รัฐบาลเป็ดง่อยยกกำลังสาม
สมชาย ปรีชาศิลปกุล
17 Dec 2024
101 World
ไม่ว่าจะเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจดีเพียงใดก็ตาม แต่รัฐบาลที่นำโดยคุณแพทองธาร ชินวัตรจะไม่สามารถผลักดันนโยบายในลักษณะที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในสังคมไทยได้ เนื่องจากรัฐบาลชุดปัจจุบันอยู่ภายใต้เงื่อนที่ทำให้เกิดสภาวะเป็ดง่อยในสามประการสำคัญ กล่าวคือ
ประการที่หนึ่ง อำนาจขององค์กรอิสระที่มีอยู่อย่างเด็ดขาด
ภายใต้โครงสร้างของรัฐธรรมนูญ 2560 องค์กรอิสระมีอำนาจอย่างกว้างขวางในการกำกับและควบคุมการทำงานของสถาบันการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของรัฐสภาหรือรัฐบาลที่มีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับชนชั้นนำจารีตอย่างเบาบาง
ภายหลังการเลือกตั้ง 2562 และ 2566 สังคมไทยได้เห็นปฏิบัติการขององค์กรอิสระที่ได้เซาะกร่อนบ่อนทำลายนักการเมือง-พรรคการเมืองที่ได้รับความนิยมจากประชาชนเป็นจำนวนมาก เพื่อขัดขวางไม่ให้พรรคการเมืองนี้สามารถเข้าไปทำหน้าที่ในฐานะรัฐบาล การยุบพรรคการเมืองและการตัดสิทธิทางการเมืองกลายเป็นกลไกสำคัญจากปฏิบัติการขององค์กรอิสระในการทำให้พรรคการเมืองต้องเผชิญกับอุปสรรคและตกอยู่ในสภาพอ่อนแอลง
ปฏิบัติการเช่นนี้ก็หมายความรวมไปถึงพรรคเพื่อไทยที่ทำหน้าที่ในฐานะรัฐบาลด้วย การวินิจฉัยให้นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งไปก็เป็นการแสดงพลานุภาพอันประจักษ์ชัดของศาลรัฐธรรมนูญเหนือรัฐบาล อันถือเป็นคำเตือนที่ดียิ่งว่ารัฐบาลต้องระมัดระวังในการดำเนินนโยบายของตนไม่ให้ไปเหยียบตาปลาและศักดิ์ศรีของเครือข่ายชนชั้นนำ
ประการที่สอง พรรคร่วมรัฐบาลที่มาจากต่างขั้วต่างอุดมการณ์
รัฐบาลชุดนี้จัดตั้งขึ้นด้วยพรรคการเมืองที่เคยมีอุดมการณ์แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว บางพรรคก็ประกอบไปด้วยบุคคลที่เป็นคู่อาฆาตทางการเมืองอย่างลึกซึ้ง หลายคนที่นั่งมองหน้ากันอยู่ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนั้นครั้งหนึ่งเป็นคนที่ร่วมขบวนการโค่นล้มพรรคไทยรักไทย (และพรรคพลังประชาชน) รวมไปถึงการล้มการเลือกตั้งและการเป็นผู้สนับสนุนคณะรัฐประหารมาอย่างต่อเนื่อง
ทัศนคติและภูมิหลังในลักษณะเช่นนี้ย่อมยากที่จะทำให้การผลักดันแนวนโยบายของรัฐบาลจะสามารถเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะนโยบายที่อาจส่งผลกระทบต่ออุดมการณ์ที่พรรคการเมืองหรือนักการเมืองคนอื่นยึดถืออย่างเหนียวแน่นในการนิยามจุดยืนและบทบาทของตนเอง
