วันเสาร์, กันยายน 23, 2560

วนเวียนดีไหมล่ะ ครั้นจะบอกตั้งแต่แรกว่า ไปก็ไปเถอะเราชอบ ก็เขินน่ะ เรื่องคดี ‘ยิ่งลักษณ์หนี!’

ใครที่ติดตามการทำคดี ยิ่งลักษณ์หนี!’ อย่างใกล้ชิดมาก อาจเกิดอาการวิงเวียน เพราะมันวังวน ‘like a circle in a spiral, like a wheel within a wheel’ อะไรปานนั้น

“ล่าสุดแต่ไม่ใช่แค่นี้” มันมาลงที่ “ปูด ยิ่งลักษณ์ลงจากรถเดินข้ามคลองกว้างสองเมตรที่อรัญฯ” ข่าวมติชนอ้างพล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า

“สำหรับช่องทางธรรมชาติบริเวณ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มีคลองลึกที่มีความกว้างประมาณ ๑ เมตร ๕๐ เซ็นติเมตร ซึ่งถือว่าสามารถใช้ข้ามไปประเทศเพื่อนบ้านได้ทุกจุด”


ใครอีกเหมือนกันที่ขยันจำจะนึกออก วันแรกที่ปรากฏข่าวทางโซเชียลตอนเช้าวันที่ ๒๕ สิงหาคมว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ไปปรากฏตัวต่อองค์คณะผู้พิพากษาศาลอาญาคดีการเมือง บ่ายวันนั้นสื่อบางรายอ้างแหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงว่า “ยิ่งลักษณ์หนีโดยเส้นทางธรรมชาติ”

หลังจากนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็นำมาอ้างซ้ำ พร้อมทั้งพูดถึงกรณีที่อดีตนายกฯ หญิงคนแรกของไทยมีเส้นสายในแวดวงราชการระดับสูง อาจมีใครช่วย หนี ก็ได้

โดยการนี้ วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวเก๋ากึก เป็นรัฐพันลึกกับวงการทหาร ว่าถึงช่องทางเรือสปีดโบ๊ทผ่านเกาะช้างไปทางชายแดนด้านจังหวัดตราดบ้างละ นัยว่าจะให้เดินเท้าข้ามเขตแดนแถบนั้นเป็นไปไม่ได้เพราะเส้นทางทุรกันดาร แถมมีกับระเบิดตกค้างเยอะ

ก็ทำให้สลิ่มไขว้เขวกันไปพักหนึ่ง ทว่าพวกติ่งยิ่งลักษณ์-ทักษิณ กระหยิ่มในใจ ไปทางไหนอย่างไร นายกฯ ปู อันเป็นที่รักรอดแน่ๆ

พูดถึงวาสนานี่ต้องยอมรับว่าแม่คุณเธอวงในสายทหารของจริง ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าวันที่ ๒๕ แกปูดคนแรกทางทวิตเตอร์ว่ายิ่งลักษณ์หายไปไหน นักข่าวไปรอกันหน้าบ้านซอยโยธินพัฒนาตั้งแต่ตีห้า ไม่เห็นร่องรอยนารีขี่ม้าขาวสักแอะ

จนกระทั่งมาถึงข้อมูลกล้องวงจรปิด จากรถฟอร์จูนเนอร์ รถตู้สีดำ รถเบ๊นซ์สีขาว มาถึงรถแคมรี่ (โตโยต้า) สีตะกั่ว (คนไทยเขาเรียกบรอนซ์) เป็นอันเชื่อแน่ว่าเส้นทางออกนอกประเทศของยิ่งลักษณ์คือนั่งรถยนต์ไปทางจังหวัดสระแก้ว แต่ก็ไม่มีหลักฐานข้ามด่านแต่อย่างใด

ประกอบกับรัฐบาลฮุนเซนของเขมรปฏิเสธแข็งขัน ไม่มี ไม่ได้ปล่อยยิ่งลักษณ์ใช้พื้นที่เดินทางผ่านไปขึ้นเครื่องบินที่โปเชนตงสู่สิงคโปร์ เพื่อต่อเครื่องคอร์ปอเรทเจ็ตของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ไปดูไบ โดยมีจุดหมายสุดทางที่จะขอลี้ภัยอยู่ในอังกฤษ เพราะได้เตรียมโรงเรียนของน้องไป๊ป์ไว้แล้วที่นั่น

