วันศุกร์, ตุลาคม 04, 2567

สรุปรวม จุดอันตรายของรถบัสมรณะ คันนั้น - เลิกได้ยังตรวจรถทิพย์?


Jessada Denduangboripant
23 hours ago
·
"สรุปรวม จุดอันตรายของรถบัสมรณะ คันนั้น"
สำนักข่าวบีบีซี ได้รายงานถึงผลการแถลงของตำรวจ กรณีรถบัสไฟไหม้จนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก รวมถึงความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่มีต่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ .. เลยขอนำมาสรุปให้อ่านกันนะครับ
- คนขับรถบัสได้รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา โดยมีความผิดฐานประมาทเลินเล่อทำให้เกิดความสูญเสีย เนื่องจากรู้ว่ารถมีปัญหา แต่ไม่หยุดรถ ได้ยินเสียงลูกสูบของรถดัง แต่ไม่ได้จอดดู และขับรถต่อจนรถเสียหลัก
- เบื้องต้น ตำรวจสันนิษฐานว่า เกิดจากอุปกรณ์ส่วนควบบกพร่อง เกิดประกายไฟ จนเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้
1. รถบัสเก่า ใช้งานมาแล้ว 54 ปี (มาตรฐานรถโดยสารสาธารณะ ควรอยู่ที่ 10-15 ปีเท่านั้น)
- รถบัสที่ไฟไหม้ จดทะเบียนเป็นประเภทรถโดยสารไม่ประจำทาง ยี่ห้อรถเดิมคือ อีซูซุ แต่ดัดแปลงมาเป็นยี่ห้อเบนซ์ โดยใช้เครื่องยนต์ยี่ห้อเบนซ์ จำนวน 8 สูบ 280 แรงม้า น้ำหนักรถ 14300 ก.ก. จำนวนผู้โดยสารที่นั่ง 41 คน
- จดทะเบียนครั้งแรก ตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ. 2513 หรือใช้งานมาแล้ว 54 ปี
- รถบัสโดยสารในไทย ไม่ได้ถูกกำหนดว่าต้องเป็นรถใหม่ หรือเป็นรถสำเร็จรูปของยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่ง แต่ผู้ประกอบการมักจะซื้อคัสซี (หรือแชสซี) ของรถบรรทุกมา และซื้อเครื่องยนต์ เพื่อมาจดประกอบ
- รถที่มีการจดทะเบียนมานาน หากไม่ได้ถูกดูแลซ่อมบำรุง ก็มีความเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุ
- ผลการศึกษาอายุการใช้งานรถบัสโดยสาร ที่เหมาะสมในประเทศไทย ว่าอยู่ที่ 10-15 ปีเท่านั้น
- แต่ก็มีช่องว่างว่า เมื่อปลดระวางแล้ว รถพวกนี้จะถูกนำไปจำหน่ายให้ผู้ประกอบการรถบัส รถทัวร์ ที่ให้บริการเช่าเหมาคัน เช่น กรณีที่เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้
- การดัดแปลงตัวรถที่มีการประกอบใหม่แล้วไปจดทะเบียนรถโดยสารในลักษณะนี้ ถือเป็นช่องว่างในการจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก คือ ไปทำสีและตัวถังใหม่ให้ผ่านการตรวจสอบของขนส่งทางบก โดยอาจจะไม่ได้มีการตรวจสอบ เลขตัวถัง เลขคัสซี
2. ติดตั้งเอ็นจีวี 11 ถัง แต่ยื่นขออนุญาตเพียง 6 ถัง
- รถบัสคันนี้ มีการติดตั้งถังก๊าซ เกินกว่าจำนวนที่ขออนุญาต คือพบว่ามีถังก๊าซจำนวน 11 ถัง จากที่มีการขออนุญาตไว้แค่ 6 ถัง
- ถังก๊าซถูกติดตั้งไว้หลายจุด รวมอย่างน้อย 10 ถัง ตั้งแต่บริเวณล้อหน้า (ทั้งด้านซ้ายและขวา) ข้างละ 2 ถัง , ล้อด้านหลัง (ทั้งซ้ายและขวา) ข้างละ 1 ถัง และบริเวณตอนกลางของรถด้านล่าง อีก 4 ถัง
- ตอนยื่นจดทะเบียนรถบัสต่อหน่วยงานขนส่ง ไม่ได้จดทะเบียนว่า รถได้ติดตั้งก๊าซเอ็นจีวี แต่ตอนที่ยื่นทำประกันภัย กลับระบุข้อมูลว่า ติดตั้งก๊าซเอ็นจีวี
- ตามระเบียบการตรวจสอบรถโดยสารสาธารณะ ของกรมการขนส่งทางบก ต้องตรวจปีละ 2 ครั้ง ส่วนรถที่ใช้ก๊าซซีเอ็นจี (เอ็นจีวี) หรือแอลพีจี ก็ต้องมีการตรวจสภาพถัง ตามรอบของมัน
3. ประตูทางออกฉุกเฉิน เปิดไม่ได้ ระบบอุปกรณ์ฉุกเฉินบนตัวรถ ไม่มี
- ร่างของผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ อยู่บริเวณด้านหลังรถ ใกล้กับประตูทางออกฉุกเฉิน ซึ่งไม่มีการเปิดขณะเกิดเหตุ
