วันอาทิตย์, เมษายน 05, 2563

กักตัว ๑๔ วัน 'วุ่น' ผีเข้าผีออก ไล่ตามปัญหา

ในสถานการณ์เชื้อร้ายระบาดอันเป็นวิกฤตโลกเช่นนี้ ประเทศไหนๆ ใหญ่เล็กล้วนพยายามนำคนสัญชาติตนกลับประเทศ แคนาดา-สหรัฐส่งเครื่องบินไปรับจากจีน เยอรมนีและอียูเหมาเครื่องบินส่งกลับบ้านจากไทย

แต่ไทยเองกลับบอกผู้ตกค้างต่างแดนรอก่อน พ้นวันที่ ๑๕ เมษาค่อยมา และประกาศอย่างฉุกละหุก ไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้คนเป็นร้อยๆ ที่ออกเดินทางก่อนจะมีประกาศ ต้องเจอกับภาวะขวัญแขวน เมื่อไปติดอยู่สนามบินไม่ถึงบ้าน

“ปฏิบัติการทั้งหมดยุ่งเหยิงสิ้นดี เจ้าหน้าที่ต่างคนต่างให้ข้อมูลไม่ตรงกัน” มิหนำซ้ำ “เจ้าหน้าที่เหล่านั้นทั้งดุและหยาบคาย ปฏิบัติต่อพวกเราเหมือนเป็นอาชญากร” เป็นคำของผู้เดินทางกลับไทยจากอัมสเตอดัมรายหนึ่งซึ่งถูกนำตัวไปสัตหีบเมื่อ ๒ เมษา

คล้ายกับกรณีผู้โดยสารจากนิวยอร์ค ๑๕๘ คนถูกกักตัวให้รอกว่า ๕ ชั่วโมงเมื่อคืนวันที่ ๓ เมษา แล้วจะส่งต่อไปสัตหีบ แต่ผู้โดยสารเหล่านั้นไม่ยอม ถกเถียงกับเจ้าหน้าที่ทหาร ๓ คน จนท้ายที่สุดฝ่ายเจ้าหน้าที่ยอมให้แยกย้ายกันออกไปจากสนามบินได้

แต่กลับกลายเป็นที่โจทย์จรรว่าพวกเขาเหล่านั้นหลบหนีการเก็บตัว ๑๔ วัน ตามคำสั่งที่รัฐบาลออกประกาศหลังจากที่คนเหล่านั้นได้ขึ้นเครื่องจากประเทศต้นทางแล้ว ถึงขั้นนักบินคนหนึ่งเขียนข้อความบริภาษณ์ว่า “รู้จักคำว่าจิตสำนึกสาธารณะไหมครับ”

ผู้ใช้นามเฟชบุ๊ค Arch Chamnansil อ้างคุณธรรมว่า “เราพาพวกคุณกลับบ้าน ผมต้องกักตัวเอง ๑๔ วัน (นี่เป็นรอบที่สองแล้ว) แล้วคุณเป็นใครครับ ทำไมถึงหนี” วันรุ่งขึ้นนายกรัฐมนตรีมีคำเฉียบ สั่งให้ติดตามจับกุมพวกเขากลับมาควบคุม

จนเมื่อมีคลิปเหตุการณ์โต้เถียงที่สุวรรณภูมิออกมาแพร่ต่อๆ กันเกร่อ ฝ่ายทหารจึงได้แถลงยอมรับผิดว่าบริหารจัดการไม่ดี จากนั้นบรรดาผู้ที่กลับบ้านแล้วต่างทะยอยกลับไปรายงานตัว เพื่อการกักตัวตามระเบียบจนครบทุกคนแล้ว

นายทหารที่เจรจากับผู้โดยสารคืนนั้นคนหนึ่ง ถูกเรียกตัวกลับหน่วยและสอบความประพฤติ ว่าฝืนคำสั่ง “ใช้อำนาจเกินหน้าที่” ปล่อยผู้ที่ควรถูกกักตัวไป แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพราะรัฐบาลออกคำสั่งโดยไม่มีการไตร่ตรองแผนรองรับต่างหาก

ซ้ำยังไล่ตามปัญหา ไม่รีบร้อนเป็นขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก ทั้งที่เขารู้กันทั่วโลกว่าประเทศที่จำนวนคนตายน้อยในขณะที่จำนวนคนติดมากมาย ล้วนลงมือจัดการทันทีทันใดเมื่อข่าวการระบาดเริ่มปรากฏใหม่ๆ ใช้ทั้งมาตรการสกัดกั้นและการตรวจอย่างกว้างขวางหาผู้ติดเชื้อทันที

