อย่าง สว.เจตน์ ศิรธรานนท์ ทั้งที่ยอมรับหละว่า มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร แต่ “สว.ก็เป็นปุถุชนครับ มีอารมณ์ฮะ ท่านอยากให้เราสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ท่านต้องพูดดีดี...เหมือนกับ ส.ส.หลายท่าน ที่อภิปรายวิงวอน ถูกต้องแล้ว”
อย่างนี้ออกลายให้เห็นเลยว่าทำตัวเป็นเจ้าขุนมูลนาย มากกว่าที่จะใช้วิจารณญาน พิจารณาข้อดีข้อเสียในเนื้อหาให้ถ่องแท้ว่า จะเกิดประโยชน์กับประชาชนมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะ สว.ตัวแสบ กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ก็อภิปรายสาดเสียไม่ต่างกับที่ตนประท้วงผู้อื่น
เมื่อเขาพูดถึง “นายกรัฐมนตรีที่ชั่ว ที่โกง” แม้จะไม่เอ่ยชื่อ ไม่ต้องเดาก็เข้าใจทันทีว่าจงใจพาดพิงถึงใคร คงไม่ได้คิดย้อนอดีตไปไกลถึง จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ หรอกนะ ทำให้ พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เพื่อไทยต้องประท้วงและตอบโต้กลับ
ด้าน สมชาย แสวงการ ก็เบาเสียที่ไหน บอกไม่มีวันผ่านเพราะฝ่ายค้านพูดไม่ดี “เหมือนตบกะโหลกแล้วลูบหลัง” แล้วบอกเสียด้วยว่า “ส.ส. คนไหนรับกติกาในรัฐธรรมนูญไม่ได้ ก็อย่าลงเลือกตั้ง” ก็ไม่ใช่เพราะกติกาคดโกงเอาเปรียบนี่หรือ ถึงต้องร้องปิดสวิทช์กัน
แท้จริงเป็นการ “ต่อไฟลัดวงจรเอาไว้” อย่าง อจ.พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ว่านั่นละ ลองย้อนไปดูตามที่ ‘iLaw’ คุ้ยมาตีแผ่อีกครั้ง “ส.ว.ชุดพิเศษ ๒๕๐ คน ซึ่งมีที่มาแบบ ‘พิเศษ’ ยึดโยงกับ คสช.”
ในจำนวนนี้ ๕๐ คนอ้างว่ามาจากการสรรหาหลายด้าน ให้แต่ละกลุ่มเลือกกันเองเข้าไปเป็น ‘ผู้เข้าประกวด’ ๒๐๐ คน แล้วจึงให้ คสช.เขี่ยเหลือ ๕๐ คนตามความพอใจ นอกนั้น ๖ คนมาจากแม่ทัพนายกองทหาร-ตำรวจล้วนๆ
ที่เหลืออีก ๑๙๔ คน นี่มาจากกรรมการสรรหา ๑๐ คนชี้ตัวออกมาจากรายชื่อซึ่งจัดทำกันเข้าไป ทว่ากรรมการสรรหาเหล่านั้นเป็นตัวเอ้ๆ ของ คสช.ทั้งสิ้น ซึ่งที่มาอย่างนี้ สว.บางคนยังพูดอย่างไม่ละอายใจว่าพวกตนมาจากประชาชน
ไม่ว่าการสืบทอดอำนาจ คสช.ผ่านทางรัฐธรรมนูญฉบับ “ผ่านไปก่อนแก้ไขทีหลัง” นี้ นับวันจะยิ่งเหนียวแน่นด้วยเล่ห์กลโกงเพียงใด การยืนหยัดแก้ไขหรือยกเลิกด้วยกลเม็ดแก้เผ็ดไม่หยุดยั้งเท่านั้น จึงจะสามารถนำพาประชาธิปไตยแท้จริงให้มาถึง
(https://www.facebook.com/iLawClub/posts/pfbid025, https://twitter.com/iLawclub/status/1567369795066298368/photo/1 และ https://www.matichon.co.th/politics/news_3548780)
