วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 13, 2566

ก้าวไกล ชี้กระบวนการโหวตนายกฯ ยังเดินหน้าต่อ "วันพรุ่งนี้ จะเป็นโอกาสและทางแยกของสังคมไทยว่า เราจะวนกลับไปสู่การเมืองที่ไม่เห็นหัวประชาชนเหมือนเดิม หรือจะเป็นโอกาสที่เราจะคืนความปกติให้กับระบอบประชาธิปไตยของไทยและพาประเทศไทยไปข้างหน้า ผู้อำนาจมีโอกาสที่จะเลือก และผมเชื่อว่าคราวนี้ประชาชนจะไม่ยอม" ชัยธวัช ตุลาธน

นายชัยธวัช แถลงข่าว โดยมี ส.ส. พรรคก้าวไกลยืนอยู่เคียงข้าง

ก้าวไกล ชี้กระบวนการโหวตนายกฯ ยังเดินหน้าต่อ

ภายหลัง กกต. มีมติดังกล่าว นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงหลังเสร็จสิ้นการประชุมสภาฯ ว่า มติของ กกต. ส่งกรณีถือหุ้นไอทีวีของนายพิธาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เป็นการกระทำที่ขัดต่อระเบียบของ กกต. เอง จากการอ้างกรณีคำวินิจฉัยกรณีเงินกู้พรรคอนาคตใหม่

เขาชี้ว่า ข้อกฎหมายและกระบวนการไม่สามารถเทียบเคียงกันได้ อีกทั้งหาก กกต. เห็นว่า ส.ส. ที่ได้รับเลือกตั้งขาดคุณสมบัติ ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 (และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม) ก็มีกระบวนการรองรับที่ชัดเจนว่า ต้องดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้นายพิธาชี้แจงข้อกล่าวหา ตามระเบียบดังกล่าว

เลขาธิการพรรคก้าวไกล ยังตั้งข้อสังเกตถึงความรีบเร่งของ กกต. ที่มีมติตอนเช้า ก่อนส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญที่จะมีประชุมช่วงบ่าย เพื่อให้วินิจฉัยก่อนการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) และอ้างด้วยว่า ทราบข้อมูลว่า กกต. ได้เรียกผู้บริหารไอทีวีเข้าไปชี้แจง ซึ่งผู้บริหารไอทีวียืนยันว่า ไม่ได้ดำเนินธุรกิจสื่อ แต่เหตุใดจึงอ้างเหตุผลหลายข้อที่ไม่ให้นายพิธา เข้าไปชี้แจงกรณีนี้

"กกต. ใช้หลักฐานอะไรที่นำไปสู่ข้อสรุปที่ทำให้ กกต. เชื่อว่า พิธามีความผิดตามที่ได้ยื่นคำร้องจริง"

นอกจากนี้ นายชัยธวัช กล่าวยืนยันว่า กระบวนการส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญของ กกต. ไม่กระทบต่อการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) เพราะเป็นกระบวนการคนละส่วนกัน แต่เชื่อว่ามีบางฝ่ายพยายามใช้กรณีนี้ในการอ้างเหตุผลไม่โหวตให้นายพิธา เป็นนายกฯ และอ้างว่าตนเองไม่จำเป็นต้องฟังเสียงของประชาชน

"ผมเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นเหตุที่ทำให้เกิดการเลื่อนการโหวตนายกรัฐมนตรี และเชื่อมั่นว่าประธานรัฐสภาจะมีหลักที่ชัดเจน" ชัยธวัช กล่าว

เลขาธิการพรรคก้าวไกล ยังเชื่อว่าจะมีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มากเพียงพอ ที่มีสติ มีความเป็นธรรม มีวิจารณญาณที่เห็นว่าข้อกล่าวหากรณีหุ้นไอทีวียังไม่สามารถสรุปว่า นายพิธามีความผิด

"วันพรุ่งนี้ จะเป็นโอกาสและทางแยกของสังคมไทยว่า เราจะวนกลับไปสู่การเมืองที่ไม่เห็นหัวประชาชนเหมือนเดิม หรือจะเป็นโอกาสที่เราจะคืนความปกติให้กับระบอบประชาธิปไตยของไทยและพาประเทศไทยไปข้างหน้า ผู้อำนาจมีโอกาสที่จะเลือก และผมเชื่อว่าคราวนี้ประชาชนจะไม่ยอม" นายชัยธวัช ทิ้งท้าย

พิธาชี้ "มีความพยายามสกัดกั้นรัฐบาลเสียงข้างมาก"

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล กล่าวภายหลัง กกต. มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยคุณสมบัติ กรณีการถือครองหุ้นไอทีวีว่า "กระบวนการทั้งหมดเป็นเรื่องน่าสงสัย" และ "รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม" ในกรณีที่ กกต.ไม่ดำเนินการตามกระบวนการให้ชี้แจงข้อกล่าวหา ภายหลัง กกต. มีมติเพียงหนึ่งวันก่อนการลงมติเลือกนายกฯ ในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.)

พิธา ชี้ว่า ไม่ว่าจะเป็นความพยายามเลื่อนการลงมติเลือกนายกฯ หรือความพยายามอ้างข้อบังคับสภาว่า การเสนอชื่อนายกฯ เพื่อลงมติทำได้เพียงครั้งเดียวทั้งที่รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดไว้ เป็นความตั้งใจฝืนรัฐธรรมนูญเพื่อสกัดการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก

"ผมต้องบอกว่า มีความพยายามที่จะสกัดกั้นรัฐบาลเสียงข้างมากของพี่น้องประชาชนที่จะเข้าสู่การบริหารประเทศในหลายรูปแบบ" นายพิธา กล่าว

ส่วนการโหวตนายกรัฐมนตรีของรัฐสภาในวันที่ 13 ก.ค. นายพิธายืนยันว่าจะยังดำเนินต่อไป

"ผมเป็นแคนดิเดตนายกฯ ยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้น คุณจะสั่งผมหยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้อย่างไร"


"ผมเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นเหตุที่ทำให้เกิดการเลื่อนการโหวตนายกรัฐมนตรี และเชื่อมั่นว่าประธานรัฐสภาจะมีหลักที่ชัดเจน" ชัยธวัช กล่าว

ช่วงเช้า วันที่ 12 ก.ค. พรรคก้าวไกล เผยแพร่แถลงการณ์ที่ส่งต่อสื่อมวลชน ระบุถึงการให้ข้อมูลของนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กรณีการส่งเรื่องถือหุ้นสื่อไอทีวีให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่าเป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง

แถลงของก้าวไกล ระบุว่า ตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 (และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม) กำหนดไว้ว่า กรณีที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของ กกต. พิจารณาแล้วเห็นว่ามีพยานหลักฐานสนับสนุนพอฟังได้ว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ย่อมต้องดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาตามระเบียบ และเปิดโอกาสให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ชี้แจงข้อกล่าวหาตามข้อ 57 และข้อ 58 แห่งระเบียบฉบับเดียวกัน แต่กลับไม่มีกระบวนการดังกล่าวต่อนายพิธา แต่อย่างใด


นายพิธา ปราศรัยขอบคุณประชาชนหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์

"การที่ กกต. จะเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยอ้างว่า เห็นว่ามีหลักฐานสนับสนุนเพียงพอ โดยยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา และไม่เปิดโอกาสให้มีการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าเป็นเพียงการตรวจสอบข้อเท็จจริงเท่านั้น จึงไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดไว้ กรณีจึงเท่ากับว่า กกต. ปฏิบัติตามระเบียบแต่เพียงบางส่วน และจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่ตนได้ตราขึ้น อันอาจเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้" แถลงการณ์ของพรรคก้าวไกล ที่ส่งต่อสื่อมวลชนเมื่อเวลา 10.46 น. ระบุ

แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า คดีหุ้นไอทีวี ไม่อาจนำกรณีตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 5/2563 หรือคดีเงินกู้ยุบพรรคอนาคตใหม่มาเทียบเคียงกับข้อเท็จจริงคดีนี้ได้ เพราะเงินกู้ยุบพรรคอนาคตใหม่ เป็นการวินิจฉัยภายใต้มาตรา 93 ของ พ.ร.บ. พรรคการเมือง 2560 ซึ่งมีการนำระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 มาใช้บังคับโดยอนุโลม จึงไม่อาจนำแนวทางการตีความของศาลรัฐธรรมนูญในคดีดังกล่าวมาใช้บังคับแก่กรณีของพิธา ที่เป็นการยื่นคำร้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ประกอบมาตรา 101 (6) และมาตรา 98 ได้

ที่มา บีบีซีไทย
ส่วนหนึ่งของบทความ