"ล้างเท้าก่อนดีไหม"
พระพุทธเจ้าทรงเล็งเห็นความสำคัญและประโยชน์ของการพูด จึงมีหลักธรรมคำสอนเกี่ยวกับการพูดไว้มากมาย หนึ่งในคำสอนคือ "สัมมาวาจา" คือการเว้นจากการพูดไม่ดี ประกอบด้วย เว้นจากการพูดเท็จ การพูดส่อเสียด การพูดคำหยาบ และการพูดเพ้อเจ้อ แม้แต่การแสดงธรรมก็เช่นกัน การแสดงธรรมที่ดีจะต้องมีจิตเมตตาปรารถนาดีต่อผู้อื่น ไม่แสดงธรรมกระทบผู้อื่น รวมถึงการไม่ยกตนข่มท่าน เป็นต้น
คำพูดที่ว่า "ผมเดินเชิดหน้าได้เพราะไม่เคยทำผิด" เป็นการพูดยกย่องตัวเองหรือยกตนข่มท่าน ส่วนคำพูดที่ว่า "ใหญ่โตแค่ไหนก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันหมด" เป็นการโอ้อวดตนเองและสั่งสอนผู้อื่น เข้าลักษณะการพูดส่อเสียดและพูดเพ้อเจ้อซึ่งเป็นมิจฉาวาจา ที่นอกจากจะนำมาซึ่งความขัดแย้งแล้วคนที่ได้ฟังยังไม่มีใครนิยมหรือสรรเสริญ ยิ่งหากพิจารณาสถานะของผู้พูดที่ไม่เคยยอมรับการตรวจสอบเพราะออกกฎหมายนิรโทษกรรมตัวเองและพรรคพวกมาตลอด ยิ่งจะเป็นคำพูดที่ไม่มีใครเชื่อถือ เพราะการพูดจาสั่งสอนคนอื่นตัวเองจะต้องทำสิ่งนั้นให้ได้ก่อนดังคำกล่าวที่ว่า "ต้องล้างเท้าก่อนขึ้นธรรมาสน์" หาไม่แล้วอาจจะถูกตำหนิได้ว่าดีแต่พูด หรือพูดยกย่องตัวเอง ซึ่งการยกย่องตัวเองคนไทยเรียกว่า "ยกหาง" หรือ "ยกก้น" อันเป็นกริยาของสุนัขเวลาจะปล่อยอาจมหางจะยกขึ้นเองโดยไม่มีใครต้องไปช่วยยก บางท่านเปรียบเทียบกับกลองดีต้องไม่ดังเอง หากกลองลูกใดไม่ถูกคนตีแต่ดันมีเสียงดังเอง โบราณเรียกกลองอัปรีย์ มีไว้เป็นกาลกิณีแก่บ้านเมืองท่านให้เอาไปทำลายทิ้ง
วัฒนา เมืองสุข
สมาชิกพรรคเพื่อไทย
30 กันยายน 2560
ที่มา FB
Watana Muangsook