เรื่องเล่าเช้านี้ @MorningNewsTV3
กรรมกรข่าว คุยนอกจอ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาฯก้าวไกล กล่าวถึงการเสนอแก้กฎหมาย ม.112 ว่า เรายังเชื่อว่าการปรับปรุงแก้ไข ม.112 ให้ดีขึ้นเป็นประโยชน์ต่อสังคมประชาธิปไตยสมัยใหม่ของไทยในปัจจุบัน และต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในระยะยาว ที่ผ่านมาหลายฝ่ายที่คัดค้านอย่างรุนแรง อาจจะไม่ได้เข้าใจในเนื้อหาของกฎหมายเป็นอย่างไร หรือไม่ได้มองเป็นกฎหมาย แต่เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ เรายังยืนยันว่า การที่จะธำรงรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ในสังคมประชาธิปไตยสมัยใหม่ระยะยาว มันจะต้องมีการปรับให้เข้ากับยุคสมัย และที่สำคัญ การที่จะให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะ จะต้องช่วยกันทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ ออกจากความขัดแย้งทางการเมือง
.....
Pipob Udomittipong
17h·
สรยุทธ: อยากฝากบอกอะไรกับประชาชน?
เลขาต๋อม: เราจะพยายามเต็มที่มากสุด ที่จะรับผิดชอบต่อความไว้วางใจ และเสียงที่ประชาชนมอบให้
สรยุทธ: จะไม่ทำทุกอย่างเพื่อให้เป็นรัฐบาล? เป็นฝ่ายค้านจะตายมั้ย?
เลขาต๋อม: ไม่ตายหรอกครับ ผมคิดว่าเราอยู่ตรงไหนเราก็สามารถผลักดันการเปลี่ยนแปลงได้ แต่เมื่อไรที่เรากลายเป็นแค่พรรคการเมืองที่ทำทุกอย่างเพื่อไห้ได้อำนาจ จะทำให้เราไม่มีความหมาย
กรรมกรข่าว คุยนอกจอ 5 กรกฎาคม 2566
https://youtu.be/v2dJHXatGKI
.....
Tawan Ten
14h·
การยอมถอยตำแหน่งประธานสภาฯของก้าวไกล ในสายตาหลายคน(โดยเฉพาะนักการเมืองรุ่นลายคราม) มองว่า เป็นการเดินหมากที่ผิดพลาด เพราะขาดความ “เก๋า”
บางคนมองข้ามช็อตไปอีกว่า จะแพ้ทั้งกระดาน คือ ชวดตำแหน่งนายกฯด้วย และอาจถึงขั้นกระเด็นเป็นฝ่ายค้าน
ไม่แปลกที่พวกเขาจะคิดเช่นนี้ เพราะคนพวกนี้เติบโตมาในโลกการเมืองแบบเก่า การเมืองที่เชื่อว่า ประชาชนมีอำนาจสูงสุดแค่ก่อนการเลือกตั้ง
การเมืองที่ต้องใช้เล่ห์เพทุบายทุกทาง(เรียกให้ดูดี ว่า การเจรจาต่อรอง) บางครั้งต้องยอมหรี่ตา หรือหลับตาให้กับคำว่า “อุดมการณ์” / “หลักการ” เพียงเพื่อให้ได้อำนาจรัฐ
อุดมการณ์+จุดยืน เป็นเรื่องเพ้อฝัน ของนักการเมืองปากคาบจุกนม ที่มีอยู่อุดมในพรรคก้าวไกล
ผมคิดว่า เสียงเย้ยหยันเหล่านี้ บั่นทอนความเชื่อมั่น ในแนวทางการทำการเมืองของก้าวไกล ไม่ได้หรอก
จากปี 2562 ถึง 2566 คะแนนเสียงที่เพิ่มขึ้นจาก 6 ล้านกว่าเป็น 14 ล้านกว่า พิสูจน์อยู่แล้วว่า คือ แนวทางที่ถูกต้อง
ขอให้เดินหน้าทำการเมือง แบบไม่โชว์ “เก๋า”เพื่ออำนาจและพวกพ้อง
แต่โชว์ “กึ๋น” เพื่อแก้ปัญหา+สร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับประเทศและประชาชนต่อไป
.....
