วันพุธ, มกราคม 18, 2566

การเมืองแบบ Dynastic Politics ในไทย น่าห่วง-น่าเบื่อ คงจบด้วยรัฐประหารและลี้ภัยทางการเมือง


Pavin Chachavalpongpun
18h ·

ว่ากันตามตรง ไอ้ dynastic politics หรือการเมืองแบบเอาคนในครอบครัวมาสืบทอดอำนาจกันนั้น ในส่วนหนึ่งก็ไม่ต่างจาก monarchic politics เพราะการเมืองที่ตั้งบนระบอบกษัตริย์ ก็มาจากการสืบต่ออำนาจทางสายเลือด จะต่างกันอย่างเดียวก็คือ ประชาชนมีสิทธิเลือกว่าจะเอาหรือไม่เอาใครในระบอบ dynastic แต่เราไม่สามารถปฏิเสธผู้สืบทอดอำนาจในระบอบกษัตริย์
...ที่บอกว่ามันคล้ายกันนั้น ก็ด้วยเหตุผลหลายประการ อาทิ 1) การใช้อำนาจ/อิทธิพลทางการเมืองที่รุ่นพ่อ/แม่สร้างไว้ เอามาหากินทางการเมืองต่อในรุ่นลูก 2) การผูกขาดอำนาจทางการเมือง และ 3) การขอยืมบารมี/ความชอบธรรมจากรุ่นพ่อ/รุ่นแม่ เพื่อใช้เป็นแต้มต่อทางการเมือง อย่างที่เราเห็นในกรณีทักษิณ-สมชาย-ยิ่งลักษณ์-อุ้งอิ้ง หรือในกรณีของตระกูลศิลปอาชา อัศวเหม ชิดชอบ ฯลฯ จนทำให้เราสงสัยว่า ประเทศนี้ไร้ซึ่งคนมีศักยภาพที่ไม่ใช่คนที่มาจากครอบครัวนักการเมืองหรือ ข้อเสียของ dynastic politics มันมีอยู่มาก อาทิ การเอาผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้งเพื่อรักษาอิทธิพลในครอบครัวให้อยู่ต่อ การใช้ทางลัดในการชนะทางการเมืองโดยอาศัยชื่อเสียงของครอบครัว สิ่งที่เกิดขึ้นในไทยมันไม่ได้ยูนิคอะไร ที่อื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็มี เช่นในฟิลิปปินส์ (ตระกูล Aquino Marcos Macapagal) ในอินโดนีเซีย (ตระกูลซูการ์โน) ในสิงคโปร์ (ตระกูลลี) หรือในพม่า (ตระกูลอองซาน) ที่พูดมานี่ เพื่อจะบอกว่า เราต้องทนกับ dynastic politics ต่อไป ประเทศมันวนลูป ทั้งการขึ้นสู่อำนาจและการลงจากอำนาจ ไม่แปลกใจเลยที่อุ้งอึ้งจะเป็นนายก และปิดท้ายด้วยรัฐประหารและลี้ภัยทางการเมือง Oh - I'm yawning...