ประกอบกับการที่พรรคการเมืองบางพรรคสามารถมองเห็นช่องทางและจัดตั้งคนของตนให้เข้าไปอยู่ในวุฒิสภาได้ ก็ยิ่งเพิ่มอำนาจต่อรองในทางการเมืองให้มีน้ำหนักมากขึ้น พรรคการเมืองที่ยึดโยงกับบ้านใหญ่ในพื้นที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสนใจต่อเสียงของประชาชนทั่วไป การจะเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม การเสนอให้มีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือการพยายามปรับโครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ ทั้งหมดนี้จะเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนหากพรรคการเมืองนี้ไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่ถูกผลักดันขึ้นมา
นโยบายของพรรคเพื่อไทยจึงจะไม่สามารถเป็นมรรคเป็นผลอะไรขึ้นมาแม้แต่น้อย ยิ่งนโยบายที่ส่งผลกระทบต่อชนชั้นนำที่ยืนอยู่กับพรรคการเมืองเหล่านั้นในห้วงเวลานี้ก็ยิ่งยากที่จะแปรสภาพมาสู่ความสำเร็จ
ประการที่สาม ทักษะและความจัดเจนของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร
คุณแพทองธารไม่ใช่นักธุรกิจที่มากประสบการณ์ ไม่ใช่นักการเมืองที่คร่ำหวอด ไม่ใช่แอ็กทิวิสต์ผู้เปี่ยมความรู้ ใครๆ ต่างก็เชื่อกันว่าเหตุที่เธอสามารถก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้นั้นมาจากปัจจัยทางด้านครอบครัวเป็นสำคัญ
จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจว่าในการเผชิญหน้าและรับมือกับปัญหาทางการเมืองที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง จะพบว่าท่าทีของนายกรัฐมนตรีกลับสร้างปัญหาให้ขยายเพิ่มมากขึ้น แทนที่จะทำให้สาธารณชนเกิดความเข้าใจหรือเกิดความมั่นใจในการบริหารงานภายใต้การนำของเธอ
กรณีปัญหาน้ำท่วมอย่างรุนแรงทั้งในพื้นที่ภาคเหนือ พื้นที่ภาคใต้ การพยายามตอบคำถามด้วยตรรกะแบบผิดฝาผิดตัว หรือความไม่เท่าทันกับสถานการณ์ในหลากหลายประเด็น ไม่ว่ากรณีว้าแดงในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ ปัญหาเรือประมงในทะเลอันดามัน กลับกลายเป็นว่าหน่วยงานรัฐแต่ละหน่วยมาอธิบายกันไปในคนละทิศละทาง ทั้งที่ในกรณีเหล่านี้ควรมีการตอบคำถามอย่างชัดเจนจากหน่วยงานที่รับผิดชอบในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน
ไม่ต้องนับรวมถึงการตอบคำถามด้วยข้อมูลพื้นฐานที่ผิดพลาดซึ่งเกิดขึ้นหลายครั้งจนทำให้ผู้ฟังหลายคนอาจรู้สึกระอาใจ เดือดร้อนไปถึงบรรดานายแบกนางแบกทั้งหลายที่ต้องออกแรงมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ปัญหาที่ควรจะโยนให้คุณแพทองธารต้องรับผิดแต่เพียงผู้เดียว เพราะมันเป็นผลสืบเนื่องจากระบบพรรคที่อ่อนแอซึ่งไม่อาจสลัดหลุดพ้นจากบุคคลมากบารมี อันส่งผลให้พรรคเพื่อไทยไม่ได้มีสถานะเป็นพรรคการเมืองอย่างที่ควรจะเป็น อันสามารถคัดกรองบุคคลมาเป็นผู้นำพรรคจากเรื่องความสามารถหรือการทำงานมาอย่างต่อเนื่อง หากต้องเลือกเอาบางคนมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีทั้งที่ก็เห็นกันว่ามีปัญหาทั้งด้านทักษะและความจัดเจนทางการเมือง
