วันอังคาร, ตุลาคม 04, 2559

ข่าว 'juicy'... ‘เหลิงระเริง’ + ‘รุ่มร่าม’ กันจนเป็นเรื่อง






ปีน้ำท่วมนี่อะไรที่ไม่คาดหมายก็อาจเกิดได้ง่ายๆ นะ โดยเฉพาะเมื่อ ‘ตอ’ ดันผุดตอนน้ำเพิ่งจะท่วมลึก

นี่พูดถึงปี ๕๙ มุ่งหน้า ๖๐ ซึ่งวาดหวังกันว่าจะเป็นปีทองของ คสช.

จากน้องสะใภ้มายันพี่เอื้อย ‘เหลิงระเริง’ + ‘รุ่มร่าม’ กันจนเป็นเรื่อง ซ้ำช่วยกันแถ แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ เรื่อง ‘juicy’ ซี้ดซ้าดถึงได้โผล่

หนีไม่พ้นวนกลับมาที่รายการอะโลฮ่าฮาวายของบิ๊กตือ พี่เอื้อยแห่ง ‘ทรอยก้า’ มังกรสามหัว คสช. อีกจนได้ ในเมื่อโฆษก กห. ออกมาปกพี่ป้อมเพิ่มเติม







ว่าต้องใช้คนมากร่วมเดินทาง (เลยต้องเหมาเครื่องทั้งลำ) เพราะทางฝ่ายสหรัฐต้องการถกปัญหาหลายอย่าง

“รวมถึงการปรับสมดุลในภูมิภาคต่อการแก้ปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำประมงผิดกฎหมาย ปัญหาการค้ามนุษย์ ปัญหาการบินพลเรือน”

พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ ตอบข้อซักถามเรื่องมีใครบ้างในคณะ ๓๘ คนในคณะของทั่นรองฯ ฝ่ายกลาโหม ว่า “ประกอบไปด้วยผู้แทนจากกองทัพไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนโยบายและแผนกระทรวงกลาโหม ที่ปรึกษารัฐมนตรีกลาโหม เลขานุการรัฐมนตรีกลาโหม และเจ้าหน้าที่ด้านธุรการและแพทย์

รวมถึงสื่อมวลชนด้วย” แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อบุคคลใดเลยได้ เพราะ “ถือเป็นเรื่องของความมั่นคง”

(http://www.matichon.co.th/news/306477)

อันนั้นเป็นการแก้ต่างต่อข้อสังเกตุที่ว่า ที่ประชุมฮอโนลูลูนั้นมีรัฐมนตรีจากประเทศต่างๆ นั่งประชุมร่วมโต๊ะสี่เหลี่ยมรวม ๑๒ คน แต่ละคนนำผู้ช่วยเข้าฟังด้วย ๕-๖ คน จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าคณะของไทยถึง ๓๘ คนนั้น จะแจ้งจริงจังมีใครบ้าง

ผู้ติดตามกว่สามสิบคนนั้นเป็น “เพื่อนร่วมรุ่น เตรียมทหาร ๖” ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ “พาไปเที่ยวฮาวาย” อย่างที่เว็บประชาท้อคกล่าวหาหรือเปล่า

แต่การตอบของทั่นโฆษกฯ ไม่ได้แจ้งข้อเท็จจริงเลยสักนิด ในเมื่อไม่ยอมบอกรายชื่อผู้ร่วมคณะเหล่านั้น รวมทั้งชื่อ “สื่อมวลชน” ที่ว่าร่วมขบวนไปด้วย

ในเมื่อทั่นโฆษกฯ ไม่ยอมบอก ก็มีคนบอกแทนให้ เพจกูต้องได้ ๑๐ ล้านฯ กับ อรรถชัย อนันตเมฆ เล่าตรงกันว่า

“ได้ข่าวว่า มะขามป้อม พาพ่อแม่เมียสาว และตัวเมียสาวผู้ประกาศข่าวตัวเล็กนมโต ช่องเบญจ ไปเที่ยวฮาวายด้วย มีซื้อกระป๋งกระเป๋าหลุยส์ให้เมียสาวตัวเล็กนมโตคนนี้ด้วย







