วันศุกร์, กรกฎาคม 10, 2558

เตรียมปูเสื่อรอเลยยย ซีรี่...หมัดต่อหมัด.... คำตอบต่อคำถามของ ดร.เขียน ธีระวิทย์ นักวิชาการ (หลงยุค) ที่นิยมการรัฐประหาร.....(ตอนที่ ๑ : ตีแสกหน้า)




ที่มา FB แนวร่วมขบวนการเสรีไทยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ

หมัดต่อหมัด....
คำตอบต่อคำถามของ ดร.เขียน ธีระวิทย์ นักวิชาการ (หลงยุค) ที่นิยมการรัฐประหาร.....(ตอนที่ ๑)

โดย….นักวิชาการที่ต้องจากบ้านมาอยู่ในต่างแดน...

" ชีวิตที่ขาดซึ่งเสรีภาพ ก็เหมือนชีวิตที่มีลมหายใจเพื่อรอวันตาย "

คำกล่าวนี้ นักปรัชญาและนักวิชาการทั้งหลายล้วนเข้าใจและระลึกถึงคำกล่าวนี้ที่ได้กลายมาเป็นปรัชญาของมนุษย์ และเป็นหลักการอยู่เหนือคำอธิบายต่างๆ รวมถึงเหนือแม้คำตื้นเขินของนักวิชาการสายรัฐศาสตร์บางท่านที่มักยึดติดกับคำว่าระบอบการเมืองหรือระบอบการปกครองแบบอำนาจนิยม เสียด้วยซำ้ไป

ต่อคำถามของดร.เขียน ธีระวิทย์ ศาสตราจารย์กิตติคุณ คณะรัฐศาสตร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับลงวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ ขออนุญาตตอบและ ขอตั้งคำถามกลับไปด้วยดังนี้

คำถามของดร.เขียน ธีระวิทย์
๑. พวกท่านต้องการอะไร ต้องการประชาธิปไตยจอมปลอมที่มีมาก่อนถูกรัฐประหารใช่หรือไม่? ต้องการทำประเทศให้ปั่นป่วนถึงจุดที่จะมีสงครามกลางเมืองอีกใช่หรือไม่ ?

คำตอบ...ไม่ใช่ เพราะไม่มีข้อความใดๆที่บ่งบอกถึงว่า พวกเขาต้องการเช่นนั้น แต่จากคำแถลงการณ์อย่างเป็นทางการของพวกเขา ก็สามารถบ่งบอกถึงสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ ในคำแถลงการณ์ของพวกเขาล้วนมีความชัดเจนอยู่แล้ว

ดังจะเห็นได้จากคำประกาศ 24 มิถุนา 2558 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ โดยมีเป้าหมายร่วมกันที่ หลักกำปั้น 5 ประการ อันเป็นธงหลักที่จะนำสังคมไทยไปสู่ “การปฏิรูปที่แท้จริง” ประกอบด้วยหลักประชาธิปไตย หลักความยุติธรรม หลักการมีส่วนร่วมของประชาชน หลักสิทธิมนุษยชนและสิทธิชุมชน หลักสันติวิธี ซึ่งการที่พวกเขาร่วมกันชูหลักกำปั้น 5 ประการเพื่อเรียกร้องการปฏิรูปที่แท้จริง ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายเป็นเจ้าของประเทศอย่างเท่าเทียมกัน....

แต่ที่น่าแปลกว่า ศาสตราจารย์กิตติคุณแห่งคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่เข้าใจในสิ่งที่ชัดเจนแบบนี้ได้อย่างไร หรือเป็นเพราะเสื้อคลุมทางวิชาการของคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ที่มีที่มาจากโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ต้องปกป้องเป้าหมายในการก่อตั้งสถาบันของตน(โรงเรียนมหาดเล็กหลวง ) จึงแสร้งไม่เข้าใจในประเด็นเป้าหมายของนักศึกษาในขบวนการประชาธิปไตยใหม่ และก็จะมีคำถามฝากในประเด็นนี้กลับไปยังอาจารย์เขียน ธีระวิทย์ไปในตอนท้ายด้วยเช่นกัน

คำถามของดร.เขียน ธีระวิทย์
๒. พวกท่านต้องการเป็น “ฮีโร่” โดยการเลียนแบบกรณี “ ๑๔ ตุลา” ใช่หรือไม่? รัฐบาลประยุทธ์ มีอะไรที่เหมือนกับรัฐบาลถนอม-ประภาสบ้าง? มีเรื่องฉาวโฉ่ เช่นเดียวกับเรื่อง“ทุ่งใหญ่นเรศวร” หรือเปล่า?

