วันอังคาร, กันยายน 05, 2560

อ่านระหว่างบรรทัดรายงานธนาคารโลกเศรษฐกิจไทยโต เจอ ‘ผักชีโรยหน้า’

ถ้าอ่าน ระหว่างบรรทัด รายงานธนาคารโลกเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยล่าสุดเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม สำหรับไพร่ฟ้าหน้าใส มวลชนคนรากหญ้าแล้ว อีกหนึ่งปีถึง ๕ ปีข้างหน้า น่าห่วง เสียมากกว่าปลื้มปีรติ

แน่นอน ทีม คสช. จะต้องโหมข่าวนี้ตลอดเดือนกันยายนกระทั่งไปถึงราชพิธีพระบรมศพรัชกาลที่ ๙ เดือนหน้า หลังกลับจากร่วมประชุม BRICS ที่เมืองเซี่ยเหม่น มณฑลฟูเจี้ยน

ดังข่าวว่ามีการลงนามความร่วมมือไทย-จีน ๔ ฉบับ อันหลักใหญ่อยู่ที่ข้อตกลงจ้างจีนสร้างระบบรถไฟในภาคอีสานผ่านโคราช ๒๕๓ กิโลเมตร ซึ่งเชื่อมต่อไปถึงคุนหมิงและมาบตาพุด มูลค่า ๕,๒๐๐ ล้านบาท ทำให้ดูว่าเป็น “การเชื่อมโยงยุทธศาสตร์การพัฒนาของทั้งสองประเทศ เพื่อให้ประเทศและประชาชนตามแนวเส้นทางสายไหมได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึง

อีกนัยหนึ่งการที่บิ๊กตูบยกขบวน (พร้อมด้วยชุดไทยจิตรลดา เป๊ะ อันเลิศหล้าของ รศ. ดร.นราพร จันทร์โอชา ที่วาสนา นาน่วม ประโคมไว้) ไปจีนครั้งนี้ ตั้งใจแสดงให้โลกเห็นว่าประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม ในการพัฒนา ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกหรือ EEC ของไทย

นอกเหนือไปจากข้อตกลงความร่วมมือทางทะเลระหว่างไทยกับจีนในเส้นทางสายไหมนั้นด้วย ที่ซึ่งจะเป็นการทำตัวเองให้อยู่ในกรอบอิทธิพลทางทะเลของจีนโดยใช่เหตุหรือไม่ เป็นเรื่องต้องจับตาดูถึงผลกระทบที่จะตามมา บนสภาพการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศที่จีนมีปัญหากับหลายประเทศเกี่ยวกับน่านน้ำทางทะเล ไม่ว่าจะเป็นเวียตนามหรือฟิลิปปินส์ ซึ่งสหรัฐพร้อมจะเข้าจัดการหากสถานการณ์ร้อนแรงขึ้น

ท่าทีของทีม คสช. ดูกระเหี้ยนกระหือรือกับการทำตัวใกล้ชิดมหามิตรใหม่ครั้งนี้มาก ทั้งที่มีนักวิชาการด้านความสัมพันธ์ในหมู่ประเทศอาเซียน ดร.ประภัสสร์ เทพชาตรี แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เตือนว่าจีนจะไม่ให้ความปราณีกับไทย และ “ใช้อิทธิพลกดดันอย่างไม่ยั้งมือ” แน่ๆ เมื่อถึงคราวที่จะรุก


หากเรามองไปที่การเจรจาว่าจ้างจีนสร้างทางรถไฟ ซึ่ง คสช. ทำมาเป็นเวลายาวนานเริ่มจากคาดว่าจีนยินดีเข้ามาลงทุน ไปสู่จีนให้กู้กลับไปจ้างจีน มาลงเอยที่ไทยจ่ายเองและจีนได้สิทธิแทบทุกอย่าง อะไรที่ระเบียบกฎหมายไม่อำนวย ประยุทธ์ก็ใช้ ม.๔๔ จัดการเปิดทางสะดวกให้หมด

ศาสตราจารย์ประภัสสร์กล่าวถึงกรณีที่ประยุทธ์ไปร่วมประชุมบริ๊คส์ครั้งนี้ แต่ไม่ได้ไปร่วมประชุม ๓๐ ผู้นำในเส้นทางสายไหม (Belt and Road) เมื่อเดือนพฤษภาคม หากมีเพียงรัฐมนตรีในรัฐบาล คสช. ๕ คนรวมทั้งด้านเทคโนโลยี่ดิจิทัลไปแทน บ่งบอกบางอย่างว่าจีนไม่ได้ให้ความสำคัญกับไทยมากเท่ากับที่ คสช. พยายามชี้ให้เห็น