Atukkit Sawangsuk
14h·
การยอมถอยตำแหน่งประธานสภาฯของก้าวไกล ในสายตาหลายคน(โดยเฉพาะนักการเมืองรุ่นลายคราม) มองว่า เป็นการเดินหมากที่ผิดพลาด เพราะขาดความ “เก๋า”
บางคนมองข้ามช็อตไปอีกว่า จะแพ้ทั้งกระดาน คือ ชวดตำแหน่งนายกฯด้วย และอาจถึงขั้นกระเด็นเป็นฝ่ายค้าน
ไม่แปลกที่พวกเขาจะคิดเช่นนี้ เพราะคนพวกนี้เติบโตมาในโลกการเมืองแบบเก่า การเมืองที่เชื่อว่า ประชาชนมีอำนาจสูงสุดแค่ก่อนการเลือกตั้ง
การเมืองที่ต้องใช้เล่ห์เพทุบายทุกทาง(เรียกให้ดูดี ว่า การเจรจาต่อรอง) บางครั้งต้องยอมหรี่ตา หรือหลับตาให้กับคำว่า “อุดมการณ์” / “หลักการ” เพียงเพื่อให้ได้อำนาจรัฐ
อุดมการณ์+จุดยืน เป็นเรื่องเพ้อฝัน ของนักการเมืองปากคาบจุกนม ที่มีอยู่อุดมในพรรคก้าวไกล
ผมคิดว่า เสียงเย้ยหยันเหล่านี้ บั่นทอนความเชื่อมั่น ในแนวทางการทำการเมืองของก้าวไกล ไม่ได้หรอก
จากปี 2562 ถึง 2566 คะแนนเสียงที่เพิ่มขึ้นจาก 6 ล้านกว่าเป็น 14 ล้านกว่า พิสูจน์อยู่แล้วว่า คือ แนวทางที่ถูกต้อง
ขอให้เดินหน้าทำการเมือง แบบไม่โชว์ “เก๋า”เพื่ออำนาจและพวกพ้อง
แต่โชว์ “กึ๋น” เพื่อแก้ปัญหา+สร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับประเทศและประชาชนต่อไป
.....
Atukkit Sawangsuk
16h·
ว่าถึงข้อตกลง 4 ข้อ โดยเฉพาะข้อ 4
ที่เพื่อไทยโดนก้าวไกล “จับมือเซ็น”
อันที่จริงมันก็เป็นความต้องการร่วมกันนั่นแหละ
แต่สะท้อนวิธีคิดที่แตกต่าง
ระหว่างการเมืองแบบก้าวไกลท้าชน
กับ “สู้มาก่อน อาบน้ำร้อนมาก่อน”
:
พรบ.กลาโหม จะแก้กันตั้งแต่รัฐบาลสมัคร ยิ่งลักษณ์ แต่ไม่สำเร็จ โดนโค่น
พรบ.กฎอัยการศึก ก็อันนี้แหละที่ประยุทธ์ใช้ยึดอำนาจยิ่งลักษณ์ ต้องแก้ให้เป็นอำนาจ ครม.
