วันเสาร์, ธันวาคม 28, 2567

คุณหมอเดชา ปิยะวัฒน์กูล มาให้ความรู้ สืบเนื่องจากข่าวน้องคนที่ดื่มจนเสียชีวิต ข้อแตกต่างระหว่าง Intellectual Disability กับ Autism และ Lethal dose ของการดื่ม alcohol กินมากเกินไปตายได้

เดชา ปิยะวัฒน์กูล
Yesterday
·
เสร็จงานแล้วมาตามอ่านข่าวน้องคนที่ดื่มจนเสียชีวิตจึงได้ข้อมูลเพิ่มพอให้มาอธิบายในฐานะแพทย์ที่มีความรู้ทางนี้บ้างดังนี้นะครับ
1. น้องน่าจะมีสภาวะ Intellectual Disability ครับ ไม่ใช่ Autism หลายปีหลังมานี้ผมมักเห็นคนเรียก ID เป็นออติซึ่มบ่อยๆจนมั่วไปหมด มันคนละอย่างกันนะครับ
Intellectual Disability คือสภาวะที่พัฒนาการทางสมองบกพร่องเกือบทุกด้าน เดิมเราเรียก Mental Retardation หรือปัญญาอ่อน แต่เนื่องจากคำเดิมถูกนำไปใช้ผิดๆเป็นคำด่า แพทย์จึงเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่ครับ
ส่วน Autism นั้นคือสภาวะบกพร่องทางพัฒนาการด้านการพูดและสังคมเป็นสำคัญ ดังนั้น ID กับออจึงมีลักษณะไม่เหมือนกันเลย คือ ID สติปัญญาด้านความฉลาดไม่ค่อยดี แต่ด้านสังคมมักพอใช้ได้ ในขณะที่ออนั้นสติปัญญาด้านความฉลาดมักจะดี ในขณะที่ด้านสังคมกลับบกพร่อง
พูดเป็นภาษาบ้านๆให้เข้าใจง่าย ออนั้นฉลาดแต่ผูกพันกับคนไม่ค่อยเก่ง ขณะที่ปัญญาอ่อนนั้นไม่ค่อยฉลาดแต่รักและผูกพันกับคนได้เหมือนกับพวกเรา คนปัญญาอ่อนจึงสามารถเข้าสังคมได้ รักพ่อแม่ รักคนรอบตัว
ดังนั้นทีหลังเวลาจะด่ากันควรใช้คำด่าว่าไอ้ไม่ปัญญาอ่อน เพราะคนปัญญาอ่อนใจดีกว่าพวกเราน่ะเมื่อเทียบกับระดับสติปัญญา มีแต่คนไม่ปัญญาอ่อนเท่านั้นที่ใจดำ แล้วไม่ค่อยรักคนอื่น
---
2. ถาม - ไอ้หมอมึงอย่ามั่ว มึงรู้ได้ยังไงว่าเขาสติปัญญาบกพร่อง
ตอบ - ไม่รู้หรอกครับ แค่ดูคลิปผิวเผินไม่ได้ตรวจ แต่ผมเคยทำงานโรงพยาบาลยุวประสาท เคยเรียนเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลราชานุกูลนิดหน่อย ผมชำนาญพอจะบอกได้ว่าใคร IQ เท่าไหร่แม้จะยังไม่ได้ตรวจน่ะครับ ถ้าใครไอคิวต่ำกว่า 140 ผมคุย 5 นาทีผมพอเดาได้เลย รับรองไปตรวจ WAIS-R ผลออกมาผมผิดไม่เกิน 10 คะแนน 555..
