วันอาทิตย์, ธันวาคม 22, 2567

วีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น เล่าถึงประสบการณ์การถูกดำเนินคดีจากการทำงานในประเด็นสาธารณะมานานกว่า 20 ปีว่า คนที่มาฟ้องปิดปาก ส่วนใหญ่จะเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียง ทรงอิทธิพล หรือไม่ก็จะเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ถ้าไม่เป็นทหารก็จะเป็นตำรวจใหญ่ ผมไม่เคยถูกประชาชนที่ผมไปตรวจสอบฟ้องปิดปากผม


iLaw
14 hours ago
·
วีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น เล่าถึงประสบการณ์การถูกดำเนินคดีจากการทำงานในประเด็นสาธารณะมานานกว่า 20 ปีว่า คนที่มาฟ้องปิดปาก ส่วนใหญ่จะเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียง ทรงอิทธิพล เมื่อเอ่ยชื่อก็รู้กันทั้งประเทศ หรือไม่ก็จะเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ถ้าไม่เป็นทหารก็จะเป็นตำรวจใหญ่ ผมไม่เคยถูกประชาชนที่ผมไปตรวจสอบฟ้องปิดปากผม
“เพราะว่านักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เขาต้องการให้คนอื่นกลัว เขาอาจจะรู้ว่าผมไม่กลัว ฟ้องให้ตายผมก็ไม่กลัว แต่เขาต้องการหยุดคนอื่นที่จะออกมาให้ความเห็นหรือออกมาร่วมตรวจสอบกับผม เพื่อให้สื่อมวลชนหยุดทำข่าว เมื่อสื่อรู้ว่าฟ้องผม สื่อก็จะหยุด ไม่กล้านำเสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมา เขาจะคุมการนำเสนอผ่านอิทธิพลทางการเมืองให้สื่อมวลชนเสนอในประเด็นที่ต้องการ”
วีระเล่าว่า ในการทำงานตลอดหลายสิบปี เป็นการทำหน้าที่เพื่อช่วยราชการต่อต้านภัยคอร์รัปชั่น เรื่องที่เข้าไปตรวจสอบล้วนไม่ได้หยิบขึ้นมากล่าวหาเอง แต่มีการร้องเรียนร้องทุกข์เข้ามา ซึ่งกระบวนการทำงานจะเริ่มจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่ามีมูลหรือพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือหรือไม่ ก่อนจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เมื่อเข้าไปตรวจสอบก็คือเปิดโอกาสให้เขาชี้แจง แต่คนพวกนี้ไม่เคยจะใช้สิทธิชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา แต่จะหลบหน้าและใช้วิธีดำเนินคดี
ในปี 2543 วีระทำงานตรวจสอบเกี่ยวกับการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ โดยยื่นเรื่องต่อต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีเนื้อหาระบุว่า พล.ต.สนั่นแจ้งว่า มีหนี้สินต่อบริษัทเอไอเอสฯ กว่า 45 ล้านบาท ทั้งที่ไม่ได้เป็นหนี้จริง
“พอผมไปตรวจสอบ ฟ้องผม 3 คดี หมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหายคดีละ 50 ล้าน รวม 150 ล้าน ไม่มีใครกล้าเป็นทนายความให้ผม ทุกคนกลัว ตอนนั้นเขาเป็นรองนายกรัฐมนตรีและ รมต.มหาดไทย อำนาจล้นฟ้าล้นแผ่นดิน ตอนนั้นทักษิณยังไม่ได้เกิดเลย ผมต้องสู้กับเขา 11 ปีเต็ม ทั้ง 3 คดี สู้ถึงฎีกา ผมชนะทุกศาล ชั้นต้น อุทธรณ์ ฎีกา ไม่แพ้เลย แต่ผมเสียเวลา 11 ปี เสียเงินไปเยอะ”

อ่านต่อได้ทาง https://www.ilaw.or.th/articles/49309