วันพุธ, กันยายน 28, 2559

ข้อสังเกตการประมูลงานกองทัพของบริษัทลูกชายพลเอกปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกลาโหม





ข้อสังเกตการประมูลงานกองทัพของบริษัทลูกชายพลเอกปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกลาโหม

1 โครงการที่ประมูลได้หลายโครงการ มูลค่าหลายสิบล้านบาท แต่ราคาที่ประมูลได้ต่ำกว่าราคากลางหลักหมื่น

คำถามคือทำไมบริษัทคู่แข่งจึงไม่สู้ราคาต่อไป ปล่อยให้บริษัทลูกชายปลัดกระทรวงกลาโหมได้งาน

2 บริษัทคู่แข่งที่แพ้การประมูล แพ้จิ๊บจ้อยเพียงพันกว่าบาท

คำถามคือทำไมบริษัทนี้ไม่สู้ราคาต่อไป

3 บริษัทคู่แข่งที่เข้าประมูลเป็นยักษ์ใหญ่ในภาคเหนือทุนจดทะเบียนมาก ประมูลงานกองทัพภาคสามได้ตลอด

คำถามคือทำไมไม่สู้ราคาต่อไป

4. บริษัทลูกปลัดกลาโหมมีทุนจดทะเบียนล้านกว่าบาทแต่รับงานรวมกันได้นับร้อยล้าน. น่าสงสัยสเปคข้อกำหนดการประกวดราคา

คำถามง่ายๆเหล่านี้ใครตอบได้บ้าง

Vanchai Tantivitayapitak

.....


รายงานชิ้นนี้ดีมากครับ ที่ตั้งบริษัทอยู่ในหน่วยงานที่ตนเองไปประมูล งบประมาณโครงการเป็นสิบล้าน สามารถเสนอราคาต่างจากราคากลางหลักหมื่น ต่างจากราคาบริษัทคู่แข่งแค่หลักพัน ถ้าไม่ใช่ “หมอหยอง” กลับชาติมาเกิด ก็ชั่วช้าสามานย์มาก เห็นบก.ข่าวบอกอีก status ว่า ส่งนักข่าวไปสัมภาษณ์บรรดา “คนดี” ที่ทำงานต่อต้านคอร์รัปชัน พอบอกว่าเป็นเรื่องของ “ลูกนายพล” ใบ้แดกหมดเลยครับ เสนอว่าให้ไปสัมภาษณ์ “ราษฎรอาวุโสแอนด์โค” ด้วยครับ


Pipob Udomittipong shared Vanchai Tantivitayapitak's post.

ooo

เปิดข้อมูล “นำพล อินเตอร์เทรด” คู่เทียบ หจก.ลูก พล.อ.ปรีชา





ที่มา PPTV 36
26 ก.ย. 2559

PPTV เคยนำเสนอไปแล้วว่า หจก.คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น ของนายปฐมพล จันทร์โอชา ชนะการประกวดราคา 7 โครงการของกองทัพภาคที่ 3 โดย PPTV ค้นข้อมูลพบ 6 โครงการ ที่แต่ละโครงการมีส่วนต่างระหว่าง “ราคากลาง” กับ “ราคาจัดจ้างก่อสร้าง” หลักหมื่นบาท มีเพียงโครงการเดียว ที่ชนะการประกวดราคา ในราคาที่ต่ำกว่าราคากลางกว่า 6 แสน 5 หมื่นบาท







ตัวละครที่น่าสนใจอีกหนึ่งบริษัท คือ หจก. นำพล อินเตอร์เทรด ซึ่งทีมข่าว ค้นพบข้อมูลที่ยืนยันได้อย่างน้อย 3 โครงการ ว่า เป็นหนึ่งในบริษัท ที่เข้าประกวดราคาแข่งกับ คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น โครงการแรก คือ การก่อสร้างอาคารกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 14 จังหวัดตาก ราคากลาง 25,411,400 ราคาสุดท้ายที่เคาะ คือ 25,355,000 ต่ำกว่าราคากลาง 54,600 บาท แต่ที่สำคัญ คือ โครงการนี้ สำนักข่าวอิศรา เปิดเผยว่า ผู้ที่เคาะราคามาเป็นอันดับที่ 2 คือ หจก.นำพล อินเตอร์เทรด เคาะราคาสุดท้าย มากกว่ากันเพียง 1900 บาท





หจก.นำพลอินเตอร์เทรด ยังเป็นคู่แข่งประกวดราคา หรือที่เรียกว่า คู่เทียบ ในโครงการก่อสร้างโรงทหาร ห้องน้ำ ส้วมทหาร มณฑลทหารบกที่ 36 ค่ายพ่อขุนผาเมือง จ.เพชรบูรณ์ โครงการนี้ ราคากลาง 13,805,900 ซึ่ง คอนเทมโพรารี ชนะการประกวดราคา ด้วยราคาที่ต่ำกว่า ราคากลางเพียง 15,000 บาท โดยมี หจก.ทวีศักดิ์ ก่อสร้าง เป็นคู่แข่งอีก 1 ราย คือ เข้าประกวดราคา 3 ราย จากผู้ที่เข้ารับซอง 46 ราย น่าสนใจว่า การประกวดราคาโครงการ 13 ล้านกว่าบาท มีคู่แข่ง 3 ราย ผู้ชนะได้งานในราคาที่ต่ำกว่าราคากลาง 15,000 บาท แล้วคู่เปรียบเทียบ ต้องเสนอราคาเท่าไหร่ มีส่วนต่าง ระหว่างทั้ง 3 บริษัท กี่บาท