ด้วยลักษณะเป็ดง่อยยกกำลังสามจะทำให้รัฐบาลชุดปัจจุบันไม่สามารถผลักดันนโยบายที่มีผลต่อการปรับเปลี่ยนเชิงโครงสร้างและกระทบต่อกลุ่มคนที่ได้ประโยชน์จากระบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ปัญหาการกระจุกตัวของความมั่งคั่งในมือของมหาเศรษฐีซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการผูกขาดในตลาด หากต้องการจะทลายระบบเศรษฐกิจที่ผูกขาดอยู่ในมือกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การค้าปลีก ธุรกิจการเกษตร ธุรกิจด้านพลังงาน ฯลฯ ก็ต้องมีนโยบายที่เข้มงวดต่อการผูกขาดตลาด แต่มันจะบังเกิดขึ้นได้อย่างไรในเมื่อพวกเขาล้วนเป็นกลุ่มทุนที่ยืนอยู่ข้างหลังพรรคการเมืองเกือบทุกพรรคที่เข้าร่วมอยู่ในรัฐบาล
หรือต่อให้เป็นนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 การยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร ฯลฯ ประเด็นต่างๆ เหล่านี้มีความสำคัญซึ่งล้วนแต่ส่งผลอย่างมากต่ออำนาจและประโยชน์ของเครือข่ายชนชั้นนำ เพียงการยกเลิกระบบเกณฑ์ทหารก็หลีกไม่พ้นที่จะส่งผลต่อเครือข่ายของกลุ่มที่ทำมาหากินกับระบบดังกล่าวมาอย่างยาวนาน ทั้งงบประมาณเงินเดือน อาวุธยุทโธปกรณ์ ค่าชุดเครื่องแบบ เบี้ยเลี้ยง ค่าอาหาร แรงงานฟรีของนายพลระดับสูง ฯลฯ
หากต้องการจะผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นจริง จำเป็นต้องอาศัยพลังอย่างมหาศาลทั้งการสนับสนุนจากภายในรัฐสภาและทางสาธารณะ
เมื่อไม่อาจผลักดันนโยบายเชิงปฏิรูป นโยบายที่รัฐบาลจะสามารถกระทำได้ก็จะเป็นเพียงประชานิยมแบบหน่อมแน้ม ด้วยการใช้งบประมาณอันมีอยู่อย่างจำกัดแจกจ่ายให้กับประชาชนในมิติต่างๆ อย่างเบี้ยคนจน เบี้ยคนพิการ เงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาชาวไร่ ดิจิทัลวอลเล็ต (ที่อาจเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตาแต่ก็คือการแจกเงินเช่นเดิม) การลดค่าไฟฟ้า หรือการอุดหนุนระบบรถไฟฟ้าเพื่อให้ได้ราคา 20 บาท เป็นต้น อีกด้านก็จะเป็นการผลักดันนโยบายที่ไม่แตะต้องโครงสร้างทางอำนาจและผลประโยชน์ที่เป็นอยู่ ดังการพยายามระดมการลงทุนจากภายนอกหรือการส่งเสริมการท่องเที่ยวก็คือตัวอย่างเรื่องที่รัฐบาลพอจะทำได้
ด้วยเงื่อนไขและสภาพแวดล้อมดังที่ได้กล่าวมา จึงเป็นที่ชัดเจนว่ารัฐบาลภายใต้การนำของคุณแพทองธาร จะไม่สามารถผลักดันนโยบายอันมีความหมายต่อผู้คนในสังคมให้เกิดขึ้นได้อย่างจริงจัง
อาจจะมีการตั้งคำถามต่ออนาคตของรัฐบาลชุดนี้ว่าจะดำเนินไปอีกยาวนานเท่าใด แต่คำถามที่อาจต้องขบคิดกันต่อไปเช่นกันก็คือ หากมีการจัดตั้งรัฐบาลที่มีที่มาจากพรรคการเมืองซึ่งแตกต่างไปจากที่เป็นอยู่ รัฐบาลเช่นนี้จะปฏิรูปสังคมไทยให้เดินไปข้างหน้าได้หรือไม่ หรืออะไรเป็นเงื่อนปัจจัยสำคัญในลำดับแรกๆ ที่จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้สถาบันที่มาจากการเลือกตั้งสามารถตอบสนองต่อเจตจำนงของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่ารัฐบาลเป็ดง่อยยกกำลังสามที่ผู้คนในสังคมไทยกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันนี้
https://www.the101.world/lame-duck-government/
.....
