วันอาทิตย์, กรกฎาคม 02, 2566

สูตรพิธาโหวตไม่ผ่านให้เศรษฐา ถ้าเกิดขึ้นก็แค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่จะมีปัญหาอีกเยอะตามมา จึงไม่ควรให้เกิด ควรรวมพลังทั้งสังคมต่อสู้ให้ถึงที่สุดแล้วถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาลก็เป็นฝ่ายค้านด้วยกัน

https://www.facebook.com/baitongpost/posts/6437305263017915?ref=embed_post
Atukkit Sawangsuk
1d
·
พิธาไม่ผ่านให้เศรษฐา?
............................................
(แฟนเพื่อไทยอย่าเพิ่งดีใจไป ถ้ามันเป็นจริงก็ทุกขลาภ)
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7742188
.......................................
สะพัด “ดีลใหม่” เพื่อไทยยอมให้ก้าวไกลเป็นประธานสภา แต่ถ้าพิธาไม่ผ่านด่าน 250 ส.ว. ขอโอกาสเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
:
ปัดโธ่ ไม่ใช่ดีลใหม่อะไรหรอก ถ้าสถานการณ์ไปถึงขั้นนั้น ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว สมมติ 8 พรรคเสนอชื่อพิธา รอบแรก รอบสอง รอบสาม 250 ส.ว.ยังดันทุรัง โดยสปิริต พิธาก็คงถอนตัว เปิดทางให้เพื่อไทยตั้งรัฐบาล
:
เพียงแต่มันคงไม่ง่ายปานนั้น เพราะถ้าเสนอชื่อพิธาไม่ผ่าน ประชาชนคงลุกฮือ พลังทางสังคมแทบทุกด้าน จะออกมาประณาม รุมกระหน่ำ รุกไล่ 250 ส.ว.
:
อ้างว่าคนไปเลือกตั้ง 40 ล้าน ก้าวไกลได้ 14.4 ล้าน ไม่ใช่เสียงข้างมาก แล้ว 250 คนนับเป็นเท่าไหร่ใน 40 ล้าน ขี้ฝุ่นยังไม่ใช่ด้วยซ้ำ ทำไมมีเสียงเท่าประชาชน 20 ล้าน
:
ฉะนั้นกว่าจะไปถึงจุดพิธาถอย ก็ต้องสู้กันให้ถึงที่สุด ยกหนึ่ง ยกสอง ยกสาม อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แล้วจะโทษใคร โทษพิธาทำไมไม่ถอยตั้งแต่แรก?
:
จะให้ยอมรับกติกาหน้าด้าน? หรือควรเรียกกติโกงมากกว่า รัฐประหารสืบทอดอำนาจตั้ง ส.ว.มาโหวตตัวเอง ขัดขวางคนอื่น ตั้ง สนช. ส.ว. มาโหวตเลือก กกต. คุมเลือกตั้ง ขนาดนั้นยังแพ้ถล่มทลาย 8 พรรคได้ 26.6 ล้านเสียง เกิน 70% ของบัตรที่นับคะแนน
:
นี่ถ้าเป็นประเทศอื่น ป่านนี้มีรัฐบาลบริหารประเทศไปแล้ว ไม่ต้องให้ภาคธุรกิจมาโอดครวญ ไม่ต้องมาทนฟังคนแพ้เลือกตั้งย่อยยับที่จะเป็นอดีตนายกฯ อวดอ้างผลงาน
:
แต่นี่เราต้องมารอ กกต.งุ่มง่าม รับรองผลเลือกตั้ง ต้องอารมณ์เสียกับนักร้อง “นิติสงคราม” ตั้งแง่จุกจิก หาว่าถือหุ้นสื่อทั้งที่ไม่ใช่สื่อ ทั้งที่ไม่มีอำนาจบงการ ผู้มีอำนาจบงการเป็นคู่ขัดแย้งขั้วตรงข้าม แต่จะเล่นแง่ซะอย่าง นั่นก็ผิดนี่ก็ผิด ทั้งที่ได้รับเลือกจากประชาชนอย่างขาวสะอาด
............................................
ก้าวไกลไม่ได้กระสันอยากเป็นรัฐบาลจนตัวสั่นหรอก แต่เมื่อได้ฉันทามติ เป็นพรรคอันดับหนึ่ง ภายใต้เจตนารมณ์ของประชาชนต้องการให้พรรคฝ่ายค้านตั้งรัฐบาลร่วมกัน
:
ก้าวไกลก็มีภารกิจที่ต้องเดินหน้าท้าชน 250 ส.ว. เพื่อทวงอำนาจชอบธรรมของประชาชน นั่นสำคัญกว่าเป็นนายกฯ เป็นรัฐบาล
:
ถ้าสู้ถึงที่สุดแล้วยังถูกขวาง ด้วยข้ออ้างแก้ 112 ด้วยการปลุกปั่น กระจายอำนาจ=แบ่งแยกดินแดน ด้วยการใช้องค์กรอยุติธรรม
:
พิธา ก้าวไกล ก็พร้อมที่จะไม่ได้เป็นนายกฯ ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ได้พลังของประชาชนที่ถูกทำลายความหวัง ซึ่งอาจจะมากกว่า 14.4 ล้านไปเยอะ
:
โดยไม่จำเป็นต้องรอ 4 ปี เพราะการต่อสู้ทางความคิดการปะทะทางอำนาจเกิดขึ้นได้ทุกวัน
...............................................
ในมุมกลับกัน ถ้าก้าวไกลถอย ให้เพื่อไทยตั้งรัฐบาล ก็จะเป็นทุกขลาภ สร้างความลำบากใจให้เพื่อไทยและเศรษฐา ซึ่งวางตัวเป็นสุภาพบุรุษมาตลอด จนเชื่อได้ว่าถ้าพิธาไม่ถอยเอง เศรษฐาไม่มีทางยอมรับ
:
แต่สมมติก้าวไกลถอยแล้วไง ก็ยกให้เพื่อไทยตั้งรัฐบาล จะดึงก้าวไกลร่วมหรือจะดึงใครร่วมก็ตามแต่เพื่อไทย จะเป็น 8 พรรคเดิมหรือล้างไพ่ ก็ต้องเจรจากันใหม่หมด
:
โดยสปิริต “คลุมถุงชน” ก้าวไกลก็ต้องหนุนเพื่อไทยไว้ก่อน แต่ถ้าเขย่าสูตรใหม่ ไปดึงพรรคป้อม “มีลุงไม่มีเรา” ก้าวไกลก็ต้องถอนตัว (และอาจไม่โหวตให้) หรือถ้าจะเอาพรรคดูด ก้าวไกลก็มีสิทธิจะบอกว่าไม่อยากแปดเปื้อน ฯลฯ
.....................................
ต่อให้เป็น 8 พรรคเดิม ก็ต้องเจรจากันใหม่หมด จะใช้ MOU เดิมไหม จะจัดสรรตำแหน่งอย่างไร เพื่อไทย 13+1 แล้วก้าวไกล 15 ไหม
ก้าวไกลต้องการมหาดไทยเพื่อกระจายอำนาจ ต้องการกลาโหมเพื่อปฏิรูปกองทัพ ต้องการคุมคลังเพื่อรื้อระบบงบประมาณฐานศูนย์ เพื่อไทยยังจะเอาเงินหมื่นดิจิทัลหรือไม่
เพื่อไทยเป็นนายกฯ ยังจะหนุนปฏิรูปกองทัพ เลือกตั้งผู้ว่าฯ ปฏิรูปการศึกษา ทลายทุนผูกขาด ฯลฯ อย่างที่ประชาชนตั้งความหวังไว้กับพิธาหรือไม่
:
ไม่ใช่เรื่องง่ายหรอก ที่พรรคซึ่งได้คะแนนนิยมอันดับสองจะขึ้นมาครองตำแหน่งนายกฯ โดยพรรคอันดับหนึ่งอยู่ในสถานะเป็นรอง
ถ้าเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรคแล้วพรรคอันดับสองมีเพื่อนมากกว่า ก็ถือว่าเป็นไปตามกระบวนการ แต่ถ้าเป็นเพราะ 250 ส.ว.ไม่ยอมรับพรรคอันดับหนึ่งไปโหวตให้พรรคอันดับสอง มันก็จะลักลั่นพิกลพิการ
............................................
ซ้ำร้ายยังจะเกิดความไม่ไว้วางใจกันเอง สมมติเพื่อไทยได้ ส.ว.โหวตครบ
อ้าว ทำไมพิธาได้ไม่ครบ ส.ว.ก็มาจากรัฐประหารสืบทอดอำนาจ ที่เกลียดชังระบอบทักษิณทั้งนั้น
:
พึงระวังความไม่ไว้วางใจ ความน้อยอกน้อยใจ อารมณ์ค้างหลังเลือกตั้ง ของมวลชนทั้งสองพรรค ที่ส่วนหนึ่งก็เกิดโดยธรรมชาติ จากทัศนะและเป้าหมายที่แตกต่าง อีกส่วนก็เกิดจากการปลุกปั่น เหยียดหยาม คับแค้น เกลียดชัง จนทำลายพลังของกันและกัน
:
จนน่าคิดว่า ถ้าพิธาโหวตไม่ผ่านรอบแรก พลังสังคมฮือไล่ 250 ส.ว. กองเชียร์เพื่อไทยบางส่วนก็อาจวางเฉย ทำไมต้องสู้เพื่อพิธา? ทั้งที่สู้กับระบอบประยุทธ์มาด้วยกัน
..........................................
สูตรพิธาโหวตไม่ผ่านให้เศรษฐา ถ้าเกิดขึ้นก็แค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่จะมีปัญหาอีกเยอะตามมา จึงไม่ควรให้เกิด ควรรวมพลังทั้งสังคมต่อสู้ให้ถึงที่สุดแล้วถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาลก็เป็นฝ่ายค้านด้วยกัน
:
ถ้ามันจำเป็นจริงๆ ก็ต้องเป็นรัฐบาล 8 พรรค จนถึงพฤษภา 67 ซึ่ง 250 ส.ว.ครบวาระ เศรษฐาแสดงสปิริตลาออก ให้สภาโหวตพิธาเป็นนายกฯ แล้วหลังร่างรัฐธรรมนูญใหม่สำเร็จ พิธาก็ยุบสภา
:
อย่างนั้นจะสง่างามทั้งคู่