“ไม่มีวันใดที่ผมจะไม่คิดหาหนทาง เพื่อช่วยเหลือทางเศรษฐกิจกับพี่น้องประชาชน” ข้อความตอนหนึ่งบนหน้าเฟชบุ๊คประยุทธ์ เสริมรายละเอียดการเยียวยาโควิด-๑๙ ที่ผู้ใช้แรงงานได้ ๒ พัน แต่นายจ้างได้ ๓ พันต่อหัว
อย่างนี้นี่เองบ้านเมืองถึงกำลังพังไม่เป็นท่า เป็นมา ๗ ปีแล้วต้องยอมรับสภาพ มันต้องเป็นเพราะสมรรถนะทางสมองไม่แข็งแรงพอกับงานแน่ๆ ไม่แปลกใจเลยที่กระทั่ง นสพ.‘เดลินิวส์’ ยังออกมาคอลเอ๊าท์ “ไม่ไหวก็ไปเถอะ! สงสารประชาชนบ้าง”
ข้อเขียนโดย ‘คนเถรตรง’ บอก “ไม่ต้องกังวลว่าไปแล้วจะเอาใครมา ไม่ต้องกังวลว่าเปลี่ยนผู้นำกลางสนามรบในสงครามโรคแล้วจะเกิดความเสียหาย คนไทยเก่งๆ มีอีกเยอะ” ในเมื่อไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้เลยสักอย่าง
เรื่องปากท้องของชาวบ้าน ทับถมไปกับการระบาดของเชื้อโควิด-๑๙ ที่ไม่ทีท่าจะลดละลงได้ ไปจนกระทั่งการเมืองการปกครอง มองไม่เห็นทางสมานฉันท์ แล้วยังดันทุรังจนจวนเจียนจะตกขอบอยู่แล้ว ไหนจะ “รายได้คลัง ๘ เดือน วิกฤตหลุดเป้า”
นั่นตามถ้อยแถลงผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ที่ว่าการจัดเก็บรายได้เข้ารัฐครึ่งปีแรก “ต่ำกว่าประมาณการ” ตามเคย จาก ตุลา ๖๓ ถึงพฤษภา ๖๔ จัดเก็บได้ ๑.๔๔ ล้านล้าน ต่ำกว่าเป้าไปเกือบแสนล้านบาท
เทียบกับปีก่อนก็ยังตกต่ำต่อไป คือลดลง ๕๘,๐๓๕ ล้านบาท “ยอดจัดเก็บรายได้ติดลบลงทุกรายการ โดยเฉพาะจาก ๓ กรมภาษี กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร เก็บรายได้รวมกัน ๑.๕ ล้านล้านบาท” ลดลงไป ๑๑,๗๑๑ ล้าน
แล้วยังเส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจไทย ด้านการท่องเที่ยว ฟุบไปตั้งแต่มีโควิดรอบสอง ยังแก้ไม่ตก นี่กำลังรอบสาม รอรอบสี่ที่รูปการณ์แก้ปัญหาที่ทำอยู่ชี้ชัดว่ามาแน่ ผลสำรวจพบว่า “กิจการมีรายได้ลดลงกว่า ๗๕%”
๖๘% ของสถานประกอบการ มีจำนวนพนักงานเหลืออยู่ไม่ถึงครึ่ง อีกทั้งในไตรมาสปัจจุบัน “๗๔% ที่มีทุนสำรองให้ใช้ได้อีกไม่เกิน ๖ เดือน “หากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น คาดว่าอีก 6 เดือนข้างหน้า จะมีสถานประกอบการเหลือรอดอยู่เพียงประมาณ ๑๓%”
แล้วพรุ่งนี้เปิดแน่ ‘ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์’ แอ่งทรายแหล่งเรียนรู้นำร่องเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ด้วยระเบียบและข้อจำกัดครบเครื่องพอที่จะให้ความมั่นใจได้ว่า จะไม่กลายเป็นซูเปอร์คลัสเตอร์ไปฉิบ
ทั้งใบรับรองวัคซีน ใบเสร็จจ่ายล่วงหน้าค่าตรวจเชื้อ ๓ ครั้ง (ราว ๑,๘๐๐ บาท) ห้ามย้ายโรงแรมภายใน ๗ วัน ห้ามไปต่อจังหวัดอื่นภายใน ๑๔ วัน มาจากถิ่นที่เสี่ยงน้อย ฯลฯ ขาดอย่างเดียว ‘super incentive’ ผลพลอยได้ล่อใจ
แบบที่อเมริกา กับอีกบางประเทศมีให้ คือ ‘ฉีดวัคซีนฟรี’ เพราะวัคซีนยังเป็นอุปสรรคหลักใหญ่ที่จะทำให้ ‘เปิดยาก’ และถ้ายังดึงดันเปิด อาจจะต้องรีบกลับไปปิดใหม่โดยไว ดังเช่นกรณีหมู่เกาะ มัลได๊ฟ์และซีเชลส์ ประสบ ในรายงานของ ‘TTB analytics’
สอง “หมู่เกาะที่ภูมิประเทศคล้ายภูเก็ต หลังจากเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ อัตราการติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น พบความเสี่ยงจากการระบาดของสายพันธุ์อื่นนอกประเทศ” กรณีซีเชลส์ซึ่งอัตราฉีดวัคซีนสูงถึง ๗๑.๕% แล้วยังโอละพ่อ
“เมื่อมีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวในช่วงเดือนมีนาคม ๒๕๖๔ ที่ผ่านมา กลับพบการระบาดของเชื้อเฉลี่ยสูงขึ้น ๓.๘ เท่าตัว ในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน” ช่วงเวลาเดียวกันมัลได๊ฟ์ซึ่งอัตราวัคซีน ๕๘.๓% ก็พบ “การระบาดสูงขึ้นกว่าเดิม ๘.๒ เท่า”
ตั้งตาดูไว้ว่าโมเดลมัลได๊ฟ์กับซีเชลส์จะไม่เกิด ไม่ต้องถึงขนาดประสบความสำเร็จงดงาม ทั่วโลกแห่มาเที่ยวไทย ไล่ดูเสาไฟกินรี แค่ไม่ต้องเจอผีซ้ำดั้มพลอย เพียงหลอมแหลมพอไปได้ก็ดีใจกันตายห่ “นี่เกิน ๗ ปีเข้าไปแล้ว ผลงานการบริหารประเทศเป็นยังไง”
เดลินิวส์แหวกแนวมาต่อว่า “ประชาชนอยู่ดีมีสุข กินอิ่มนอนหลับไหม ตอบแบบไม่เกรงใจคือ ไม่เลย”
(https://www.dailynews.co.th/politics/852714giraff.io, https://www.matichon.co.th/economy/news_2802247 และhttps://www.facebook.com/btimesch3/posts/1425973457768515)