น้องคนนี้ไอคิวคงไม่ถึง 70 ครับ คนมักเข้าใจผิดว่า ID จะต้องเดินตุปัดตุเป๋น้ำลายยืดอะไรพรรค์นั้น ไม่ใช่เลยครับ ID แบบนั้นคือระดับ severe ไอคิวแค่ 30-40 ID ทั่วไปไอคิว 60-70 จะพูดรู้เรื่อง คิดเลขง่ายๆได้ บางคนอ่านเขียนหนังสือง่ายๆได้ด้วยซ้ำ แล้วตรงนี้จะโยงไปถึงข้อต่อไป
---
3. ID เป็นหนึ่งในสามสภาวะทางจิตที่กฎหมายคุ้มครองนะครับ (ศาลฎีกาเคยตีความว่า ID คือสภาวะจิตบกพร่องครับ)
ถ้ามีผลตรวจ IQ ยืนยัน มีบัตรผู้พิการ หรือมีหนังสือของศาลสั่งให้เป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ ยายสามารถเอาเรื่องไอ้คนที่แกล้งน้องได้อย่างถึงที่สุดเลยครับ
เพราะประตูสู้คดีที่ว่าผู้ตายเต็มใจดื่มเองนั้น ถ้าเจอทนายเก่งๆสามารถชี้ช่องได้ว่าผู้ตายเป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถอย่างเห็นได้ชัด ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้เต็มที่ดังเช่นคนปกติทั่วไป ผู้ใดรังแก ชักชวน หรือหลอกล่อให้ผู้ตายกระทำการใดอันอาจเป็นอันตรายต่อตนเองและ/หรือผู้อื่นย่อมมีความผิด
โทษก็ระดับเดียวกับมอมเหล้าเด็กตายน่ะครับ ผู้ใหญ่ไอคิว 70 ระดับสติปัญญาก็พอๆกับเด็กอายุ 8-9 ขวบ หลอกเด็ก 8 ขวบกินเหล้าจนตายผิดไหมล่ะครับ?
ปัญหาคือผมเดาว่าครอบครัวไม่เคยตรวจ IQ ให้ผู้ตาย แล้วทนายเผลอๆไม่รู้กฎหมายข้อนี้
---
4. ส่วนเรื่องระดับของ BAC ที่เขียนไว้ในโพสต์ก่อนตอนนี้ไม่สำคัญเท่าเรื่อง predisposing factor ของผู้ตายแล้ว เพราะตอนเขียนโพสต์นั้นผมยังไม่ทราบครับว่าผู้เสียชีวิตอาจจะเป็น ID แต่จะให้เอามาอธิบายตรงนี้อีกทีก็ได้ครับ
4.1 ขนาด lethal dose หรือทำให้ตายได้ของ alcohol ในคนไทยที่ตัวไม่ได้ใหญ่แบบฝรั่ง ในผู้ชายคือดื่มเกิน 10 drinks หรือเหล้า 1 แบน ผู้หญิงคือเกิน 5 drinks หรือครึ่งแบนในเวลา 1 ชั่วโมง ถ้าดื่มมากกว่าหรือเร็วกว่าขนาดที่ว่านี้ ถึงตายได้ครับ
4.2 ผู้ชายทนแอลกอฮอล์ได้มากกว่าผู้หญิงเกือบ 1 เท่าตัวไม่ใช่เพราะตัวใหญ่กว่านะครับ แต่เพราะในตับของผู้หญิงมีเอนไซม์ตัวที่ชื่อ alcohol dehydrogenase ต่ำกว่าผู้ชาย ดังนั้นผู้หญิงเมาเร็วกว่า ง่ายกว่า ตายเร็วตายง่ายเวลาดื่มเหล้ามากกว่าผู้ชายเยอะครับ (ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เวลาผู้หญิงเมา จึงเมายิ่งกว่าหมา อันนี้ไม่ได้เป็นการดูถูกทางเพศ แต่เป็นข้อเท็จจริงทางชีววิทยา บริษัทเหล้าบริษัทไหนจับ target group เป็นเด็กวัยรุ่นผู้หญิงนี่แ***จึงโคตรแย่เลยครับ)