ภาพที่จีนใช้อิทธิพลรุกคืบ บีบคั้นในอนาคต เมื่อไทยกลายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษของจีนไปแล้วละก็ การจะสลัดบ่วงเมื่อวันนั้นมาถึงจะยากยิ่งจนน้ำตาเช็ดหัวเข่า จนต้องอาวรว่ากลับไปอยู่ภายใต้อิทธิพลตะวันตกเสียยังดีกว่า เพราะอย่างน้อยๆ เรายังพูดกันในภาษาประชาธิปไตยได้


นี่แหละคือภาพที่เป็นได้ภายใต้ยุทธศาสตร์ ๒๐ ปีของ คสช. อันส่งผลให้ “คนของ คสช. จะมีอำนาจกำหนดทิศทางยุทธศาสตร์ชาติและกำกับควบคุมรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง อย่างน้อยสองรัฐบาล” หากพิจารณาตามที่ ประชาไท คำนวณ สมการสืบทอดอำนาจของ คสช. ผ่านจำนวนบุคคลที่ คสช.ตั้งเข้าไปอยู่ในคณะกรรมการยุทธศาสตร์


แม้ว่าขณะนี้จะมีรายงานครึ่งปีของธนาคารโลกระบุว่าปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะโตได้ถึง ๓.๖ เปอร์เซ็นต์ ยังดีกว่า ๓ ถ้วน หรือ ๓.๓ ขณะนี้ และไม่มีทางไปถึง ๔ หรือ ๕ ในช่วงสองรัฐบาลข้างหน้าภายใต้กำกับของ คสช. อย่างแน่นอน


ดังเกริ่นไว้แต่ต้นว่าระหว่างบรรทัดของข้อมูลใหม่ธนาคารโลก ว่าการเติบโตภาคเกษตรกรรมอยู่ที่ร้อยละ ๗.๗ และการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๖.๖ อันเป็นภาพที่ดีขึ้นและสดสวยสำหรับบิ๊กตูบจะเล่นบทพระเอกต่อไปอีกสัก ๕ ปี ๘ ปี

ทว่าการเติบโตต่อไปทางเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับ ความสามารถในการผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลให้เป็นหน้าเป็นตาของเศรษฐกิจไทยโดยหลักใหญ่ ในเมื่อข้อมูลที่ใช้สรุปรายงานะนาคารโลกดังกล่าว เป็นข้อมูลเชิงนโยบายทั้งนั้น จะสวยหรูอย่างไรก็ยังต้องการตัวเลขจริงของข้อมูลดิบรองรับ

ในเมื่อข้อมูลดิบจากพื้นที่บอกว่า “แบ๊งค์จุกอก หนี้เน่าปูดไม่หยุด” งี้ หรือ “ตัวเลขการว่างงานปรับเพิ่มขึ้นเป็น ๑.๒ เปอร์เซ็นต์” (๔.๗ แสนคน) เทียบกับไม่ถึง ๑ เปอร์เซ็นต์เมื่อตอน คสช. ยึดอำนาจ


ไม่ทำให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนได้เลยว่า ถ้าหลังเลือกตั้งแล้วพรรคประชิปัตย์ได้ร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคศิษย์เก่า สนช. โดยมีบิ๊กตูบผู้ซึ่งขยันขันแข็งทำการบ้านบนเครื่องบินระหว่างเดินทางไปประชุมบริ๊คส์ (ดังที่วาสนาประโคมอีกน่ะแหละ)


แล้วจะสามารถรักษาอัตราความเจริญ ๓.๖ เกษตรกรรมโต ๗.๗ อุตสาหกรรม (ส่งออก) ขึ้น ๖.๖ ไว้ได้

แค่ดูจากที่ทำมา ๓ ปี ล้วงคลังออกมาถลุงจากวันที่ยึดประเทศชาติมาจากยิ่งลักษณ์ ตอนนั้นเงินคงคลังเกือบ ๕ แสนล้าน ตอนนี้เหลือแค่ ๗ หมื่นกว่าล้าน

ที่ได้มามีอะไร ไม้ค์ทองคำ อ่างบัวทำเนียบ หรือไฟฟ้า น้ำประปา ผักชีโรยหน้าที่ชาวบ้าน สปก.สระแก้วได้ใช้วันเดียวนั่นฤ