วันเสาร์, เมษายน 13, 2567

ธุรกิจโรงแรมเชียงใหม่โอด ค่าแรงขั้นต่ำ ๔๐๐ ทำให้เกิดอาการลักลั่น เพิ่มภาระค่าใช้จ่ายต่อผู้ประกอบการมากขึ้น

สงกรานต์ยุคเศรษฐามาพร้อมกับค่าแรงขั้นต่ำ ๔๐๐ บาทต่อวัน ตามนโยบายหาเสียงพรรคเพื่อไทย แต่ด้วยเหตุที่เศรษฐามาด้วยวิธีพลิกแพลง (ข้ามขั้ว-ตระบัดสัตย์) สี่ร้อยบาทก็เลยมาเพียงชิมลาง เฉพาะกิจการโรงแรมไม่กี่แห่ง

ไม่เพียงประเภทโรงแรม ๔-๕ ดาว มีลูกจ้าง ๕๐ คนขึ้นไป ในพื้นที่ ๑๐ จังหวัดเท่านั้น แล้วยังไม่ใช่ทั้งจังหวัด กรุงเทพฯ เฉพาะเขตปทุมวันและวัฒนา กระบี่เฉพาะเขต อบต.อ่าวนาง ชลบุรีเฉพาะเขตเมืองพัทยา เชียงใหม่เฉพาะเขตเทศบาล

เช่นเดียวกับ ประจวบฯ เฉพาะเทศบาลหัวหิน พังงาเฉพาะเทศบาลตำบลคึกคัก ระบองเฉพาะเขตตำบลเพ สงขลาเฉพาะเขตเทศบาลหาดใหญ่ สุราษฎร์ฯ เฉพาะเขตเทศบาลเกาะสมุย มีแต่ภูเก็ตที่มีผลทั้งจังหวัด น่าจะเพราะเห็นว่า ร.ร.ใหญ่ๆ รับไหว

ที่ไหนได้ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่ออกมาโอดแล้ว ขอให้คณะกรรมการค่าจ้างฯ ทบทวนใหม่ได้ไหม “ธุรกิจโรงแรมก็มีลูกจ้างที่อัตราค่าแรงสูงกว่าขั้นต่ำอยู่แล้ว เมื่อคำนวณจากขั้นต่ำทำให้รายจ่ายเพิ่มขึ้น” นายศุภมิตร กิจจาพิพัฒน์ บ่น

“การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเพิ่งประกาศเมื่อมกราคม เชียงใหม่ก็เพิ่งปรับขึ้นไปแล้ว ๑๓%” นี่เจอวันละ ๔๐๐ บาทอีก “แถมไม่รวมค่าสวัสดิการและเซอร์วิชช้าร์ท ทำให้ภาคธุรกิจต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น...ซ้ำการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวมากนัก...

สงกรานต์ปีนี้ยอดจองมาประมาณ ๗๐% เท่านั้น แล้วการกำหนดเฉพาะบางพื้นที่ทำให้ไม่เท่าเทียม” อ้าว ก็เลขานายกฯ คุยอยู่หลัดๆ ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทยตอนนี้เหยียบ ๑๐ ล้านแล้วไง ทางออกของพวก ร.ร.ที่รับค่าใช้จ่ายเพิ่มไม่ไหว ก็คือขึ้นราคา

แต่นายศุภมิตรบอกว่า “การปรับขึ้นค่าที่พักโรงแรมขณะนี้ยังทำไม่ได้เพราะโรงแรมต้องส่งราคาให้เอเย่นต์รายปี ถ้าจะปรับต้องรอรอบส่งราคาปีหน้า” ฤๅจะเป็นด้วยรัฐบาลคิดเรื่องนี้มาดีแล้ว ว่าผู้ประกอบการปรับตัวกันไม่ทันหรอก ซื้อเวลาได้ถึงปีหน้า

งานนี้แทนที่จะได้เฮกันทั้งประเทศ กลับมีอันเกิดอาการลักลั่น เช่นเดียวกับที่เกิดมาแล้วในนโยบายอื่นๆ ที่มุ่งให้เจิดจ้าทันตาเห็น ทว่าไม่ได้เตรียมการรองรับอย่างพร้อมมูลเอาไว้ แทบทุกอย่างใช้วิธี ขายผ้าเอาหน้ารอด มันจึงลุ่มดอนๆ อยู่เสมอ

(https://twitter.com/ThaiPBS/status/1779012743816741282 และ https://www.komchadluek.net/news/economic/572831)