จากนั้น ยิ่งลักษณ์รายวันก็เงียบหายไปจากกระดานข่าว ทั้งทางระบบเรดาร์และเฟชบุ๊ค มีแต่เสียง ทวี้ต จากทักษิณ และอินสตาแกรมจาก พินทองทาและแพทองธาร ลงทั้งภาพทั้งคลิป คุณตาทักษิณมีความสุข เล่นกับหลานๆ ที่อังกฤษ

ทว่าข้อความบนทวิตเตอร์ของทักษิณชิ้นหนึ่งในโอกาสครบรอบการรัฐประหาร ๑๙ กันยา ๔๙ ที่กระเทือนซางทั้งหัวหน้า คสช. และลิ่วล้อ พอประมาณ

โดยมีลิ่วล้อหน่อหนึ่งที่ได้ดีมีตำแหน่งอยู่ในสภานิติบัญญัติของ คสช. นาม สมชาย แสวงการ เพิ่งโดนทนายความซึ่งทักษิณมอบหมายให้ยื่นฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาท รอดูซิว่าผลจะออกมาอย่างไร เหมือนกับอาจารย์มหิดลนางหนึ่งซึ่งแถลงขออภัยแลกกับการยกฟ้องไปเมื่อสองสามวันมานี่ไหม

กับเรื่องที่บังเอิญนะบังอร ทั่นตือจำเป็นต้องไปช้อปอาวุธพอดีที่อิงแลนด์เหมือนกัน กลับมารีบปฏิเสธทันที ไม่มี้ ไม่มี ไม่ได้ไป ดีล อะไรไว้กับบิ๊กแม้ว จนมีภาพสะท้อนออกมาให้ ไข่แมว ได้เขียนการ์ตูนสร้างความบันเทิงกับนักแซวรัฐประหาร


พอมาวานนี้ (๒๒ กันยา) Wassana Nanuam อีกแหละ เหมือนจะปิดฝาคดี “บิ๊กป้อมเผยรู้แล้ว ใครสั่งพาปูหนี” โดยให้รายละเอียดว่า

จากการสอบสวน รองผู้การฯ รับสารภาพว่า ได้รับ คุณยิ่งลักษณ์ พร้อมด้วยเลขาฯอีก คนหนึ่ง ไปส่งต่อให้รถที่มารับช่วงต่อ แต่เรายังหารถคันนั้นไม่เจอ

ทั้งนี้ รองผู้การฯ บอกว่าได้รับคำสั่งมาอีกที และเขาเปิดเผยชื่อคนสั่งมาแล้วเป็นคนอยู่ในประเทศ แต่ผมยังไม่ขอเปิดเผยว่าใคร

ส่วนจะเกี่ยวข้องกับอดีต ผบ.ชน.ท่านหนึ่งหรือไม่นั้น พลเอกประวิตรกล่าวว่ายังไม่ขอตอบ แต่เบื้องต้นให้รองผู้การฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ย้ายประจำฯ และตั้งคณะกรรมสอบสวน เพื่อตั้งข้อหาการดัดแปลงรถยนต์ และข้อหาพาน.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนี”

เป็นที่น่าสังเกตุว่าการนำเสนอข่าวยิ่งลักษณ์หนีนี่มีการกั๊ก ยักท่า อุบ กันน่าดู ทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่และสื่อ

(ดูโพสต์ที่แล้วเรื่องการนำเสนอของ สยามรัฐออนไลน์ จะเข้าใจ https://www.facebook.com/Thaienews009/posts/1433689606680655)*

งานนี้ผู้ใส่ใจเสาะหาความจริง ‘inquiring minds’ แบบพวกนักอ่านแท้ปลอยใน เมกา จะต้องท่องเว็บสืบค้นข้อมูลจากหลายแหล่งเอามาต่อจิ๊กซอว์

