วันพุธ, มิถุนายน 30, 2564

ขนาด 'เดลินิวส์' ยังแหวกแนวมา 'คอลเอ๊าท์' นายกฯ คนที่ “ไม่มีวันใดที่ผมจะไม่คิดหาหนทาง...มันต้องเป็นเพราะสมรรถนะทางสมองไม่แข็งแรงพอกับงานแน่ๆ”


“ไม่มีวันใดที่ผมจะไม่คิดหาหนทาง เพื่อช่วยเหลือทางเศรษฐกิจกับพี่น้องประชาชน” ข้อความตอนหนึ่งบนหน้าเฟชบุ๊คประยุทธ์ เสริมรายละเอียดการเยียวยาโควิด-๑๙ ที่ผู้ใช้แรงงานได้ ๒ พัน แต่นายจ้างได้ ๓ พันต่อหัว

อย่างนี้นี่เองบ้านเมืองถึงกำลังพังไม่เป็นท่า เป็นมา ๗ ปีแล้วต้องยอมรับสภาพ มันต้องเป็นเพราะสมรรถนะทางสมองไม่แข็งแรงพอกับงานแน่ๆ ไม่แปลกใจเลยที่กระทั่ง นสพ.เดลินิวส์ ยังออกมาคอลเอ๊าท์ “ไม่ไหวก็ไปเถอะ! สงสารประชาชนบ้าง”

ข้อเขียนโดย คนเถรตรงบอก “ไม่ต้องกังวลว่าไปแล้วจะเอาใครมา ไม่ต้องกังวลว่าเปลี่ยนผู้นำกลางสนามรบในสงครามโรคแล้วจะเกิดความเสียหาย คนไทยเก่งๆ มีอีกเยอะ” ในเมื่อไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้เลยสักอย่าง

เรื่องปากท้องของชาวบ้าน ทับถมไปกับการระบาดของเชื้อโควิด-๑๙ ที่ไม่ทีท่าจะลดละลงได้ ไปจนกระทั่งการเมืองการปกครอง มองไม่เห็นทางสมานฉันท์ แล้วยังดันทุรังจนจวนเจียนจะตกขอบอยู่แล้ว ไหนจะ “รายได้คลัง ๘ เดือน วิกฤตหลุดเป้า”

นั่นตามถ้อยแถลงผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ที่ว่าการจัดเก็บรายได้เข้ารัฐครึ่งปีแรก “ต่ำกว่าประมาณการ” ตามเคย จาก ตุลา ๖๓ ถึงพฤษภา ๖๔ จัดเก็บได้ ๑.๔๔ ล้านล้าน ต่ำกว่าเป้าไปเกือบแสนล้านบาท

เทียบกับปีก่อนก็ยังตกต่ำต่อไป คือลดลง ๕๘,๐๓๕ ล้านบาท “ยอดจัดเก็บรายได้ติดลบลงทุกรายการ โดยเฉพาะจาก ๓ กรมภาษี กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร เก็บรายได้รวมกัน ๑.๕ ล้านล้านบาท” ลดลงไป ๑๑,๗๑๑ ล้าน

แล้วยังเส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจไทย ด้านการท่องเที่ยว ฟุบไปตั้งแต่มีโควิดรอบสอง ยังแก้ไม่ตก นี่กำลังรอบสาม รอรอบสี่ที่รูปการณ์แก้ปัญหาที่ทำอยู่ชี้ชัดว่ามาแน่ ผลสำรวจพบว่า “กิจการมีรายได้ลดลงกว่า ๗๕%

๖๘% ของสถานประกอบการ มีจำนวนพนักงานเหลืออยู่ไม่ถึงครึ่ง อีกทั้งในไตรมาสปัจจุบัน “๗๔% ที่มีทุนสำรองให้ใช้ได้อีกไม่เกิน ๖ เดือน “หากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น คาดว่าอีก 6 เดือนข้างหน้า จะมีสถานประกอบการเหลือรอดอยู่เพียงประมาณ ๑๓%


แล้วพรุ่งนี้เปิดแน่ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แอ่งทรายแหล่งเรียนรู้นำร่องเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ด้วยระเบียบและข้อจำกัดครบเครื่องพอที่จะให้ความมั่นใจได้ว่า จะไม่กลายเป็นซูเปอร์คลัสเตอร์ไปฉิบ

ทั้งใบรับรองวัคซีน ใบเสร็จจ่ายล่วงหน้าค่าตรวจเชื้อ ๓ ครั้ง (ราว ๑,๘๐๐ บาท) ห้ามย้ายโรงแรมภายใน ๗ วัน ห้ามไปต่อจังหวัดอื่นภายใน ๑๔ วัน มาจากถิ่นที่เสี่ยงน้อย ฯลฯ ขาดอย่างเดียว ‘super incentive’ ผลพลอยได้ล่อใจ

แบบที่อเมริกา กับอีกบางประเทศมีให้ คือ ฉีดวัคซีนฟรีเพราะวัคซีนยังเป็นอุปสรรคหลักใหญ่ที่จะทำให้ เปิดยากและถ้ายังดึงดันเปิด อาจจะต้องรีบกลับไปปิดใหม่โดยไว ดังเช่นกรณีหมู่เกาะ มัลได๊ฟ์และซีเชลส์ ประสบ ในรายงานของ ‘TTB analytics’

สอง “หมู่เกาะที่ภูมิประเทศคล้ายภูเก็ต หลังจากเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ อัตราการติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น พบความเสี่ยงจากการระบาดของสายพันธุ์อื่นนอกประเทศ” กรณีซีเชลส์ซึ่งอัตราฉีดวัคซีนสูงถึง ๗๑.๕% แล้วยังโอละพ่อ

เมื่อมีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวในช่วงเดือนมีนาคม ๒๕๖๔ ที่ผ่านมา กลับพบการระบาดของเชื้อเฉลี่ยสูงขึ้น ๓.๘ เท่าตัว ในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน” ช่วงเวลาเดียวกันมัลได๊ฟ์ซึ่งอัตราวัคซีน ๕๘.๓% ก็พบ “การระบาดสูงขึ้นกว่าเดิม ๘.๒ เท่า”

ตั้งตาดูไว้ว่าโมเดลมัลได๊ฟ์กับซีเชลส์จะไม่เกิด ไม่ต้องถึงขนาดประสบความสำเร็จงดงาม ทั่วโลกแห่มาเที่ยวไทย ไล่ดูเสาไฟกินรี แค่ไม่ต้องเจอผีซ้ำดั้มพลอย เพียงหลอมแหลมพอไปได้ก็ดีใจกันตายห่ “นี่เกิน ๗ ปีเข้าไปแล้ว ผลงานการบริหารประเทศเป็นยังไง”

เดลินิวส์แหวกแนวมาต่อว่า “ประชาชนอยู่ดีมีสุข กินอิ่มนอนหลับไหม ตอบแบบไม่เกรงใจคือ ไม่เลย”

(https://www.dailynews.co.th/politics/852714giraff.io, https://www.matichon.co.th/economy/news_2802247 และhttps://www.facebook.com/btimesch3/posts/1425973457768515)