- คนขับรถบัสได้ลงจากรถ และเดินวนมาที่บริเวณประตูฉุกเฉิน พยายามเปิด แต่ไม่สำเร็จ
- ครูและนักเรียนได้หนีลงมาจากประตูหน้า หากประตูหลังเปิด น่าจะรอดกว่านี้
- ไม่พบว่ามีค้อนทุบกระจกอยู่บนรถบัส แต่อย่างใด
- ในการตรวจสอบว่าประตูฉุกเฉินอยู่ในสภาพปกติ หรือทำงานอย่างถูกต้องหรือไม่ เมื่อชิ้นส่วนดังกล่าวถูกเผาไหม้ไปแล้ว ก็อาจมีความยากในการพิสูจน์
- ในกรณีฉุกเฉิน ที่ระบบลมของประตูรถโดยสารมีปัญหา จะมีตัวปลดล็อกวาล์วจากด้านใน เพื่อดันประตูออก
- รถโดยสารทั่วไปที่มีกระจกหลาย ๆ บาน ต้องมี 1 ใน 3 ที่เป็นกระจกนิรภัย ที่สามารถทุบแล้ว กระจกแตกละเอียดเป็นเม็ด ซึ่งคนสามารถหนีออกได้ (กระจกทั่วไปเป็นกระจกสองชั้น ใช้ค้อนทุบอย่างเดียว มันไม่แตก)
- ต้องมีกระจกนิรภัยประเภทเทมเปอร์ ความกว้างไม่น้อยกว่า 70 ซม. สูงไม่น้อยกว่า 50 ซม. ติดตั้งด้านขวาตัวรถค่อนไปทางด้านหน้า อย่างน้อย 1 บาน และด้านซ้ายของตัวรถ 1 บาน พร้อมข้อความ “ทางออกฉุกเฉิน” สีแดง และสัญลักษณ์วิธีการทุบกระจก (ห้ามติดฟิล์มกรองแสง)
- ต้องมีค้อนทุบกระจก อย่างน้อย 2 อัน ติดตั้งอย่างปลอดภัยที่ด้านซ้ายและด้านขวาของตัวรถ ใกล้บานกระจกนิรภัยประเภทเทมเปอร์
- คนขับรถพยายามเปิดประตูฉุกเฉินจากด้านนอก แต่ไม่สามารถเปิดได้
- ประตูฉุกเฉิน ต้องมีอย่างน้อย 1 ประตู กว้างไม่น้อยกว่า 40 ซม. และสูงไม่น้อยกว่า 120 ซม. อยู่ด้านขวาของห้องโดยสารบริเวณตอนกลาง หรือค่อนทางท้ายรถ
- ประตูฉุกเฉินต้องเปิดออกได้ทั้งจากภายในและภายนอก โดยไม่ต้องใช้กุญแจหรือเครื่องมืออื่นใด มีข้อความว่า “ประตูฉุกเฉิน” พร้อมคำอธิบาย และป้ายไฟบนพื้นสีขาว คำว่า EXIT สีแดง
- การใช้งานประตูฉุกเฉิน บางรุ่นเหมือนคันโยก บางรุ่นต้องใช้มือบิดและผลักออก หรือบางรุ่นอาจเป็นคันโยกที่มีระบบล็อกอยู่ ต้องปลดล็อกก่อนที่ผลักออกได้
- ถังดับเพลิง ต้องมีอย่างน้อย 2 ถัง ขนาดบรรจุไม่น้อยกว่า 4 กิโลกรัม โดยติดตั้งไว้ที่ด้านหน้า 1 เครื่อง และด้านหลัง 1 เครื่อง
4. ไฟลุกไหม้แรงและเร็ว-วัสดุในรถไม่ใช่ประเภทไม่ลุกติดไฟ
- ในช่วงแรก ไฟลุกไหม้บริเวณด้านหน้าตัวรถ และลุกไหม้โหมที่ตัวห้องโดยสารอย่างรวดเร็ว
- ผู้เชี่ยวชาญบางคนมองว่า ต้นเพลิงน่าจะไม่ได้มาจากถังก๊าซ เพราะส่วนใหญ่จะมีการระเบิด แต่เมื่อยางรถเกิดระเบิด และช่วงล่างไปครูดกับถนน อาจทำให้เกิดประกายไฟ พอประกายไฟโดนเข้ากับถังน้ำมัน ก็มีโอกาสที่ถังน้ำมันจะฉีกขาด และกลายเป็นต้นเพลิง
- และเมื่อไฟติดขึ้น ด้วยวัสดุภายในห้องโดยสาร ยิ่งทำให้เพลิงลุกไหม้เร็วมาก เบาะที่นั่งที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี จะติดไฟและจะลามไปเร็วมาก จะไหม้เร็วมากในไม่กี่นาที
- ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคน บอกว่า อาจเกิดการรั่วไหลของถังก๊าซซีเอ็นจี ทำให้มีก๊าซสะสม จากนั้นเมื่อเกิดประกายไฟ จากยางแตกหรือเครื่องยนต์มีปัญหา จึงลุกลาม
- มีข้อเสนอว่า ประเทศไทยควรกำหนดให้ติดตั้งระบบดับเพลิงอัตโนมัติบนรถโดยสาร เช่นที่ในยุโรปบังคับใช้ มาตรฐาน UN ECER 107 จะมีเซ็นเซอร์ ถ้าเกิดประกายไฟปุ๊ป มันก็จะทำงานอัตโนมัติ และจะช่วยดับไฟอย่างรวดเร็ว เน้นในจุดที่เป็นเครื่องยนต์ ที่เป็นต้นเพลิง ถ้ามี ก็จะช่วยบรรเทาความรุนแรงได้
ภาพและข้อมูล จาก https://www.bbc.com/thai/articles/c8elx0xynxpo
.....




https://www.facebook.com/ThePoliticsByMatichon/videos/788029493351697
.....