ดัง นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้เชี่ยวชาญโรคระบาด โรงพยาบาลจุฬาฯ เสนอความเห็นสาธารณะว่า “การตรวจเฉพาะคนมีอาการ จะไม่มีวันตัดการแพร่ระบาดไปได้” ต้องตรวจทั้ง คนมีอาการ และ ไม่มีอาการ เพื่อตัดลูกโซ่ของการแพร่เชื้อ 
รูปการณ์ทำให้เห็นว่าการระบาดจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์โควิด-๑๙ นี้ ประเทศไทยยังงุ่มง่าม และจะมองไม่เห็นวันที่สามารถควบคุมโรคร้ายได้อย่างราบคาบอีกนาน เพราะการแก้ปัญหาอย่างลักลั่น ไม่มีมาตรการต่อเนื่องและรองรับ

นี่ก็มีประกาศห้ามเครื่องบินโดยสารจากต่างประเทศเข้าไทยอย่างเด็ดขาด เป็นการชั่วคราว ๓ วัน ถึงวันที่ ๖ เมษายน ที่คนทั่วไปงงว่าทำไมแค่สามวัน จะสกัดไวรัสได้สักเท่าไรเชียว มีเบื้องหลังอะไรหรือเปล่า ในเมื่อตรงกับวันจักรีพอดี

ดูจากเหตุเกิดที่สุวรรณภูมิวันที่ ๓ เมษา รัฐบาลในสถานการณ์ฉุกเฉินนี่บริหารจัดการภาวะวิกฤตแบบวันต่อวัน เที่ยวบินจากยุโรปร้อยกว่าคนถึงสุวรรณภูมิตอนสาย ถูกนำตัวไปกักไว้ที่สถานีดับเพลิง แล้วนำตัวขึ้นรถทัวร์ไปต่อโดยไม่ยอมบอกว่าไปไหน

ผู้ใช้นาม ‘siam สยาม @siam’ เขียนเล่าว่าพวกเขาถูกต้อนขึ้นรถหลังจากที่รอมาหลายชั่วโมง ถามเท่าไรก็ไม่มีใครยอมบอกว่าไปไหน เจ้าหน้าที่บางคนบอกว่าจะพาไปทำการตรวจหาเชื้อ ขึ้นรถแล้วจึงรู้จากคนขับว่าไปสัตหีบ แวะพักกลางทางระหว่างชลบุรีกับพัทยา

รถจอดที่ปั๊มคนขับลงจากรถปิดประตูแล้วผละไป แต่ไม่ยอมให้ผู้โดยสารลงด้วย ผู้โดยสารจึงกดปุ่มเปิดประตูเองเพื่อไปซื้ออาหารร้านเซเว่น แต่ทางร้านไม่ยอมขายเพราะได้รับคำสั่งจากตำรวจไว้ไม่ให้ขาย พวกผู้โดยสารเริ่มซักความเอากับตำรวจที่ไปกับรถ

จนมีกำลังตำรวจและหน่วยอาสาฯ จากท้องที่ราว ๒๐ คนไปรักษาการให้ผู้โดยสารกลับขึ้นรถ จนถึงสัตหีบเมื่อเที่ยงคืน พอรู้ว่าต้องนอนรวมกันห้องละสามคน จึงเริ่มถกเถียงกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ ซึ่งเคยใช้เก็บตัวนักศึกษาเดินทางกลับจากอิตาลี และคนไทยจากอู๋ฮั่นก่อนนั้น

ท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่ยอมนำผู้โดยสารชุดนั้นขึ้นรถทัวร์กลับเข้ากรุงเทพฯ เมื่อตีห้า นำไปเข้าโรงแรมใกล้สนามบินเพื่อการกักตัว ๑๔ วัน แต่ก่อนจะถึงจุดนั้น สยามบอกว่าพวกเขาต้องเผชิญความหิวและหวาดหวั่นเป็นเวลากว่า ๒๐ ชั่วโมง

(https://docs.google.com/document/d/10Gs/edit, https://www.healthpolicy-watch.org/covid-19-testing-trends-globally-regionally/ และ https://www.voicetv.co.th/read/B6OPQiW_C)