วันพฤหัสบดี, กันยายน 29, 2559

ทำไมยาแพง





คุณรู้หรือไม่ว่า
ประเทศไทยต้องใช้จ่ายงบประมาณไปกับการใช้ยาอย่างไม่สมเหตุผล
สูงถึงกว่า 20,000 ล้านบาทต่อปี
(ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา)
และปัญหาการใช้ยาไม่สมเหตุผลนำไปสู่ปัญหาใหญ่ระดับโลกในปัจจุบัน
นั่นคือปัญหาการดื้อยา โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ
ทำให้โรคธรรมดาๆ ที่ยาชนิดหนึ่งเคยใช้รักษาได้ผลกลับไม่ได้ผล
และต้องไปเปลี่ยนไปใช้ยาที่ประสิทธิภาพแรงขึ้น
นั่นหมายถึงความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน

ต่อไปนี้คือข่าวที่เกี่ยวกับสารคดีชุดหนึ่งของ BBC ในประเทศอังกฤษ
ที่นำเสนอเรื่องราวความพยายามให้คนไข้เลิกใช้ยาเกินความจำเป็น

“หมอผู้เลิกจ่ายยา”
สารคดีกระชากม่านบังตาเรื่องการกินยาเกินความจำเป็น

เขียนโดยไมเคิล โอแกน (Michael Hogan)
15 กันยายน 2559

แปลจาก http://www.telegraph.co.uk/tv/2016/09/15/the-doctor-who-gave-up-drugs-was-an-eye-opening-insight-into-our/

“เชิญรับยาของคุณได้ครับ! เราขายยาพร้อมรับรองผลข้างเคียง! เลือดออกในกระเพราะอาหารครับ รับรองว่ายาพวกนี้กัดเยื่อบุกระเพราะคุณทะลุและฆ่าคุณได้” ฉากตั้งร้านขายยาจำลองที่ชื่อร้านขายยาจริงใจขึ้น เป็นจุดเริ่มต้นของสารคดี “หมอผู้เลิกจ่ายยา” (The Doctor Who Gave Up Drugs) ที่ฉายที่ช่อง BBC One เป็นสารคดีที่ผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์และการทดลองทางสังคม ที่ให้ทั้งข้อมูลที่ช่วยเปิดเผยความจริงไปพร้อมกับให้ความบันเทิงที่ผู้ชมต้องประหลาดใจ

นายแพทย์รูปหล่อ คริส แวน โทเลเก็น (Dr. Chris van Tullenken) ที่ครั้งนี้ไม่ได้มากับคู่หูฝาแฝดของเขา หมอแซนเดอร์ (Xander) เริ่มต้นสารคดีโดยตีแสกหน้าผู้ชมด้วยข้อมูลสถิติที่น่าสะพรึงกล้วเป็นกุรุส แพทย์ทั่วไปในสหราชอาณาจักรฯ สั่งจ่ายยากว่าพันล้านเม็ดให้คนไข้ในแต่ละปี หมายความว่า โดยเฉลี่ยแล้ว คนเมืองผู้ดีกินยาถึงหนึ่งแสนเม็ดในชีวิตของพวกเขา มันคือเรื่องที่น่าตกตะลึงใกล้ตัว แต่เรากลับไม่เคยกลัวมันเลยและทำเหมือนกับมันเป็นเรื่องธรรมดาๆ

ในขณะที่ยาจำนวนมากดีและช่วยชีวิตคนได้โดยไม่ต้องสงสัยแต่ยาพวกนั้นก็เป็นอันตรายด้วยเช่นกัน เป็นสาเหตุของผลข้างเคียงที่รุนแรงและถึงขนาดทำให้คนเสียชีวิตได้หลายพันคนในแต่ละปี ด้วยความพยายามด้วยตัวคนเดียวที่จะแก้ไขวิกฤตการใช้ยาเกินความจำเป็น นพ. แวน โทเลเก็นเปิดร้านขึ้นในคลินิคในเมืองเอสเซ็กส์ เพื่อสืบดูว่าผู้ป่วยจำเป็นต้องกินยาซ้ำๆ แบบเดิมจริงหรือไม่ แอบไปสอดส่องเวลาที่แพทย์ทั่วไปคุยกับคนไข้

เขาจะเกลี้ยกล่อมให้ซาร่า คุณแม่วัยสาว เลิกกินยาแก้ซึมเศร้าที่ติดมาแปดปีได้ไหม โดยให้เธอว่ายน้ำในทะเลสาบที่เย็นจัด ใช่เขาอาจทำได้ เขาจะจัดการกับเวนดี้ที่ต้องมียาแก้ปวดเต็มตู้ย้าที่บ้านไว้ตลอดเวลาเพื่อแก้ปัญหาปวดไหล่เรื้อรังมา 20 ปีได้หรือไม่ โดยแอบเปลี่ยนให้กินยาทำเลียนแบบให้เหมือนยาที่กินประจำแทน (แต่ไม่มีฤทธิ์ทางยา) พร้อมกับเชียร์ในออกกำลังกายเป็นประจำ

หลายๆ กรณีแยบยลไปกว่านั้น เมื่อเขาต้องจัดการกับคนไข้ที่เชื่อว่ากินยามากๆ แล้วดี ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาดื้อยาปฏิชีวนะตามมก ผู้ป่วยส่วนมากที่ขอให้หมอสั่งยาปฏิชีวนะให้มักจะเป็นแบบนี้ คุณหมอแวน โทเลเก็นไม่รอช้ารีบลงมือจัดการ สุดท้ายแล้ว เขาพบวิธีแก้ปัญหาโดยใช้การทดสอบให้แยกแยะระหว่างการติดเชื้อจากไวรัสและแบ็คทีเรีย หมอขี้สงสัยคนนี้จะจัดการเรื่องนี้ได้ไหม

สารคดีชุดนี้เสนอข้อเท็จจริงที่น่าตื่นตะลึง คนงานที่ทำงานหนักจนเกินไปถูกหลอกล่อให้ไปนั่งประชุมเพื่อแลกกับแซนวิชส์ฟรี ผู้ป่วยที่อ่อนล้าไม่ต้องการอะไรมากไปกว่ารู้สึกอาการดีขึ้น สารคดีนี้นำเสนอโดยใช้การสร้างสถานการณ์ในแบบเรียลิตี้โชว์และจงใจนำเสนอข้อมูลที่โดนใจผู้ชม ผมต้องพลาดสารคดีตอนจบในวันพฤหัสฯ หน้าไม่ได้แน่ๆ

ชมสารคดีย้อนหลังได้ที่ http://www.bbc.co.uk/programmes/p047z0k9
ภาพประกอบจาก BBC

ที่มา FB


ทำไมยาแพง