Thanapol Eawsakul
ไม่ว่าจะเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจดีเพียงใดก็ตาม แต่รัฐบาลที่นำโดยคุณแพทองธาร ชินวัตรจะไม่สามารถผลักดันนโยบายในลักษณะที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในสังคมไทยได้ เนื่องจากรัฐบาลชุดปัจจุบันอยู่ภายใต้เงื่อนที่ทำให้เกิดสภาวะเป็ดง่อยในสามประการสำคัญ กล่าวคือ
ประการที่หนึ่ง อำนาจขององค์กรอิสระที่มีอยู่อย่างเด็ดขาด
ภายใต้โครงสร้างของรัฐธรรมนูญ 2560 องค์กรอิสระมีอำนาจอย่างกว้างขวางในการกำกับและควบคุมการทำงานของสถาบันการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของรัฐสภาหรือรัฐบาลที่มีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับชนชั้นนำจารีตอย่างเบาบาง
ภายหลังการเลือกตั้ง 2562 และ 2566 สังคมไทยได้เห็นปฏิบัติการขององค์กรอิสระที่ได้เซาะกร่อนบ่อนทำลายนักการเมือง-พรรคการเมืองที่ได้รับความนิยมจากประชาชนเป็นจำนวนมาก เพื่อขัดขวางไม่ให้พรรคการเมืองนี้สามารถเข้าไปทำหน้าที่ในฐานะรัฐบาล การยุบพรรคการเมืองและการตัดสิทธิทางการเมืองกลายเป็นกลไกสำคัญจากปฏิบัติการขององค์กรอิสระในการทำให้พรรคการเมืองต้องเผชิญกับอุปสรรคและตกอยู่ในสภาพอ่อนแอลง
ปฏิบัติการเช่นนี้ก็หมายความรวมไปถึงพรรคเพื่อไทยที่ทำหน้าที่ในฐานะรัฐบาลด้วย การวินิจฉัยให้นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งไปก็เป็นการแสดงพลานุภาพอันประจักษ์ชัดของศาลรัฐธรรมนูญเหนือรัฐบาล อันถือเป็นคำเตือนที่ดียิ่งว่ารัฐบาลต้องระมัดระวังในการดำเนินนโยบายของตนไม่ให้ไปเหยียบตาปลาและศักดิ์ศรีของเครือข่ายชนชั้นนำ
ประการที่สอง พรรคร่วมรัฐบาลที่มาจากต่างขั้วต่างอุดมการณ์
รัฐบาลชุดนี้จัดตั้งขึ้นด้วยพรรคการเมืองที่เคยมีอุดมการณ์แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว บางพรรคก็ประกอบไปด้วยบุคคลที่เป็นคู่อาฆาตทางการเมืองอย่างลึกซึ้ง หลายคนที่นั่งมองหน้ากันอยู่ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนั้นครั้งหนึ่งเป็นคนที่ร่วมขบวนการโค่นล้มพรรคไทยรักไทย (และพรรคพลังประชาชน) รวมไปถึงการล้มการเลือกตั้งและการเป็นผู้สนับสนุนคณะรัฐประหารมาอย่างต่อเนื่อง
ทัศนคติและภูมิหลังในลักษณะเช่นนี้ย่อมยากที่จะทำให้การผลักดันแนวนโยบายของรัฐบาลจะสามารถเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะนโยบายที่อาจส่งผลกระทบต่ออุดมการณ์ที่พรรคการเมืองหรือนักการเมืองคนอื่นยึดถืออย่างเหนียวแน่นในการนิยามจุดยืนและบทบาทของตนเอง
ประกอบกับการที่พรรคการเมืองบางพรรคสามารถมองเห็นช่องทางและจัดตั้งคนของตนให้เข้าไปอยู่ในวุฒิสภาได้ ก็ยิ่งเพิ่มอำนาจต่อรองในทางการเมืองให้มีน้ำหนักมากขึ้น พรรคการเมืองที่ยึดโยงกับบ้านใหญ่ในพื้นที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสนใจต่อเสียงของประชาชนทั่วไป การจะเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม การเสนอให้มีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือการพยายามปรับโครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ ทั้งหมดนี้จะเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนหากพรรคการเมืองนี้ไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่ถูกผลักดันขึ้นมา
นโยบายของพรรคเพื่อไทยจึงจะไม่สามารถเป็นมรรคเป็นผลอะไรขึ้นมาแม้แต่น้อย ยิ่งนโยบายที่ส่งผลกระทบต่อชนชั้นนำที่ยืนอยู่กับพรรคการเมืองเหล่านั้นในห้วงเวลานี้ก็ยิ่งยากที่จะแปรสภาพมาสู่ความสำเร็จ
ประการที่สาม ทักษะและความจัดเจนของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร
คุณแพทองธารไม่ใช่นักธุรกิจที่มากประสบการณ์ ไม่ใช่นักการเมืองที่คร่ำหวอด ไม่ใช่แอ็กทิวิสต์ผู้เปี่ยมความรู้ ใครๆ ต่างก็เชื่อกันว่าเหตุที่เธอสามารถก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้นั้นมาจากปัจจัยทางด้านครอบครัวเป็นสำคัญ
จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจว่าในการเผชิญหน้าและรับมือกับปัญหาทางการเมืองที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง จะพบว่าท่าทีของนายกรัฐมนตรีกลับสร้างปัญหาให้ขยายเพิ่มมากขึ้น แทนที่จะทำให้สาธารณชนเกิดความเข้าใจหรือเกิดความมั่นใจในการบริหารงานภายใต้การนำของเธอ
กรณีปัญหาน้ำท่วมอย่างรุนแรงทั้งในพื้นที่ภาคเหนือ พื้นที่ภาคใต้ การพยายามตอบคำถามด้วยตรรกะแบบผิดฝาผิดตัว หรือความไม่เท่าทันกับสถานการณ์ในหลากหลายประเด็น ไม่ว่ากรณีว้าแดงในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ ปัญหาเรือประมงในทะเลอันดามัน กลับกลายเป็นว่าหน่วยงานรัฐแต่ละหน่วยมาอธิบายกันไปในคนละทิศละทาง ทั้งที่ในกรณีเหล่านี้ควรมีการตอบคำถามอย่างชัดเจนจากหน่วยงานที่รับผิดชอบในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน
ไม่ต้องนับรวมถึงการตอบคำถามด้วยข้อมูลพื้นฐานที่ผิดพลาดซึ่งเกิดขึ้นหลายครั้งจนทำให้ผู้ฟังหลายคนอาจรู้สึกระอาใจ เดือดร้อนไปถึงบรรดานายแบกนางแบกทั้งหลายที่ต้องออกแรงมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ปัญหาที่ควรจะโยนให้คุณแพทองธารต้องรับผิดแต่เพียงผู้เดียว เพราะมันเป็นผลสืบเนื่องจากระบบพรรคที่อ่อนแอซึ่งไม่อาจสลัดหลุดพ้นจากบุคคลมากบารมี อันส่งผลให้พรรคเพื่อไทยไม่ได้มีสถานะเป็นพรรคการเมืองอย่างที่ควรจะเป็น อันสามารถคัดกรองบุคคลมาเป็นผู้นำพรรคจากเรื่องความสามารถหรือการทำงานมาอย่างต่อเนื่อง หากต้องเลือกเอาบางคนมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีทั้งที่ก็เห็นกันว่ามีปัญหาทั้งด้านทักษะและความจัดเจนทางการเมือง
