news/program/246653)