คำตอบ.....ไม่ใช่แน่นอน ถ้าอาจารย์อ่านข่าวสารจากฝ่ายคณาจารย์ที่สนับสนุนกลุ่มนักศึกษา แห่งขบวนการประชาธิปไตยใหม่ เช่นจากคำให้สัมภาษณ์ของ อ.ประจักษ์ ก้องกีรติ จะเห็น กลุ่มนักศึกษาล้วนเข้าใจดีว่าการเปลี่ยนแปลงใหญ่ คงยังมาไม่ถึง แต่การต่อต้านเผด็จการก็เป็นหน้าที่ของพลเมืองทุกคน

ประเด็นเรื่องฉาวโฉ่ของรัฐบาลประยุทธ์นั้น เท่าที่มีข่าวออกมาตามสื่อต่างๆ(ในภาวะปืนจ่อหัวแบบนี้) มีมากมายไม่ว่าจะเป็น กรณี เอาเงินหลวงโอนเข้าบัญชีเมียของน้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ เป็นจำนวนหลายสิบล้านบาท, กรณี ไมค์ทองคำ, กรณีเฟอร์นิเจอร์เลี่ยมทองของอาคารสำนักงาน กอ.รมน., กรณีไม่จัดการการทุจริตใดๆในทุกกรณีของกองทัพ, กรณีการแต่งตั้ง ญาติ พี่น้อง พรรคพวกมารับตำแหน่งที่ปรึกษาของ สมาชิก สนช.(คนใกล้ชิดของคสช.ทั้งสิ้น), การใช้เบี้ยประชุมและขึ้นเบี้ยประชุมในคณะกรรมการต่างๆ และคณะกรรมาธิการต่างๆ มากมาย(โดยเฉพาะ สปช.และคณะกรรมาธิการยกร่าง รธน.เบิกเบี้ยประชุมกันแบบทำลายประวัติศาสตร์การร่างรัฐธรรมนูญของประเทศนี้)....

น่าแปลกใจว่า ประดาข่าวสารความฉาวโฉ่ที่หลุดลอดออกมามากมายขนาดนี้ ทำไม ราชบัณฑิตอย่าง ดร.เขียน ธีระวิทย์ ถึงยังไม่รู้เรื่อง จึงแสร้งถามว่า มีเรื่องฉาวโฉ่ หรือไม่?

คำถามของดร.เขียน ธีระวิทย์
๓. การโค่นล้มรัฐบาลถนอม-ประภาส เปรียบเทียบกับการโค่นล้มรัฐบาลประยุทธ์ ถ้าทำสำเร็จ ผลจะแตกต่างกันอย่างไร? อำนาจจะเปลี่ยนมือไปให้ใคร? หลายคนที่เข้าร่วม “ขบวนการประชาธิปไตยใหม่” รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าใครจะกลับมาแพร่พันธุ์ลัทธิประชาธิปไตยจอมปลอมใช่หรือไม่?

คำตอบ....ผลจะต่างกันอย่างไรนั้น ประเด็นอยู่ที่ว่า ขบวนการของประชาชนจะตื่นตัวและเติบใหญ่ได้เพียงพอและทันหรือไม่ ?

แต่การไล่จับหนูตัวเดียวโดยการเผาบ้านตนเองนั้นไม่ถูกต้องเยี่ยงไร การที่กลัวคนๆเดียว(ที่คาดว่าจะกลับมามีอำนาจ) ก็เลยเอาปืนออกมาแล้วปิดประเทศเสียเลย ก็ไม่ถูกต้องฉันนั้น....

น่าแปลกใจอีกเช่นที่ ราชบัณฑิตไทยเช่นอาจารย์ ไม่กลัวคนที่ใช้ปืนปิดประเทศ แล้วมาบังคับทุกคนให้ทำตาม แต่กลัวการที่ประชาชนทั้งประเทศจะตัดสินใจเลือกให้คนที่เขาศรัทธามาอีกอำนาจปกครองประเทศ ตรรกะและวิธีคิดแบบนี้ จะใช้อะไรมาอธิบาย?