ด้วยลักษณะเป็ดง่อยยกกำลังสามจะทำให้รัฐบาลชุดปัจจุบันไม่สามารถผลักดันนโยบายที่มีผลต่อการปรับเปลี่ยนเชิงโครงสร้างและกระทบต่อกลุ่มคนที่ได้ประโยชน์จากระบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ปัญหาการกระจุกตัวของความมั่งคั่งในมือของมหาเศรษฐีซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการผูกขาดในตลาด หากต้องการจะทลายระบบเศรษฐกิจที่ผูกขาดอยู่ในมือกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การค้าปลีก ธุรกิจการเกษตร ธุรกิจด้านพลังงาน ฯลฯ ก็ต้องมีนโยบายที่เข้มงวดต่อการผูกขาดตลาด แต่มันจะบังเกิดขึ้นได้อย่างไรในเมื่อพวกเขาล้วนเป็นกลุ่มทุนที่ยืนอยู่ข้างหลังพรรคการเมืองเกือบทุกพรรคที่เข้าร่วมอยู่ในรัฐบาล
หรือต่อให้เป็นนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 การยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร ฯลฯ ประเด็นต่างๆ เหล่านี้มีความสำคัญซึ่งล้วนแต่ส่งผลอย่างมากต่ออำนาจและประโยชน์ของเครือข่ายชนชั้นนำ เพียงการยกเลิกระบบเกณฑ์ทหารก็หลีกไม่พ้นที่จะส่งผลต่อเครือข่ายของกลุ่มที่ทำมาหากินกับระบบดังกล่าวมาอย่างยาวนาน ทั้งงบประมาณเงินเดือน อาวุธยุทโธปกรณ์ ค่าชุดเครื่องแบบ เบี้ยเลี้ยง ค่าอาหาร แรงงานฟรีของนายพลระดับสูง ฯลฯ
หากต้องการจะผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นจริง จำเป็นต้องอาศัยพลังอย่างมหาศาลทั้งการสนับสนุนจากภายในรัฐสภาและทางสาธารณะ
เมื่อไม่อาจผลักดันนโยบายเชิงปฏิรูป นโยบายที่รัฐบาลจะสามารถกระทำได้ก็จะเป็นเพียงประชานิยมแบบหน่อมแน้ม ด้วยการใช้งบประมาณอันมีอยู่อย่างจำกัดแจกจ่ายให้กับประชาชนในมิติต่างๆ อย่างเบี้ยคนจน เบี้ยคนพิการ เงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาชาวไร่ ดิจิทัลวอลเล็ต (ที่อาจเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตาแต่ก็คือการแจกเงินเช่นเดิม) การลดค่าไฟฟ้า หรือการอุดหนุนระบบรถไฟฟ้าเพื่อให้ได้ราคา 20 บาท เป็นต้น อีกด้านก็จะเป็นการผลักดันนโยบายที่ไม่แตะต้องโครงสร้างทางอำนาจและผลประโยชน์ที่เป็นอยู่ ดังการพยายามระดมการลงทุนจากภายนอกหรือการส่งเสริมการท่องเที่ยวก็คือตัวอย่างเรื่องที่รัฐบาลพอจะทำได้
ด้วยเงื่อนไขและสภาพแวดล้อมดังที่ได้กล่าวมา จึงเป็นที่ชัดเจนว่ารัฐบาลภายใต้การนำของคุณแพทองธาร จะไม่สามารถผลักดันนโยบายอันมีความหมายต่อผู้คนในสังคมให้เกิดขึ้นได้อย่างจริงจัง
อาจจะมีการตั้งคำถามต่ออนาคตของรัฐบาลชุดนี้ว่าจะดำเนินไปอีกยาวนานเท่าใด แต่คำถามที่อาจต้องขบคิดกันต่อไปเช่นกันก็คือ หากมีการจัดตั้งรัฐบาลที่มีที่มาจากพรรคการเมืองซึ่งแตกต่างไปจากที่เป็นอยู่ รัฐบาลเช่นนี้จะปฏิรูปสังคมไทยให้เดินไปข้างหน้าได้หรือไม่ หรืออะไรเป็นเงื่อนปัจจัยสำคัญในลำดับแรกๆ ที่จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้สถาบันที่มาจากการเลือกตั้งสามารถตอบสนองต่อเจตจำนงของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่ารัฐบาลเป็ดง่อยยกกำลังสามที่ผู้คนในสังคมไทยกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันนี้
https://www.the101.world/lame-duck-government/
.....
