The Motive
15 hours ago·
"ผมไม่เชื่อในสันติภาพ"
คำกล่าวสุดท้ายของ รอนิง ดอเลาะ
จากเวที ประชาชนออกแบบสันติภาพ
นายรอนิง ดอเลาะ อายุ 45 ปี ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อคืนวันที่ 25 มิถุนายน 67 เวลาประมาณ 21.15 น. หน้าบ้านของตัวเอง ใน ม.4 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
.
เวที ประชาชนออกแบบสันติภาพ
การรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของประชาชนต่อการสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้/ปาตานี โดย กรรมาธิการสันติภาพฯ
อาทิตย์ที่ 10 มี.ค. 67 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา
.
#TheMotive
#รอนิงดอเลาะ
https://www.facebook.com/TheMotive2020/videos/444698155012784
.....
7 องค์กรสิทธิฯ จี้ทางการคลี่ปมสังหาร 'รอนิง ดอเลาะ' นักปกป้องสิทธิฯ อย่างโปร่งใส-เป็นมืออาชีพ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgWMNs3MbhsnlJUq-8wLypCBE78JuFWy9RXKz4_cKV8rQg4k_XTTQdx1w6OM6F7cVRc5TRh7jMzBZMywEGoSlXhOh1zqZ47oHHToPLJR2Er05cvp70b8X3nTeOVsdMWVstrDDwYSw31LQyZAnlemaPQ-he3RtUv4g5QgKd4w86n_PooyBII4b7L6w/w395-h198/53825285626_f6f3d541b8_o.png.webp)
2024-07-01
ประชาไท
แถลงการณ์ร่วม 7 องค์กรสิทธิฯ จี้ทางการไทยสืบสวนสอบสวนปมสังหาร 'รอนิง ดอเลาะ' นักปกป้องสิทธิฯ อย่างโปร่งใส-เป็นมืออาชีพ เพื่อค้นหาความจริงและนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ พร้อมทั้งเยียวยาครอบครัวของรอนิง ทั้งทางร่างกาย จิตใจ เศรษฐกิจ และสังคม อย่างครอบคลุม
1 ก.ค.2567 จากกรณี รอนิง ดอเลาะ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวมลายูมุสลิมถูกสังหารด้วยอาวุธปืนเสียชีวิตที่บริเวณหน้าบ้านตัวเอง ใน ม.4 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา นั้น ล่าสุดวันนี้ (1 ก.ค.) องค์กรสิทธิมนุษยชน ประกอบด้วย มูลนิธิผสานวัฒนธรรม สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) ศูนย์ปฏิบัติการร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาประชาชนบนพื้นที่สูง (ศปส.) มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ (มพน.) มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (มอส.) สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.) และเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษ (JASAD) ออกแถลงการร่วมเรียกร้องต่อทางการไทยดำเนินการ 5 ประเด็นประกอบดว้ย 1. ต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนกรณีการฆาตกรรม แบนิง ด้วยกระบวนการที่โปร่งใสและเป็นมืออาชีพ เพื่อค้นหาความจริงและนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้
2. เร่งผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ รวมทั้งดำเนินการยกเลิกการใช้กฎหมายพิเศษทั้ง 3 ฉบับในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ กฎอัยการศึก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และพ.ร.บ. ความมั่นคงภายใน อันเป็นกฎหมายที่พิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งใดๆ ในพื้นที่ อีกทั้งยังส่งเสริมใหเกิดวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิดของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างกว้างขวาง 3. รัฐไทยในฐานะที่เป็นรัฐภาคีภายใต้อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี ( CAT ) จะต้องดำเนินการด้วยมาตรการทาง นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถป้องปรามการทรมานและการกระทำที่โหดร้ายฯ ได้จริง
4. รัฐไทยจะต้องเยียวยาครอบครัวของรอนิง ทั้งทางร่างกาย จิตใจ เศรษฐกิจ และสังคม อย่างครอบคลุม อีกทั้งมีการขอโทษต่อครอบครัวรอนิง รวมถึงสาธารณชน และ 5. การละเลยในการดำเนินการใดๆ ของทางการไทยอาจแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติที่สวนทางกับการแสดงเจตจำนงที่จะให้ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
