วันพุธ, พฤษภาคม 19, 2564

จะ ‘walk in’ หรือ ‘walk out’ ฉีดแบบไหนหรือไม่ฉีด ปัญหาอยู่ที่วัคซีนยังมีไม่พอ อะ


เฮ้อ กะอีแค่ตั้งต้นเตรียมตัวจะฉีดวัคซีนกันก็ยังเป็นปัญหา จะ ‘walk in’ ‘walk on’ หรือ ‘walk out’ ล่ะ พอ สาสุขบอก เอ้า ใครยังไม่ได้จองฉีด ว้อคอิน ไปฉีดกันได้ละนะ ไม่ทันไรประธาน ศบค.แย้ง เฮ้ยอย่าเพิ่ง เดี๋ยวไปแออัดเกิดคลัสเตอร์ซะอีก

ก็เลย รมว.ต้องมาอธิบายขยายความเพิ่มเติมความหมายคำ ว้อคอิน เสียใหม่ เปรียบเทียบเหมือนการไปร้านอาหารแบบไม่ได้จองโต๊ะ ถ้าว่างได้นั่ง ไม่ว่างยืนรอ โหยฉีดวัคซีนเรื่องคอขาดบาดตาย ต้องมาใช้ ‘etiquette’ มารยาท ‘dining out’ ภัตตาคาร

อนุทิน ชาญวีรกูล ชี้แจงเสียเป็นวรรคเป็นเวร ว้อคอินก็คือไปลุ้นหน้าสถานที่ฉีด แต่ ประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกว่าคือไปลงทะเบียนที่นั่น รวมความว่าต่างคนต่างพูดเอามัน ให้ประชากรตื่นตูม (และเลิกด่า) ว่าวัคซีนมาแล้วนะ (อย่างเร็วอีกสองเดือน อะ)

จะบอกให้ ที่อื่นๆ ซึ่งมีบางคนบินไปฉีดกันนั้นเขาให้ ว้อคอิน เพราะมีวัคซีนเหลือเฟือ กำลังคิดจะส่งออกไปช่วยประเทศด้อยพัฒนา ๘๐ ล้านโด๊สเซส (ซึ่งคนไทยคงไม่ได้แอ้ม เพราะประเทศนี้พัฒนามาแล้วเกือบพันปี) ไม่ใช่ต้องรอผลิตได้ปลายมิถุนา

ถึงอย่างนั้น หัวตอ รัฐบาลรีบย้ำว่า ภายในมิถุนา-กรกฎา ฉีดได้แน่ ๕ ล้านคนในกรุงเทพฯ เท่ากับจำนวน ๗๐% ของประชากรเชียวละ (ส่วนหัวเมืองอีกเรื่อง) ระหว่างรออีกเดือนกว่าๆ นี่ต้องระวังตัวเองกันไปพลางๆ นะจ๊ะ กทม.ออกรายการพื้นที่เสี่ยง ๒๘ แห่งให้ระวัง


แต่พื้นที่เสี่ยงจากรัฐบาลนี้ต้องระวังมากกว่า เพราะกำลังขยายวงอีก นั่นคือการกู้รายปี คราวนี้ไม่ถึงล้านๆ แค่ ๗ แสนล้านบาทไทย ที่รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลดักคอว่า “แอบลักหลับ” เท่านั้นไม่พอ รมว.คลังแย้ม “จะต้องมีการพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติม

ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนวงเงินกู้จาก ๗ แสนล้านบาทได้อีก” เพราะยังไม่ถึงเพดาน กรอบวินัยการเงินการคลังตอนนี้แค่ ๕๘% ของจีดีพี ยังไม่ถึงกรอบ ๖๐% ของระเบียบ แล้วยัง “ปีหน้าคาดว่าหนี้จะเกินกรอบเป้าหมายที่ ๖๐% แต่ไม่ใช่ปัญหา”

อาคม เติมพิทยาไพสิฐ อ้างว่า “เพราะในสถานการณ์ไม่ปกติ รัฐบาลสามารถขยายกรอบหนี้สาธารณะให้เพิ่มอีกได้”  อันนี้หนักกว่าที่ ศิริกัญญา ตันสกุล โวยวายไว้ ขนาดนั้นก็ยังแย่แล้วเลย เนื่องจากครั้งก่อนปีที่แล้วกู้ ๑ ล้านล้าน “เสี่ยงที่จะไม่ไม่สัมฤทธิ์ผล”


เธอจี้กลางใจดำ “การออก พ.ร.ก. เงินกู้ (๗ แสน) ครั้งนี้น่าเป็นห่วง เพราะโครงสร้างแผนงานและกลไกการอนุมัติโครงการแทบจะเหมือน พ.ร.ก. ๑ ล้านล้านทุกประการ” ซึ่งโครงการเหล่านั้น “ก็เป็นได้แค่ลมปาก ยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม”

ศิริกัญญาแจกแจงต่ออีกว่า “โครงการเรือธงอย่าง โคก หนอง นา โมเดล มีถึง ๒ โครงการใช้ชื่อต่างกัน มี ๒ หน่วยงานที่ทำเรื่องเดียวกัน เรื่องนี้ สตง.ได้ออกมาชี้เป้าแล้วว่า...การดำเนินโครงการล่าช้ากว่าแผน หน่วยงานไม่พร้อมในการดำเนินการ”

พรรคฝ่ายค้านนี้ยอมรับว่า “ในสถานการณ์ปัจจุบัน การกู้เงินเพิ่มเพื่อเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจมีความจำเป็น แต่เราอยากเห็นการกู้แบบมีความรับผิดชอบ...มีกลไกเร่งรัดการเบิกจ่าย มีการประเมินกำลังหน่วยงานรัฐว่าไหวไหม ถ้าไม่ไหวอย่าเอาไป เสียของ”

อย่างวงเงินกู้สำหรับกระทรวงสาธารณสุข ๓ หมื่นล้านบาท “เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดระลอกใหม่” น่าจะหมายถึงระลอกนี้แหละ ถ้าประวัติศาสตร์ซ้ำรอย “งบประมาณเดิมมีการเบิกจ่ายแค่ไม่ถึง ๓๐%” พร้อมทั้งค่าอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ “ยังไม่มีการเบิกจ่ายเงินเลย”

นี่จะกู้ใหม่ ที่รวมถึง “การที่กระทรวงกลาโหมทำหนังสือลับมาก ด่วนมาก ถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายแก้ปัญหาโควิด-๑๙” จากงบกลางประมาณ ๓๘๗ ล้านบาท ซึ่งหลายอย่างเป็นงานประจำกองทัพอยู่แล้ว

นอกจาก “การเตรียมความพร้อมโรงพยาบาลสนามของกองทัพ ๑๐๐ ล้านบาท” แล้วยังมี “ค่าใช้จ่ายของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง” ๒๐๗ ล้านบาท ที่ระบุว่า “เป็นการใช้เงินเพื่อเตรียมความพร้อมของกำลังพล

ในการรับมือกับสถานการณ์ชุมนุม ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับการรับมือแก้ปัญหาโควิด-๑๙ เลย” แบบนี้เป็นการลักหลับตอนที่ยังตื่นอยู่ หรืออีกนัยหนึ่งเท่ากับเป็นการ ชำเราล่วงละเมิดให้ใครที่โดนต้องช้ำใจ

(https://www.prachachat.net/politics/news-672448, https://voicetv.co.th/read/ehdvkooenHY82etc และ https://ch3plus.com/news/program/241519)