Thanapol Eawsakul
18 hours ago
·
หรือว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร จะไม่สามารถขยับเขยื้อน นโยบายอะไรได้เลย
(นอกจากแจกเงินแบบขอไปที)
....
ผมไม่ได้มีความรู้เรื่องหนังหรือโรง ฉายหนัง อะไร แต่เห็นกรณี โรงหนังของ Doc Club ที่จะต้องปิดตัวลงทั้งๆที่เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริม Soft Power เป็นอย่างยิ่ง กับท่าทีของ หน่วยงานของรัฐที่ รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง THACCA (ทักก้า) ย่อมาจาก Thailand Creative Content Agencyทำได้เพียงแต่ขอแสดงความเสียใจ
https://www.facebook.com/share/p/1K7HmgDCM6/
ขณะเดียวกันก็แปลกใจไม่หาย กับการไม่ยอมทำหน้าที่ ด้านนิติบัญญัติ และยังมาเตะตัดขา พรรคการเมืองอื่นๆด้วย
อันนี้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องใหญ่ๆไม่ว่าจะเป็นปฏิรูปกองทัพ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ขจัดทุนผูกขาด
เอาแค่เรื่องพื้นๆที่ตัวเองหาเสียงยังไม่ยอมทำเลย
เราอาจจะต้องตั้งคำถามดังๆว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร จะไม่สามารถขยับเขยื้อน นโยบายอะไรได้เลย
(นอกจากแจกเงินแบบขอไปที)
เหมือนดังที่บทความล่าสุดของสมชาย ปรีชาศิลปกุลที่บอกว่า
นี่คือรัฐบาลเป็ดง่อยยกกำลัง 3
รัฐบาลเป็ดง่อยยกกำลังสาม
https://www.the101.world/lame-duck-government/
·
หรือว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร จะไม่สามารถขยับเขยื้อน นโยบายอะไรได้เลย
(นอกจากแจกเงินแบบขอไปที)
....
ผมไม่ได้มีความรู้เรื่องหนังหรือโรง ฉายหนัง อะไร แต่เห็นกรณี โรงหนังของ Doc Club ที่จะต้องปิดตัวลงทั้งๆที่เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริม Soft Power เป็นอย่างยิ่ง กับท่าทีของ หน่วยงานของรัฐที่ รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง THACCA (ทักก้า) ย่อมาจาก Thailand Creative Content Agencyทำได้เพียงแต่ขอแสดงความเสียใจ
https://www.facebook.com/share/p/1K7HmgDCM6/
ขณะเดียวกันก็แปลกใจไม่หาย กับการไม่ยอมทำหน้าที่ ด้านนิติบัญญัติ และยังมาเตะตัดขา พรรคการเมืองอื่นๆด้วย
อันนี้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องใหญ่ๆไม่ว่าจะเป็นปฏิรูปกองทัพ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ขจัดทุนผูกขาด
เอาแค่เรื่องพื้นๆที่ตัวเองหาเสียงยังไม่ยอมทำเลย
เราอาจจะต้องตั้งคำถามดังๆว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร จะไม่สามารถขยับเขยื้อน นโยบายอะไรได้เลย
(นอกจากแจกเงินแบบขอไปที)
เหมือนดังที่บทความล่าสุดของสมชาย ปรีชาศิลปกุลที่บอกว่า
นี่คือรัฐบาลเป็ดง่อยยกกำลัง 3
รัฐบาลเป็ดง่อยยกกำลังสาม
https://www.the101.world/lame-duck-government/