4.3 ถ้าต้องการป้องกันระดับแอลกอฮอล์ในเลือดไม่ให้สูงเกินไปให้ใช้วิธีดื่มให้ช้าลงครับ ตย.เป็นที่ทราบกันว่าถ้ากินเบียร์เกิน 1-2 กระป๋องเล็กภายใน 1 ชั่วโมงมีสิทธิ์เป่าเครื่องตรวจแล้วไม่ผ่าน ถ้าใครจะดื่มแล้วขับก็อย่ากินเกินชั่วโมงละกระป๋องครับ ถ้าอยากกิน 2-3 กระป๋องก็ต้องนั่งอยู่ 2 ชั่วโมง ถ้า 3 ชั่วโมงก็อาจได้ 4-5 กระป๋องเป็นต้น ตรวจแล้วถึงจะมีสิทธิ์ผ่าน
สรุปเรื่องปริมาณการดื่มภายใน 1 ชั่วโมงกับระดับ BAC และอาการอีกที (1 ดื่ม = เบียร์ 1 กระป๋อง ไวน์ 1 แก้ว หรือเหล้า 1 เป๊ก ส่วนเลข BAC แบบฝรั่ง = ของไทยหารพัน เช่น ของฝรั่ง 0.1% = ของไทย 100mg%)
2 ดริ้งค์ 50mg% ขับรถไม่ได้ ผิดกฎหมาย ถ้าคุณดื่มจนรู้สึกกรึ่มๆ หน้าแดง นั่นเลยแล้วครับ
4 ดริ้งค์ 100mg% เมาแล้ว
6 ดริ้งค์ 150mg% เมาเละเทะเป็นหมาแล้ว เลยระดับนี้จะไม่มีความสนุกอีกต่อไป
8 ดริ้งค์ 200mg% เมาจนไม่รู้เรื่อง จำอะไรไม่ได้ คนส่วนใหญ่น็อคแล้ว จุดนี้ต่อให้ว่ายน้ำเก่ง ตกน้ำก็ตาย
12 ดริ้งค์ 300mg% สลบ โคม่า เสี่ยงตายแล้ว พาไปโรงพยาบาลหมอต้องปั๊มน้ำเกลือด่วนน่ะ
> 400mg% ตายคักๆ รอดได้คือยมบาลลางานอยู่
อ้อ ถ้าเป็นผู้หญิง กรุณาหารปริมาณเหล้าด้วยสอง
---
5. และกรณีผู้ดื่มเป็น ID มันจะมีผลยังไง ตอบ - มันก็เมาง่ายตายง่ายกว่าคนธรรมดาน่ะสิครับ ตรงไปตรงมา สมองไม่แข็งแรง ยังเอาแอลกอฮอล์ไปทำร้ายสมอง ...จะไปเหลือ
เรื่องนี้คนส่วนใหญ่ไม่ทราบ ID คือสมองไม่แข็งแรงของจริงครับ สมมุติผ่าเอาสมองออกมาดู จะเห็นสมองเหี่ยวเล็กกว่าคนปกติของจริง อายุไม่ยืน พอ 40 เป็นอัลไซเมอร์ตายก่อนคนทั่วไปนี่ก็ของจริง แบบสัญญาลูกของเด๋อน่ะ
เวลาเราดูแลคนไข้กลุ่มนี้เราจะอธิบายให้ครอบครัวเข้าใจเลยว่าถ้าอยากอยู่กันนานๆ อย่าใช้สารเสพติด อย่าดื่มสุรา ต่อให้สมองไม่ดีก็พึงใช้สมองเยอะๆ คิดนู่นเรียนรู้นี่ พูดนั่นเล่นนี่ ผมมีคนไข้กลุ่มนี้พอดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัวได้เยอะแยะไป เขาแค่ไม่ค่อยฉลาด แต่ในความเป็นมนุษย์บางด้านของเขานั้นมีสูงกว่าเราด้วยซ้ำ แม้กระนั้นผมก็ไม่เคยเจอใครอายุเกิน 60 ได้สักคน เคยเจอคนที่อยู่ได้นานที่สุดก็ 50 กว่า ดังนั้นอย่าไปทำอะไรเขาเลย ยังไงเขาก็อยู่กับเราได้ไม่นานอยู่แล้ว ใครไปรังแกผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้นี่ผมว่าโคตรใจดำเลย ไม่รู้จะสรรหาอะไรมาพูด
เฮ้อ...
.
ปล - แก้ไขเพิ่มเติมรูป alcohol intoxication ใครอยากทราบตามไปอ่าน captions ข้างล่างดูได้ครับ

https://www.facebook.com/photo/?fbid=28072995835648132&set=pcb.28072996238981425