วันพฤหัสบดี, กันยายน 21, 2560

Bless your heart Mr. Thaksin Shinawatra.

เป็นที่ใส่ใจกันมากขณะนี้ในหมู่ คนรักทักษิณต่อข่าวการรอมชอม ถอนฟ้องอาจารย์มหิดลที่เคยขึ้นเวทีปราศรัยหมิ่นประมาทเมื่อเดือนพฤศจิกา ๕๖

สื่อหลายแหล่งรายงานต้องกันว่า รศ. ดร.วรพรรณ เรืองผกา กล่าวคำขอโทษความว่า “ข้าพเจ้าได้ปราศรัยเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ณ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินกลาง โดยกล่าวพาดพิงถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และภายหลังจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้มายื่นฟ้องข้าพเจ้าเป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.๓๘๘/๒๕๕๗ ศาลอาญา

ข้าพเจ้าไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้ได้รับความเสียหาย แต่อาจมีคำพูดที่คลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริงไปบ้าง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและไม่สบายใจต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น

ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงขออภัยและขอบคุณ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มา ณ โอกาสนี้”

มติชนรายงานเพิ่มเติมว่าคำชี้แจงของนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของทักษิณว่าคดีนี้ “ฝ่ายจำเลยพยายามที่จะขอเจรจากับทางโจทก์ นายทักษิณได้ให้ดำริมาว่า หากมีการขออภัยอย่างเป็นทางการ และนำคำขออภัยสู่สาธารณชน ก็ยินดีที่จะให้อภัย” Bless your heart Mr. Thaksin Shinawatra.

ทนายวิญญัติเผยเพิ่มเติมด้วยว่าการประนีประนอมยอมความนี้ ทางศาลอาญาเป็นผู้จัดให้มีการประนอมข้อพิพาท ทั้งอธิบดีและผู้พิพากษาหัวหน้าคณะลงมาร่วมกระบวนการแข็งขันและพร้อมหน้า

แต่สาธารณะบางส่วนก็ยังไม่วายตั้งแง่สงสัยว่า ก็ “เมื่อนายทักษิณเป็นผู้หนีคดีไปแล้ว เหตุใดจึงยังมาฟ้องคดีกับบุคคลอื่น” ทนายตอบว่าประชาชนทุกคนมีสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลที่จะต้องปกป้องตามกฎหมาย “ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ยังมีสิทธินั้นอยู่...ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร”


ส่วนแฟนคลับชินวัตรจำนวนไม่น้อยที่ย้อนไปดูคลิปการอภิปรายของอาจารย์มหิดลคนนี้แล้ว ต่างพากันวิจารณ์ว่า การกระทำผิดของจำเลยไม่สมกับเกียรติที่ได้รับการให้อภัย คอมเม้นต์ส่วนมากลงตรงกันว่า “ไม่สมกับเป็นอาจารย์” ก็ตาม

หรือแม้แต่ถ้อยคำที่กล่าวขอโทษ ไม่ได้ส่อถึงความรู้สึกเสียใจ หรือ ‘remorse’ มากไปกว่าข้อความระบุให้ต้องตามกฎหมาย เช่น “คลาดเคลื่อน ต่อความเป็นจริง” “ก่อให้เกิดความ...ไม่สบายใจ”

อย่างไรก็ดีมีผู้พยายามชี้จุดที่ทำให้จำเลยต้อง “พยายามขอเจรจา” Pipob Udomittipong shared Kengkij Kitirianglarp's post. แล้วระบุข้อความคำพูดของนางวรพรรณจากคลิปในนาฑีที่ ๗ ว่า

ดิฉันนถูกตัดงบวิจัยค่ะ (พูดซ้ำ) งบวิจัยสำคัญอย่างไร ถ้าประเทศไหนไม่ส่งเสริมเรื่อง research and development ประเทศนั้นไม่มีวันเจริญญญญญญ” นี้ผิดพลาดอย่างแรง ไม่ใช่เพียง คลาดเคลื่อน

โดยพิภพชี้ให้เห็นว่า “เพราะข้อมูลจาก World Bank งบ R&D เทียบเป็นสัดส่วนของ GDP ของไทยเพิ่มมาตลอดจนถึงปี 2014 คงเป่านกหวีดเพลินไปหน่อยนะ”

นั่นละ การกระทำผิดเมื่อประนอมยอมความเสียแล้ว ความผิดพลาดก็อาจเปลี่ยนไปเหลือเพียง พลั้งไปได้ หากแต่การเผยแพร่ความผิดพลาดนั้น ผ่านทางโทรทัศน์บลูสกาย ก็คงจะ แล้วกันไปด้วย ผู้เสียหายคงไม่ระคายมากนัก ถือเสียว่าเอาความดีมากลบมิด

แต่ถ้าเป็นความผิดพลาดที่ก่อความเสียหายต่อชีวิตบุคคล และความลำบากยากไร้ของญาติพี่น้องและครอบครัวผู้ตายล่ะ จะประนอมข้อพิพาทได้บ้างไหม

มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข หัวหอกอันแหลมคมทิ่มแทงฝ่ายตรงข้ามของพรรคประชาธิปัตย์ เพิ่งจะลงข้อความอันเป็นเท็จ เมื่อ September 18 at 10:00pm นี่เอง โดยอ้าง Siriwanna Jill - New รายงานว่า

หลักฐานชัดเจน ว่าพยาบาลกมลเกด และเพื่อน ไม่ได้ตายพราะทหาร แต่ตายเพราะพวกเสื้อแดงด้วยกัน ฆ่าเอาศพ มีหลักฐาน โดย 6 ศพเสียชีวิต อยู่ในช่วงตะวันตกดิน ศพทั้งหมดมีการชันสูตรแล้วพบว่า ถูกยิงจากวิถีกระสุน ในระนาบเดียวกัน มิใช่มุมสูงจากสกายวอล์ค หรือบริเวณรางรถไฟฟ้า BTS...

เรื่องนี้มีการยืนยัน ด้วยคำรับสารภาพจาก น.ส. ณัฎฐธิดา หรือ แหวน พยาบาลอาสาในทีม น.ส.กมนเกด โดยรับสารภาพว่า ได้เป็นพยานเท็จให้เสื้อแดงมาตลอด 4 ปี เพราะได้รับผลประโยชน์จ้างวานในคดีการเสียชีวิต 6 ศพ ภายในวัดปทุมวนาราม เมื่อถูกจับกุมข้อหาจ้างวานวางระเบิดและหมิ่นเบื้องสูง เมื่อ มี.ค 58 จึงสารภาพหมดเปลือก 6 ศพวัดปทุม ชายชุดดำ นปช.ได้ยิงแนวราบใส่น้องเกดและเสื้อแดงตาย

ผลการตรวจ DNA จากกองเลือดภายในวัดของคุณหญิงหมอพรทิพย์ ซึ่งพยานระบุว่าเป็นจุดที่ น.ส.กมนเกด เสียชีวิต พบว่านอกจาก DNA จะไม่ตรงกับของ น.ส.กมนเกด แล้ว ยังไม่ตรงกับศพใด ๆ ใน 6 ศพ และคุณหญิงหมอ ยืนยันว่าคนยิงมาจากข้างล่าง คือโจรก่อการร้ายชุดดำ นปช. ไม่ใช่ทหาร”

ข้อความเหล่านี้เชื่อได้ว่าเป็นความเท็จทั้งสิ้น อย่างน้อยก็มีคนนำรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๕๖ มาแย้งในทางตรงข้าม

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของผู้ร้องและญาติผู้ตายทั้งหกคน อันประกอบด้วยประจักษ์พยาน พยานแวดล้อม และผู้เชี่ยวชาญต่างๆ แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ตายที่ 1 และที่ 3-6 ถึงแก่ความตายเพราะถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูง ขนาด .223 หรือ 5.56 มม. จากเจ้าพนักงานซึ่งเป็นทหารสังกัดกองพันจู่โจม กรมรบพิเศษที่ 3 ค่ายเอราวัณ จ.ลพบุรี ที่ประจำการอยู่บนรถไฟฟ้า

และผู้ตายที่ 2 ถึงแก่ความตายเพราะถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูง ขนาด .223 หรือ 5.56 มม. จากเจ้าพนักงานซึ่งเป็นทหารสังกัดกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ ที่ประจำการอยู่บนถนนพระรามที่ 1


มีหลายคนที่นางมัลลิกาลงข้อความพาดพิงให้เสียหาย ทั้งครอบครัวของ น.ส.กมนเกด (ผู้ตาย) น.ส.ณัฏฐธิดา (ที่ถูกอ้างว่าเป็นพยานให้ปากคำ) นปช. (ถูกกล่าวหาว่าเป็น ชายชุดดำ) และคุณหญิงหมอพรทิพย์ (โรจนสุนันท์) ที่นางติ่งอ้างว่าชันสูตรศพไม่พบดีเอ็นเอ

คนเหล่านี้บ้างไม่สามารถที่จะมาฟ้องร้อง (อย่างน้อยหวังผลแค่ให้ขอขมายอมรับผิด) เช่นเดียวกับคดีของคุณทักษิณ บ้างผะอืดผะอมไม่รู้จะฟ้องได้อย่างไร บ้างอาจทำไม่รู้ไม่ชี้ได้ดิบได้ดีแล้ว ชั่งมัน

จึงเป็นเรื่องต้องเศร้า และอัดอั้นอย่างยิ่ง สำหรับผู้เสียหายที่จำต้องกล้ำกลืนความขื่นขมเข้าไปภายในอีกครั้ง ทนดูทนฟังความสามหาวก้าวร้าว และโป้ปดบิดเบือน ที่กำลังกลับมาฟูเฟื่องกระเบื้องลอยอีกครั้งขณะนี้

ครั้นจะโทษ (ให้หายเครียด) ว่าเนี่ยมันเป็นอย่างนี้เพราะ ยิ่งลักษณ์หนี ก็แหม ไม่อยากเหมาเอาอย่างนั้น รักเธอยิ่งกว่าอื่นใด นายกฯ ในดวงใจทั้งพี่ทั้งน้อง อะ