เกี่ยวกับรองผู้การฯ ชื่อ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ “เคยเป็นผกก.สภ.ร้องกวาง จ.แพร่ เคยเป็นนายเวรพล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ทีนิวส์เขาสาวลึกเอาไว้ด้วยว่า พล.ต.อ.ภาณุพงศ์เคยได้รับแต่งตั้งเป็นรองเลขาธิการฝ่ายการเมืองของสำนักนายกฯ ปี ๕๕ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ในสังกัดรองนายกฯ เฉลิม อยู่บำรุง เสียด้วย

ทางด้านสปริงนิวส์ก็ช่วยสาวว่า พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ เคยถูก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง (อดีต) ผบ.ชน. ดึงตัวจากภูธรเข้าไปรับตำแหน่งผู้กำกับการ สส.๒ นครบาล สุดท้ายโยกไปเป็นรอง ผบก.น.๕ เขตนครบาลชั้นใน


พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์คนนี้ถูกนำตัวไปสอบสวนพร้อมกับตำรวจอีกสองนาย ระดับสารวัตรหนึ่งนาย กับระดับนายดาบตำรวจอีกหนึ่งนาย ซึ่งประจำการอยู่กองบังคับการตำรวจภูธรนครปฐม ทั้งสามรับสารภาพว่าร่วมกันขับรถพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปส่งที่อรัญประเทศ

ตอนนี้ยังไม่รู้รูปพรรณรถที่มารับช่วง ดังที่บิ๊กป้อมว่า “เรายังหารถคันนั้นไม่เจอ” จึงเกิดการสันนิษฐานให้นายกฯ ปู กลายเป็นนารีเดินลุย เมื่อ ผบ.ทบ. ทั่นบอกว่าคลองลึกระหว่างไทย-กัมพูชาเป็นเขตแดนธรรมชาติ เดินข้ามได้นั่นละ

ส่วนตำรวจผู้ขับรถไปส่งเธอที่อรัญฯ กำลังโดนตั้งกรรมการสอบหลังจากถูกคำสั่งย้ายเข้าประจำศูนย์ปฏิบัติการนครบาล จากนั้นน่าจะถูกลงโทษทางวินัย ไล่ออก ตัดบำนาญ หรืออะไรทำนองนั้น แต่จะถูกดำเนินคดีอย่างที่วาสนาว่าหรือไม่ ต้องดูไป เพราะในยุค คสช. อะไรๆ ทำได้ แม้กระทั่งเรื่องโอละพ่อ

อย่างน้อยในตอนนี้ ทั่นรอง ผบ.ตร. พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพรหมณกุล บอกไว้แล้วว่าสามตำรวจที่สารภาพ “ยังไม่มีความผิดอาญาในการพาหนี เพราะขณะนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้มีหมายจับติดตัว”


วนเวียนดีไหมล่ะ ครั้นจะบอกตั้งแต่แรกว่า ไปก็ไปเถอะเราชอบ ก็เขินน่ะ

*สำหรับท่านที่ขี้เกียจกดลิ้งค์ไปดูเรื่องอ้างอิง เรื่องรายงานข่าววกวน เชิญอ่านที่นี่

ประเด็นสั้นๆ (อ่านยาว) คั่นเวลา เอาฮาเล็กน้อย เมื่อ สยามรัฐออนไลน์ เขียนข่าว “หิ้วรอง ผบก. พายิ่งลักษณ์หนี สอบเครียด” ให้ต้องตั้งข้อสังเกตุ


๑. รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่ สีเทา ทะเบียน ฌข 5323 กรุงเทพ “ที่มีข้อมูลทางการสืบสวนระบุว่าเป็นรถที่ใช้พาตัว นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี” หนี!

“โดยฝ่ายสืบสวนได้ตามแกะรอยรถต้องสงสัยดังกล่าว กระทั่งมาพบรถจอดใกล้กับบ้านพักแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม”

พื้นที่ซึ่งเจ้าของทะเบียนรถคันดังกล่าวอยู่อาศัยและมีตำแหน่งการงาน ตามข่าวพาดหัวแต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ ละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าไปค้นหาอ่านจากแหล่งอื่นได้

๒. “มีรายงานข่าวว่า รถคันดังกล่าวเป็นรถ ๑ ใน ๒ คัน ที่ถูกนำไปเปลี่ยนรถของนางสาวยิ่งลักษณ์ที่ย่านมีนบุรี ก่อนจะพาหลบหนีไปทางอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ขับออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน”