โดยมีรายละเอียดดังนี้
แถลงการณ์ร่วม กรณีการสังหาร “รอนิง ดอเลาะ” นักปกป้องสิทธิมนุษยชนมลายูมุสลิมและ ผู้เสียหายจากการทรมานหลังถูกควบคุมตัวด้วยกฎหมายพิเศษ
รอนิง ดอเลาะ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวมลายูมุสลิม และเหยื่อจากการทรมานจากการเคยถูกควบคุมตัวด้วยกฎหมายพิเศษ ถูกยิงสังหารด้วยอาวุธปืนเสียชีวิตที่บริเวณหน้าบ้านตัวเอง ในม.4 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา เพียงหนึ่งวันก่อนถึงวันต่อต้านการทรมานสากล (International Day in Support of Victims of Torture) ข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.15 น. ชายชุดดำ 2 คน ปิดบังใบหน้า เดินเท้ามาจากหลังบ้านรอนิง ก่อนจะใช้อาวุธปืนยิงใส่รอนิง ทำให้บริเวณลำตัวและใบหน้า ถูกกระสุนปืนยิงเข้าหลายนัด และเสียชีวิตทันทีในทีเกิดเหตุ
รอนิง ดอเลาะ หรือเป็นที่รู้จักในนาม “แบรอนิง” เคยถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงภายใต้กฎหมายพิเศษถึง 5 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2550-2560 ระหว่างการถูกควบคุมตัวแบรอนิง ถูกกระทำทรมานและปฏิบัติโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จากบันทึกการตรวจสอบกรณีทรมานฯที่กลุ่มด้วยใจได้จัดทำไว้ มีการบันทึกคำบอกเล่าของแบรอนิงถึงประสบการณ์การถูกทรมานที่ต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นการถูกซ้อมทรมานทำร้ายร่างกาย การขังในห้องเย็น การให้ยืนหลายวันติดต่อกัน รวมถึงการทรมานทางด้านจิตใจ ภายหลังจากประสบการณ์ที่เลวร้ายดังกล่าว ส่งผลให้แบรอนิงต้องเข้ารับการบำบัดทางด้านจิตสังคม (Psychosocial Support) โดยการแนะนำของกลุ่มด้วยใจ จนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเข้มแข็ง เวลาต่อมาแบรอนิงอาสาสมัครร่วมทำงานด้านสันติภาพและปกป้องสิทธิมนุษยชนร่วมกับกลุ่มด้วยใจต่อไป แบรอนิงเป็นกำลังสำคัญในการเป็นอาสาสมัครทำหน้าที่ประสานงานกับญาติ พูดคุยกับเหยื่อจากการถูกซ้อมทรมานจากการควบคุมตัวด้วยกฎหมายพิเศษในพื้นที่เช่นเดียวกับที่ตนเคยประสบมา เพื่อช่วยเหลือด้านการเยียวยาและฟื้นฟู นอกจากนี้ แบรอนิงยังได้เข้าเรียนหลักสูตรนวดแผนไทย คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี และทำงานเป็นผู้ช่วยแพทย์แผนไทยและหมอนวดแพทย์แผนไทยเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวอีกด้วย แบรอนิง เป็นพ่อของลูก 5 คน และเป็นผู้ดูแลเด็กกำพร้าอีก 3 คน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เด็กกว่า 8 ชีวิตต้องสูญเสียเสาหลักในครอบครัวอย่างโหดร้ายทารุณ
จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น มูลนิธิผสานวัฒนธรรมและองค์กรภาคประชาสังคม เห็นว่า เป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญอย่างยิ่ง และตอกย้ำสถานการณ์ความรุนแรงท่ามกลางปัญหาความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนใต้ภายใต้การประกาศใช้กฎหมายพิเศษมากว่า 20 ปี ที่ยังคงเลวร้ายและย่ำแย่ต่อไปดังกรณีการสังหารแบรอนิงซึ่งเป็นคนทำงานด้านสันติภาพและเป็นนักปกป้องสิทธิมนุษยชน กรณีดังกล่าวทำให้เกิดบรรยกาศความกลัวจากการคุกคามบุคคลใดที่ต้องการจะใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและการสร้างสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้และแสดงให้เห็นว่า เมื่อภาคประชาสังคมและกลไกตรวจสอบภาครัฐ ตรวจสอบการทรมานฯอย่างเข้มงวดมากขึ้น การใช้ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เปลี่ยนรูปแบบไปเป็นการสังหารนอกระบบกฎหมาย หรือที่ประชาชนทั่วไปใช้คำว่า “การวิสามัญฆาตกรรม”
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม และองค์กรภาคประชาสังคม ที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ทำงานด้านการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและการเข้าถึงความยุติธรรมของประชาชน ขอเรียกร้องให้ทางการไทยดำเนินการ ดังนี้