( จบคำตอบ ในตอนที่ ๑ )

คำถามถึง ดร.เขียน ธีระวิทย์

๑. ในฐานะศาสตราจารย์กิตติคุณ ทางรัฐศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์ อาจารย์ไม่ทราบจริงๆหรือว่า คำว่าสงครามกลางเมืองที่อาจารย์พูดถึงนะ ใครอยู่เบื้องหลังการก่อตัว การปลุกปั้นให้มีการต่อต้านระบอบประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง ใครเป็นคนอยุ่เบื้องหลังการล้มล้างการปกครองแบบประชาธิปไตยที่ประชาชนเลือกตัวแทนเข้ามา ?

และจากคำกล่าวของอาจารย์ในบางประเด็น ซึ่งก็เป็นความจริงที่ว่า "คนไทยทุกคน ไม่ว่าจะมีฐานะและอาชีพใด มีชะตากรรมร่วมกัน แต่เรามีความต้องการและทัศนคติทางการเมืองต่างกันมากบ้างน้อยบ้าง ไม่มีรัฐบาลใดสามารถทำให้คนทุกคนพอใจในทุกสิ่งทุกอย่างได้ " แต่การบังคับกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยขาดความยุติธรรมนั้น(ในช่วงหลัง รปห.๕๗ เห็นความชัดเจนนี้มากจนไม่ต้องอธิบาย) อาจารย์ไม่ทราบจริงๆหรือว่าแล้วผลจะเป็นอย่างไร?

๒. ในฐานะ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ทางรัฐศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์ ไม่ทราบจริงๆในประเด็นเรื่องฉาวโฉ่ ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะไม่รู้หรือที่จะไม่เคยรับรู้เรื่องฉาวโฉ่ของคสช.และพวกพ้อง (ในท่ามกลางระบอบปืนจ่อหัวประชาชน)ว่ามีมากมายขนาดนี้ ชาวบ้านในตลาดสดเขายังรู้เลย ?

ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วการที่อาจารย์ออกมาบิดเบือน แฉไฉเช่นนี้ ประหนึ่งดูเหมือนว่า พยายามฟอกตัวให้เผด็จการ คสช. ด้วยการเอาเกียรติภูมิและศักศรีทางวิชาการของตนมารับรองการรัฐประหารโดยการเขียนบทความครั้งนี้ อาจารย์ต้องการอะไรตอบแทนกลับจาก เผด็จการ คสช.ในการกระทำเช่นนี้หรือไม่? อย่างไร ?

๓. ในฐานะ ศาสตราจารย์กิตติคุณทางรัฐศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาจารย์จะให้นิยามอย่างไรกับคำที่่ว่า " ลัทธิประชาธิปไตยจอมปลอม " แล้วอาจารย์ใช้ ตรรกะหรือวิธีวิทยาอะไร มาพิสูจน์ความคิดที่ว่า "การรัฐประหาร หรือ เผด็จการ คสช.ในครั้งนี้ จะนำ วิถีประชาธิปไตยมาสู่ประเทศไทยได้อย่างแท้จริง อะไรเป็นเงื่อนไขที่จะนำมาซึ่งความแตกต่างจาก การรัฐประหารทุกๆครั้งที่ผ่านมาของประเทศนี้ที่ไม่เคยนำประชาธิปไตยที่แท้จริงมาสู่ประเทศนี้ได้เลย ?

และในเชิงทฤษฎีการปกครองแบบไหนในโลกที่เชื่อว่า การรัฐประหารจะนำมาซึ่งประชาธิปไตย ได้ดีกว่า การปกครองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ?

……...ยังไม่จบ.........

เพียงแค่อยากบอกว่า ตอนที่ ๑ (ตีแสกหน้า แบบไม่อ้อมค้อม) และตอนต่อไป คือตอนที่ ๒ (ถลกหนัง) และตอนที่ ๓ (เลาะกระดูก) รออ่านกันต่อไป....

เรื่องเกี่ยวข้อง...


คำถามจาก ศ.กิตติคุณ รัฐศาสตร์ จุฬาฯ ถึง 14 นศ.และนักเคลื่อนไหวที่อ้างประชาธิปไตย

เวรกรรมประเทศไทย! เจอคนประเภทนี้...แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน...