วันจันทร์, พฤศจิกายน 14, 2565

เสวนา “112 กับ สถาบันกษัตริย์ : 1 ทศวรรษเพื่อการทบทวน" โดย วรเจตน์ ภาคีรัตน์

#ยกเลิก112 #ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์
112 กับ สถาบันกษัตริย์ : 1 ทศวรรษเพื่อการทบทวน

Prachatai 
Streamed live 16 hours ago

เสวนา “112 กับ สถาบันกษัตริย์ : 1 ทศวรรษเพื่อการทบทวน" โดย วรเจตน์ ภาคีรัตน์ 

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2565 เวลา 13.00-16.00 น. ณ ห้องพูนศุข วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ 
.
13.00 น. พิธีกรนำเข้าสู่รายการ 
13.10 น. กล่าวเปิดงานโดย คณบดีวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ 
13.20 น. เกริ่นนำโดย ไอดา อรุณวงศ์ ประธานมูลนิธิสิทธิอิสรา 
13.30 น. การบรรยายโดย วรเจตน์ ภาคีรัตน์ 
15.00 น. พักเบรก, ผู้ฟังส่งคำถาม 
15.15 น. ช่วงตอบคำถาม ดำเนินรายการโดยมุทิตา เชื้อชั่ง กรรมการมูลนิธิสิทธิอิสรา
16.00 น. ปิดงาน 


.....
Thanapol Eawsakul
14h

ฟังอาจารย์วรเจตน์พูดถึงบทบาทพรรคการเมืองต่อกรณี 112
ทั้งที่อาจารย์ วรเจตน์เห็นว่าพรรคการเมืองสำคัญที่สุดในการแก้ 112 เพราะเป็นแนวหน้าในการแก้ในสภา
( กฎหมายต้องแก้ในสภาและนักการเมืองเท่านั้นที่อยู่ในสภา)
แต่พอมาถึงข้อเรียกร้องต่อพรรคการเมือง ผมคิดว่า อาจารย์วรเจตน์เรียกร้อง ต่อพรรคการเมืองน้อยไป
อาจารย์ดูเหมือนพยายามจะเข้าใจพรรคการเมืองที่ไม่มีนโยบาย/ จุดยืน ต่อ การแก้ 112 ในการเลือกตั้ง
แถมบอกไปว่าถ้าไม่กล้ามีนโยบายหรือจุดยืนให้มาบริจาคกับมูลนิธิสิทธิอิศรา ก็ได้
ข้อเสนอของอาจารย์วรเจตน์ดูจะไม่เข้าใจการเมืองเลย
การที่มีพรรคการเมืองที่พยายามถอยห่างจากการแก้ 1 12 คือเขาจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวอะไรทั้งสิ้น
.....
Atukkit Sawangsuk
14h
อ.วรเจตน์ดักคอว่า
พรรคการเมืองที่ประกาศว่าจะไม่แก้ 112 นั้น
เข้าใจผิด คิดผิด คุณต้องแก้
อย่างน้อยก็ต้องแก้ให้เอาผิดได้มากขึ้น หนักขึ้น รุนแรงขึ้น
เช่น แก้ 112 ให้เอาผิดหมิ่นรัชกาลที่ 4
(ที่มีคำพิพากษาฎีกาไปแล้ว)
:
เพราะเมื่ออำนาจทางวัฒนธรรมลดลง
ก็ต้องใช้กฎหมายปราบปรามรุนแรงขึ้น
(ยิ่งเสื่อมยิ่งต้องปราบ)
..
Atukkit Sawangsuk
14h
ศาลไทยกำลังจะเป็นเหมือนพวกพระยุคกลาง
ผูกขาดการตีความคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งเขียนเป็นภาษาลาติน
พระเยซูดำรงตนอย่างสมถะ
แต่พวกพระยุคกลางอยู่อย่างหรูหราจากภาษีประชาชน
:
เก็บความจาก อ.วรเจตน์

Atukkit Sawangsuk
6h
ช่วงหนึ่งในการบรรยาย อ.วรเจตน์พูดถึงความเที่ยงตรงต่อวิชาชีพของผู้พิพากษา-อัยการ
โดยยกคดี 112 ที่กล่าวหาว่าหมิ่นพระเทพ-องค์โสม ซึ่งสู้กันถึงฎีกา
ถามว่า อัยการฟ้องได้ไง เพราะ 112 ใช้เฉพาะกษัตริย์ ราชินี รัชทายาท ผู้สำเร็จฯ
ถ้าเอามาออกข้อสอบนักศึกษานิติปี 2 ว่าฟ้องได้ไหม
นิสิตลูบปาก ข้อสอบหมูๆ จะมีแต่คนตอบว่าฟ้องไม่ได้
แต่อัยการก็ฟ้อง ไม่กลัวว่าจะผิด ป.อาญามาตรา 200 (กลั่นแกล้งให้ต้องรับโทษ คุกตลอดชีวิตหรือจำคุก 1-20 ปี)
:
ศาลชั้นต้นเห็นว่าไม่ผิด 112 เพราะ 112 ไม่รวมพระเทพ องค์โสม
แต่ตัดสินว่าผิด ม.326 หมิ่นประมาท
ซึ่งมีปัญหาอีก เพราะ 326 ผู้เสียหายต้องมาร้องทุกข์กล่าวโทษเอง
คดีนี้พอถึงศาลฎีกา ก็เห็นตามศาลชั้นต้น ไม่ผิด 112 ผิด 326
แต่ลดโทษเพราะเห็นว่าจำเลยสำนึก แสดงความจงรักภักดี บริจาคมูลนิธิชัยพัฒนา ฯลฯ
:
เหมือนคดีหมิ่น ร.4
คดีนั้นต้องชมศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง
แต่ศาลฎีกากลับอ้างว่า การหมิ่นกษัตริย์ในอดีตกระทบกษัตริย์องค์ปัจจุบัน
เพราะ ร.4 เป็นพระบิดา ร.5 ซึ่งเป็นพระอัยกา ร.9
แม้เสด็จสวรรคตแล้วประชาชนก็ยังเคารพสักการะ หากมีการดูหมิ่นก็กระทบความรู้สึกประชาชนกระทบความมั่นคง
:
นี่เป็นปัญหาความเที่ยงตรงต่อวิชาชีพของผู้พิพากษาอัยการ
ซึ่งเป็นวิชาที่มีสอนกันในหลักสูตรนิติศาสตร์ แต่จบแล้วหายไป?
และเป็นปัญหาการใช้และตีความกฎหมาย ที่ล่วงอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ
คือถ้าผู้พิพากษาเห็นว่า 112 รวมกษัตริย์ในอดีต ทั้งที่ตัวบทเขียนไว้ชัดว่าไม่รวม ผู้พิพากษาต้องเสนอแก้กฎหมาย (หรือลาออกมาลงเลือกตั้ง) ไม่ใช่ตีความเอง
:
การพูดเรื่องนี้บางคนอาจบอกว่านั่นไง 112 มีปัญหาที่การบังคับใช้
แต่มันเป็นเรื่องใหญ่กว่านั้น มันคือปัญหาทัศนะของตุลาการ
ซึ่งถ้าจะแก้ก็ต้องปฏิรูปศาลครั้งใหญ่
ที่ อ.วรเจตน์ยกตัวอย่างคือคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญปี 55 ที่มีคนยื่นถามว่า 112 ขัดรัฐธรรมนูญบทบัญญัติสิทธิเสรีภาพหรือไม่ ลงโทษเกินสมควรแก่เหตุหรือไม่
แทนที่จะวินิจฉัยหลักกฎหมาย ศาลขึ้นต้นด้วยการ "เฉลิมพระเกียรติ"
อยู่คู่ชาติบ้านเมืองมาตั้งแต่สุโขทัย มีพระมหากรุณาธิคุณ ฯลฯ
ร่ายยาวแล้วบอกว่า จึงต้องมี 112 เพื่อเคารพสักการะละเมิดมิได้
เอาศรัทธา(ของตัวเอง)มากลบกฎหมาย
:
การแก้ไข 112 จึงต้องควบคู่ไปกับปฏิรูปศาล
ให้ประชาชนตรวจสอบศาลได้ เอาผิดผู้พิพากษา+อัยการได้
อ.วรเจตน์บอกว่า ที่ศาลอังกฤษได้รับความยกย่องเชื่อถือว่าอิสระ
เพราะมีประวัติศาสตร์ต่อสู้กับกษัตริย์ไม่ยอมให้แทรกแซงคำพิพากษา