1. รัฐไทยต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนกรณีการฆาตกรรมแบนิง ดอเลาะ ด้วยกระบวนการที่โปร่งใสและเป็นมืออาชีพ เพื่อค้นหาความจริงและนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้
2. รัฐไทยต้องเร่งผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ตามที่รัฐบาลซึ่งอ้างว่าได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนได้แสดงเจตจำนงต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติสามัญครั้งที่ 78 ยืนยันว่าประเทศไทยพร้อมที่จะสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนร่วมกับสังคมโลก โดยรัฐบาลจะต้องดำเนินการยกเลิกการใช้กฎหมายพิเศษทั้ง 3 ฉบับในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ กฎอัยการศึก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และพ.ร.บ. ความมั่นคงภายใน อันเป็นกฎหมายที่พิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งใดๆ ในพื้นที่ อีกทั้งยังส่งเสริมใหเกิดวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิดของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างกว้างขวาง
3. การที่คนทำงานด้านสันติภาพ นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และผู้เสียหายจากการถูกทรมาน ถูกสังหารอย่างทารุณในบริเวณบ้านของตนเองที่มีภรรยาและครอบครัวอาศัยอยู่ เพียงหนึ่งวันก่อนวันต่อต้านการทรมานสากล บ่งบอกถึงสถานการณ์การทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมที่ย่ำแย่ในไทย รัฐไทยในฐานะที่เป็นรัฐภาคีภายใต้อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี ( CAT ) จะต้องดำเนินการด้วยมาตรการทาง นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถป้องปรามการทรมานและการกระทำที่โหดร้ายฯ ได้จริง
4. รัฐไทยจะต้องเยียวยาครอบครัวของรอนิง ดอเลาะ ทั้งทางร่างกาย จิตใจ เศรษฐกิจ และสังคม อย่างครอบคลุม อีกทั้งมีการขอโทษต่อครอบครัวรอนิง รวมถึงสาธารณชน อนึ่งการขอโทษต่อสาธารณชน หรือ Public Apology เป็นวิธีการและเครื่องมือทางสังคมอย่างหนึ่งที่สามารถนำมาใช้เพื่อแสดงความสำนึกผิด และประกาศเจตจำนงถึงความตั้งใจจริงของรัฐบาลที่ยอมรับว่ามีเหตุการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้นจริง เป็นอาชญากรรมที่รัฐบาลไม่อาจยอมรับได้ และปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้เป็นปัญหาสำคัญของประเทศที่รัฐบาลให้ความสำคัญที่จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาดังกล่าว
5. การละเลยในการดำเนินการใดๆ ของทางการไทยอาจแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติที่สวนทางกับการแสดงเจตจำนงที่จะให้ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
สุดท้าย โดยแถลงการณ์ฉบับนี้ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม และองค์กรภาคประชาสังคม ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งและขอส่งกำลังใจให้กับครอบครัว ญาติพี่น้องและมิตรสหายของแบรอนิง พวกเราจะไม่หยุดเรียกร้องความยุติธรรมให้กับแบรอนิง และทุกคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้
แถลง ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2567
1. มูลนิธิผสานวัฒนธรรม
2. สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.)
3. ศูนย์ปฏิบัติการร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาประชาชนบนพื้นที่สูง (ศปส.)
4. มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ (มพน.)
5. มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (มอส.)
6. สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.)
7. เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษ (JASAD)
(https://prachatai.com/journal/2024/07/109775)