พรบ.ความมั่นคง ยุบ กอ.รมน. รัฐซ้อนรัฐ
เพื่อไทยคัดค้านตรงไหน ไม่หรอก
เพียงแต่อาบน้ำร้อนมาก่อนจนขยาด
:
นิรโทษการแสดงออกทางการเมือง
ชัดตั้งแต่ต้นว่าไม่เกี่ยวทักษิณ
แต่อันนี้ถ้าเข้าใจคนแบบพี่อ้วน หมอมิ้ง (หรือสุทิน)
ก็รู้ว่า ต่อให้แลนด์สไลด์เป็นรัฐบาล
เขาก็ตระหนักว่าจะเป็นรัฐบาลโดยเมินเฉยปล่อยเด็กติดคุกไม่ได้
แต่วิธีคิดวิธีการของเขาคือ
เข้าไปเจรจาต่อรอง ไม่ต้องแก้ 112 ไม่ต้องออกกฎหมายนิรโทษ (โดยเฉพาะนิรโทษ 112) แต่หวังต่อรองทำดีลแบบ กราบวิงวอนให้เรื่องจบๆ ปล่อยเด็ก แล้วรัฐบาลเพื่อไทยจะแสดงฝีมือแก้ปากท้อง คนรุ่นใหม่อนาคตสดใส ไม่มีม็อบอีก
(บลาบลาบลา)
:
แต่เพราะเหตุนี้ เขาจึงแพ้เลือกตั้ง
วิถีการเมืองเพื่อไทยคือ มอบอำนาจให้เรา แล้วเราจะเข้าไปเจรจาต่อรอง อย่างผู้มีประสบการณ์ มีวุฒิภาวะ
แต่คนไม่ซื้อ
ว่าถึงข้อตกลง 4 ข้อ โดยเฉพาะข้อ 4
ที่เพื่อไทยโดนก้าวไกล “จับมือเซ็น”
อันที่จริงมันก็เป็นความต้องการร่วมกันนั่นแหละ
แต่สะท้อนวิธีคิดที่แตกต่าง
ระหว่างการเมืองแบบก้าวไกลท้าชน
กับ “สู้มาก่อน อาบน้ำร้อนมาก่อน”
:
พรบ.กลาโหม จะแก้กันตั้งแต่รัฐบาลสมัคร ยิ่งลักษณ์ แต่ไม่สำเร็จ โดนโค่น
พรบ.กฎอัยการศึก ก็อันนี้แหละที่ประยุทธ์ใช้ยึดอำนาจยิ่งลักษณ์ ต้องแก้ให้เป็นอำนาจ ครม.
พรบ.ความมั่นคง ยุบ กอ.รมน. รัฐซ้อนรัฐ
เพื่อไทยคัดค้านตรงไหน ไม่หรอก
เพียงแต่อาบน้ำร้อนมาก่อนจนขยาด
:
นิรโทษการแสดงออกทางการเมือง
ชัดตั้งแต่ต้นว่าไม่เกี่ยวทักษิณ
แต่อันนี้ถ้าเข้าใจคนแบบพี่อ้วน หมอมิ้ง (หรือสุทิน)
ก็รู้ว่า ต่อให้แลนด์สไลด์เป็นรัฐบาล
เขาก็ตระหนักว่าจะเป็นรัฐบาลโดยเมินเฉยปล่อยเด็กติดคุกไม่ได้
แต่วิธีคิดวิธีการของเขาคือ
เข้าไปเจรจาต่อรอง ไม่ต้องแก้ 112 ไม่ต้องออกกฎหมายนิรโทษ (โดยเฉพาะนิรโทษ 112) แต่หวังต่อรองทำดีลแบบ กราบวิงวอนให้เรื่องจบๆ ปล่อยเด็ก แล้วรัฐบาลเพื่อไทยจะแสดงฝีมือแก้ปากท้อง คนรุ่นใหม่อนาคตสดใส ไม่มีม็อบอีก
(บลาบลาบลา)
:
แต่เพราะเหตุนี้ เขาจึงแพ้เลือกตั้ง
วิถีการเมืองเพื่อไทยคือ มอบอำนาจให้เรา แล้วเราจะเข้าไปเจรจาต่อรอง อย่างผู้มีประสบการณ์ มีวุฒิภาวะ
แต่คนไม่ซื้อ