แหม่ ไม่อยากจะเล่า นี่ไงล่ะ เหตุผลที่เปิดเผยรายชื่อคนเดินทางร่วมทริปไม่ได้ ถ้าเปิดเผยก็ชิบหายหมด อายุ ๗๐ มีเมียเด็กติดยศ แถมเลื่อนขั้นเร็วสุดๆ เกินหน้าเพื่อนอย่างประหลาด”

นี่ไง มันกลายเป็นข่าว juicy อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นไปเสียฉิบ แถมช่วงนี้มีคนขุดข่าวเก่าของสำนักอิศราตั้งแต่เกือบสองปีที่แล้ว ‘ไม่เกี่ยวกันเลยสักนิด’ เอามาแชร์กันเฉิ่มเน็ตอีก

เรื่อง “ปีทองของ ‘ชลรัศมี’ ผู้ประกาศข่าวสาว ททบ. ๕ โกยรายได้ลิ่ว ๓๔ ล้าน” (http://www.isranews.org/…/pe…/item/35454-report01_35454.html)

เนื้อความคร่าวๆ เขาพูดถึงผู้ประกาศสาวคนดังของทีวีช่องทหาร เธอมียศร้อยโทหญิง จบนิเทศน์ศาสตร์จากจุฬา แล้วไปได้โทที่อังกฤษ (ม.ลีดส์) ไม่เพียงเป็นผู้ประกาศข่าว เธอยัง ‘ร่างเล็กใจโต’ ทำธุรกิจส่วนตัวคู่ขนานกับงานประจำร่วมกับครอบครัวของเธออีกสองบริษัทด้วย

เจ้าตัวพี่ป้อมเองก็ดันบุ้ยบ้าย อ้างเหมาลำช่วยการบินไทย ใช้จ่ายเงินหน่วยราชการไปช่วยหน่วยงานของรัฐ “เหมือนจากกระเป๋าซ้ายไปกระเป๋าขวา”

บังเอิญมี อจ.เกษตรฯ คนหนึ่งเขาทนฟังไม่ไหว ต้องเขียนท้วงว่าการชี้แจงของบีกตือคลาดเคลื่อนอย่างแรง เพราะ “กระเป๋าซ้ายกระเป๋าขวา” ที่จริง “มันคนละกระเป๋ากัน”

กระเป๋าหนึ่งผู้เสียภาษี อีกกระเป๋าเป็นบริษัทมหาชน คนได้ประโยชน์อยู่ที่คณะอะโลฮ่าฮาวายของทั่นรองฯ คนเสียโอกาศคือเจ้าของเงินภาษี

แล้วอย่างนี้ข้าราชการอื่นๆ ที่โดนลุงตูบสั่งห้ามนั่งเฟิร์สคล้าสจะเอาทฤษฎีกระเป๋าซ้ายขวาไปอ้างบ้างล่ะ จะว่าอย่างไร

ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจบอีท่าไหน ทั้งๆ ที่หัวหน้าใหญ่ประกาศแล้วว่าไม่มีการตั้งกรรมการสอบ ใครข้องใจไปฟ้องกันเองก็เถอะ ในเมื่อลุงตูบเองเมื่อตอนยกทัพนักทูตไปคำนับปูตินก็ยังถลุงงบฯ ไปตั้ง ๑.๗ ล้านแล้วเลย





.....


เรื่องเกี่ยวเนื่อง...

ปีทองของ“ชลรัศมี”ผู้ประกาศข่าวสาว ททบ. 5 โกยรายได้ลิ่ว 34 ล้าน

คุยยกบ้าน!รู้จักผู้ประกาศข่าวสาว TV 5 “ทิพย์-ชลรัศมี งาทวีสุข”ผ่าน 2 บริษัทส่วนตัว“งาทวีสุข-สื่อสายรุ้ง”ผลิตรายการ พีอาร์โกยรายได้ 34 ล้าน คู่สัญญาโฆษณาหน่วยงานรัฐ-บ.ยักษ์แน่นเอี๊ยด






อ่านต่อที่เวปสำนักข่าวอิศรา

.....