จึงมาถึงข้อมูลอันสำคัญฟันธงได้เลยว่า “จากนั้นผู้ครอบครองรถคันดังกล่าวได้รับคำสั่งให้นำไปทำลายทิ้ง ก่อนที่ต่อมาผู้ได้รับคำสั่งจะเปลี่ยนใจนำรถคันนี้ไปเก็บรักษาไว้ เพื่อรอนำไปดัดแปลงสภาพและขายต่อ”

ทำให้ต้องใช้ #แหล่งข่าวระดับสูง เพื่อเปิดเผยว่า “ในเร็ววันนี้จะมีการเชิญผู้ที่เป็นเจ้าของรถมาสอบปากคำ”

๓. “เบื้องต้นจะพิจารณาดำเนินคดีฐานปลอม และใช้เอกสารปลอมและหากพบมีการแจ้งหายก็จะดำเนินคดีในความผิดฐานรับของโจรด้วย” อันนี้ต้องย้อนไปตอนต้นของข่าว เขาเขียนไว้ว่า

“การตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าเป็นรถสวมทะเบียน โดยหมายเลขเครื่อง ตัวถัง และทะเบียนรถ ปรากฎชื่อผู้ครอบครองไม่ตรงกัน โดยกรมการขนส่งทางบก แจ้งระงับการใช้งานรถคันดังกล่าว ปี ๒๕๕๕ เนื่องจากขาดส่งไฟแนนซ์”

ซึ่งเชื่อมโยงกับอีกตอนหนึ่งของข่าว “จากนั้นผู้ครอบครองรถคันดังกล่าวได้รับคำสั่งให้นำไปทำลายทิ้ง ก่อนที่ต่อมาผู้ได้รับคำสั่งจะเปลี่ยนใจนำรถคันนี้ไปเก็บรักษาไว้ เพื่อรอนำไปดัดแปลงสภาพและขายต่อ”

๔. รู้ละเอียดเพียงนี้แล้วก็ยังชั่งใจ ไม่สามารถทำอะไรดังที่ฟันธงไว้ได้ เพราะ “การสอบสวนชายดังกล่าวก็สามารถทำได้แค่ในฐานะพยาน เนื่องจากระหว่างการพาหลบหนียังไม่มีการออกหมายจับ จึงไม่เข้าข่ายเป็นการกระทำผิด”

อาจจะเนื่องด้วยข้อสรุปที่ว่า “จากการตรวจสอบรถคันนี้ไม่ใช่รถที่ใช้ในราชการตำรวจแต่อย่างใด ส่วนสติ๊กเกอร์ตั้งข้อสังเกตว่าใครก็สามารถนำไปติดได้

อย่างไรก็ตามสำหรับการสอบปากคำพยาน ๓ คน เบื้องต้นยังไม่ยืนยันว่าเป็นบุคคลในเครื่องแบบหรือไม่ แต่ยอมรับว่ามีความเกี่ยวข้องกับการพานางสาวยิ่งลักษณ์ หลบหนี”

อย่างนี้คงต้องกลับไปตั้งต้นนับหนึ่งใหม่ เสียดาย “พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งทหารและตำรวจ” ช่วยกันตรวจช่วยกันสอบขมีขมัน

สำหรับข่าวชิ้นนี้ ก็เสียใจที่ไม่มีแง่มุมในทางลึกของ ‘Investigative reports’ รายงานเชิงสืบสวนมาให้อ่านกันสักนิด มิฉะนั้นจะไม่เป็นการวกวนอย่างงูกินหางเช่นที่เห็น

ไม่เป็นไร ถือเป็นบทเรียนไว้ใช้คราวหน้าคราวหลัง ไม่ต้องถึงขนาด อิศราที่อื้อฉาว เอาแค่แบบ ไข่แมวที่นำเสนอเรื่องบิ๊กตือไปลันดั้นนั่นปะไร

เขาเล่าเรื่องทั่นรองฯ พี่ใหญ่ไปรับประทานอาหารเช้าสไตล์อิงลิชหรู แล้วเซลฟี่มาให้ดูกันสยิวที่ใบมีดบนโต๊ะ