นั่นอาจเป็นบทเรียนของพรรคเพื่อไทยด้วยเหมือน ผ่านทางนังแบกและนายแบกที่มุ่งโจมตีทางบุคคลิกภาพ (Character assassination) มากกว่าจัดวางนโยบายแก้ปัญหาทางโครงสร้าง ซึ่งก็จำเป็นสำหรับพรรคประชาชนต้องวิพากษ์เพื่อรักษาจุดยืนของตนไว้
จากอุดรมาอุบลและอุตรดิตถ์ ต่อไปที่เชียงใหม่ ชลบุรี และสงขลา เป็นต้น พรรคประชาชนอาจจะไม่ชนะเลือกตั้งเลยทั้งหมด ด้วยการยอมรับของแกนนำพรรคว่ายังไม่ถึงเวลาเปลี่ยนความคิดผู้ออกเสียง จากบ้านใหญ่และผลงานเก่าไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้
แต่พวกเขาก็ตั้งมั่นว่าในเวลาอีกไม่ถึง ๓ ปีข้างหน้าน่าจะทำได้ ตราบเท่าที่ยังยืนหยัดทำการเมืองแบบ ‘ตรวจสอบและเสนอแนะ’ ต่อไปไม่หยุดยั้ง ถ้อยแถลงของพรรคนี้หลังจากทราบผล อบจ.อุบลฯ และอุตรดิตถ์ “ย้ำเดินหน้าทำงานท้องถิ่นต่อ เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง”
ซ้ำยังตั้งความหวังด้วยว่า ผู้ชนะเลือกตั้ง “จะหยิบยกเอานโยบายของพวกเราที่ได้นำเสนอต่อประชาชนหากเห็นว่านโยบายไหนดี และนโยบายไหนตอบโจทย์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนได้ เราก็ไม่สงวน” พิจารณ์ กรรมการบริหารพรรคฯ กล่าว
ข้อหนึ่งที่ทำให้พรรคนี้มุ่งมั่นแนวทางการเปลี่ยนแปลงโดยไม่เปลี่ยนใจ แม้จะแพ้มาแล้วหลายสนาม อยู่ที่แต่ละการแข่งขันที่ยังไม่ชนะ ปรากฏว่าได้คะแนนเสียงเพิ่มจากครั้งก่อนๆ อยู่เสมอ แสดงว่าแนวโน้มนี้ยังดำเนินอยู่ อาจได้เห็นประจักษ์ในจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งข้างหน้า
‘ไหม’ ศิริกัญญา ไปปราจีน เบญจา แสงจันทร์ ไประยอง วิโรจน์ ลักขณา ถึงจันทบุรี ศรายุทธ์ ใจหลัก ลงภูเก็ตและพังงา ‘ลิซ่า’ ภคมน โผล่สงขลา พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ เผ่นมุกดาหาร ‘ช่อ’ พรรณิการ์ ขึ้นลำพูน และ ‘พิธา’ ปักหลักเชียงใหม่
เหล่านี้แสดงถึงความไม่ย่นย่อ เดินหน้าเก็บเบี้ยใส่ใต้ถุนร้านกันไม่ลดละ อย่างน้อยๆ ก็แสดงให้ผู้สนับสนุนและติดตาม มีความมั่นใจเต็มร้อยว่าจะไม่มีการเปลี่ยนม้ากลางศึก ให้เสียอารมณ์และศรัทธาอย่างแน่นอน
(https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/2pggS4rLetiQW และ https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/2vVNjFgBq4K)