การก่อสร้างอาคาร กรมทหารราบที่ 14 ค่ายวชิรปราการ จ.ตาก ราคากลาง 8,160,100 คอนเทมโพรารี ชนะด้วยราคาที่ต่ำกว่าราคากลางเพียง 15,000 บาท อีกเช่นกัน โครงการนี้ มีผู้เข้ารับซอง 29 ราย แต่เข้าแข่งขัน 3 รายเช่นเดิม มี บ.เอ็นเอส คอนสตรัคชั่น และอีก บริษัท คือ “นำพล อินเตอร์เทรด” เช่นเดียวกัน ดังนั้น กลับไปคำถามเดิม คือ ส่วนต่าง ของผู้ชนะกับอันดับ 2 และ 3 ในราคา ที่ต่ำกว่าราคากลาง 15,000 บาท ในโครงการราคา 8 ล้านกว่าบาท คือ เท่าไหร่

เมื่อเข้าไปค้นข้อมูล ของ หจก.นำพล อินเตอร์เทรด ยังได้รับข้อมูลที่น่าสนใจมากขึ้น เมื่อพบว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด ที่แพ้การประกวดราคา อย่างน้อย 3 โครงการ กับ หจก.คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น ในหลักพันบาททั้ง 3 โครงการนี้ มีประวัติรับงาน กับกองทัพ มากกว่า 100 โครงการ และเฉพาะช่วง 1 ปี ที่ผ่านมา รับงานกองทัพ 50 โครงการ เป็นของกองทัพภาคที่ 3 ถึง 49 โครงการ






ความน่าสนใจของ “นำพล อินเตอร์เทรด” อยู่ตรงนี้ เพราะนี่อาจจะเป็นคู่สัญญา ที่ใหญ่ที่สุดของกองทัพภาคที่ 3 ตามตารางที่เรานำเสนอมาให้ดู ซึ่งไม่นับ โครงการก่อนหน้าปี 2558 อีกมากกว่า 50 โครงการ ลักษณะโครงการ มีตั้งแต่ จัดซื้อเครื่องแต่งกาย รองเท้า เสื้อยืด เครื่องสนาม เครื่องแบบทหาร ไปจนถึงจัดซื้อรถจักรยานยนต์ จัดซื้อเครื่องหาพิกัดด้วยดาวเทียม และปรับปรุงอาคาร ก่อสร้างอาคาร

ที่น่าสนใจ เพราะ นำพล อินเตอร์เทรด ชนะการประกวดราคาของกองทัพภาคที่ 3 นับ 100 โครงการ แต่กลับมาแพ้การประกวดราคา ในโครงการที่มี คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น เป็นคู่แข่ง ในราคาที่ต่างกันเพียงหลักพันบาท

ข้อมูลทั้งหมดนี้ อาจยังบอกไม่ได้เลย ว่า เป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายหรือไม่ เพราะ หจก.คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น ที่มีนายปฐมพล จันทร์โอชา เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เข้ามารับงานแรกในเดือนธันวาคม 2557 หลัง พลเอกปรีชา จันทร์โอชา พ้นจากแม่ทัพภาคที่ 3 ไปเป็น ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกแล้ว จึงอาจไม่เข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนก็ได้

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ประเด็นนี้ เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นผู้นำรัฐบาล ที่มีจุดแข็งเรื่องการปราบปรามการทุจริตมาโดยตลอด ดังนั้น จึงส่งแรงสะเทือนไปถึงพลเอกประยุทธ์โดยตรงอย่างแน่นอน

ยิ่งน่าสนใจว่า หลังผ่านการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ และคำถามพ่วง ให้ ส.ว.ร่วมเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้งได้ ชื่อของพลเอกประยุทธ์ ก็ถูกผลักดันขึ้นมาเป็นทางเลือกหนึ่งทันที ก่อนที่ประเด็นการสร้างฝายของภรรยาพลเอกปรีชา และประเด็นการรับงานในกองทัพภาคที่ 3 ของบุตรชายพลเอกปรีชา จะถูกเปิดเผยออกมา โดยเฉพาะ ข้อมูลแรกๆของ คอนเทมโพรารี ที่ถูกเปิดเผยออกมา เป็นข้อมูลที่ถูกส่งออกมาจาก “วงใน” นั่นเอง

นี่จึงเป็นบททดสอบสำคัญ ที่สามารถคาดการณ์ได้ว่า นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา น่าจะต้องดูท่าที เพื่อยุติการลุกลามของบาดแผลนี้ ออกมาในเร็วๆวัน อย่างแน่นอน