วันศุกร์, กันยายน 23, 2565

ข่าวคราวพี่น้องในเรือนจำ ช่วงวันที่ 13-22 ก.ย. 2565


ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
9h

ช่วงวันที่ 13-22 ก.ย. 2565 ทนายความได้เดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังคดีการเมืองที่ถูกคุมขังและไม่ได้ประกันตัวระหว่างต่อสู้คดี จำนวน 8 คน ได้แก่ คทาธรและคงเพชร , สมบัติ ทองย้อย, ผู้ต้องขังกลุ่มทะลุแก๊ส จำนวน 4 คน ได้แก่ “หนึ่ง” เกตุสกุล, “หิน” อัครพล, “ดิว” สมชาย และ “คิม” ธีรวิทย์ รวมถึง “แซม” พรชัย ยวนยี จากกลุ่มทะลุฟ้า
.
.
“หนุ่ม” สมบัติ ทองย้อย: หายจากอาการป่วย
.
ทนายได้เข้าเยี่ยมสมบัติเมื่อวันที่ 13 และ 22 ก.ย. 2565 สมบัติ เล่าว่าเขาได้ย้ายลงมานอนห้องนอนด้านล่าง ทำให้สบายขึ้น นอกจากนี้ยังเปลี่ยนงานจากทาสีมาช่วยงานในห้องสมุดแทน โดยจะคอยดูแลความเรียบร้อยในห้องสมุด ว่ามีคนเอาหนังสือมาใช้ผิดประเภทไหม เช่น เอามานอนหนุน หรือเอาออกมาแล้วเก็บเข้าที่เดิมไหม
.
สมบัติบอกว่าเขาอยู่ไหว อยู่ได้ แต่เป็นห่วงคนข้างนอกและเป็นห่วงครอบครัว สุขภาพตอนนี้สบายดีแล้ว ยังไม่มีอาการลองโควิด
.
.
คทาธรและคงเพชร: “การไม่ได้รับการประกันตัว ทำให้เหมือนรู้สึกถูกกลั่นแกล้ง”
.
ภายหลังทนายเข้าเยี่ยม ต๊ะและเพชร ช่วงวันที่ 15 และ 19 ก.ย. 2565 ซึ่งถูกคุมขังมาแล้ว 165 วัน เพชรบอกว่า เขาอยากให้แม่ได้เยี่ยมทางไลน์เพราะตอนนี้เขากลับไปอยู่ที่แดน 3 เพื่อกักโรค จึงต้องจองเยี่ยมผ่านไลน์เท่านั้น
.
สำหรับความรู้สึกในปัจจุบัน เขาบอกว่า “เบื่อๆ เหมือนเดิม” และยังเล่าว่าห้องที่เขาอยู่ถูกยึดทีวีไปเนื่องจากในห้องมีคนชกต่อยกัน เขาบอกว่าได้เข้าไปช่วยห้ามแล้ว แต่เพื่อนผู้ต้องขังก็ไม่หยุด จึงต้องออกไปจากจุดที่มีคนทะเลาะกัน
.
ด้านเพชรบอกว่า ยังทำงานอยู่กองงานซักผ้าเหมือนเดิม โดยเพื่อนผู้ต้องขังบอกกับเขาว่า ถ้ารับสารภาพในคดีของตัวเองก็จะได้รับโทษเบาและมีโอกาสรอลงอาญา แต่เขายังรู้สึกว่าข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานฯ เขาไม่ได้ทำเช่นนั้น จึงไม่อยากยอมรับ โดยเพชรบอกด้วยน้ำเสียงสิ้นหวังว่า “ก็คงต้องสู้กันหน่อยแหละครับ”
.
ขณะที่ ต๊ะบอกกับทนายความว่ารู้สึกเหมือนถูกกลั่นแกล้งที่ไม่ได้รับการประกันตัว ทั้งที่รับสารภาพในข้อหาเรื่องครอบครองวัตถุระเบิดไปแล้ว แต่ข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานเขาไม่ได้ทำจริงๆ เขารู้สึกสิ้นหวังมากกับกระบวนการยุติธรรม
.
ทั้งนี้คดีของทั้งสองคน ศาลอาญานัดสืบพยานอีกครั้งในวันที่ 7 มี.ค. 2566 หากทั้งคู่ไม่ได้รับการประกันตัว จะต้องถูกคุมขังระหว่างรอการสืบพยานอีกราว 5 เดือนครึ่ง
.
.
วันที่ 13 และ 21 ก.ย. 2565 ทนายความได้เข้าเยี่ยม 4 สมาชิกทะลุแก๊ส ได้แก่ “หนึ่ง” เกตุสกุล, “หิน” อัครพล, “ดิว” สมชาย และ “คิม” ธีรวิทย์ ซึ่งถูกคุมขังมาตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย. 2565 รวม 98 วัน
.
“คิม” ธีรวิทย์ : ความหวังเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เราอยู่ได้ในเรือนจำ
.
คิมบอกว่า เขาพยายามใช้ชีวิตให้มีความสุขเท่าที่จะใช้ได้และดีใจกับกลุ่มทะลุฟ้าที่ได้ประกันตัวออกไป เขาบอกว่า “ความหวังเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เราอยู่ได้ในเรือนจำ หน้าพ่อแม่ พี่น้อง ครอบครัว เราอยากออกไปใช้ชีวิตปกติ ชีวิตเราอยู่ข้างนอก ไม่ใช่ในเรือนจำ ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาอยู่ที่นี่เลย ถ้าเราอยู่ข้างนอก อย่างน้อยคนไร้บ้านก็จะมีข้าวกินแน่ๆ”
.
คิมยังคงสนใจสอบถามติดตามการเคลื่อนไหวด้านนอกเรือนจำและความเป็นไปของสถานการณ์ทางการเมือง โดยตอนนี้เขาได้มาทำงานที่ห้องสมุด จึงมีโอกาสได้อ่านหนังสือ และออกกำลังกาย เพื่อไม่ให้สมองว่างแล้วคิดมา
.
คิมบอกว่าช่วงนี้ในเรือนจำมีคนไม่สบายบ่อย มีไข้บ้าง เล็กๆ น้อยๆ แต่ก็พยายามดูแลกัน โดยคิมได้ขอให้หมอช่วยฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้ทุกคนด้วย
.
ในช่วงอาทิตย์ที่ฝนตกหนักทุกวัน คิมรู้สึกห่วงอพาร์ตเมนท์ที่เขาดูแลว่าน้ำจะท่วมหรือไฟดับไหม นอกจากนี้ยังห่วงแม่ว่าจะมีใครดูแลแม่ดีเท่าเขาไหม
.
นอกจากนี้ทนายยังได้อ่านจดหมายที่คนข้างนอกอวยพรวันเกิดให้คิมฟัง โดยคิมใจอย่างตั้งใจและฝากขอบคุณทุกคนๆ
.
.
“หิน” อัครพล: รู้สึกป่วยเหมือนจะเป็นโควิด
.
เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2565 หินบอกว่าสภาพจิตใจเขาเริ่มโอเคขึ้น ใช้ชีวิตได้ปกติ กินข้าวได้ปกติ โดยช่วงก่อนออกศาล 1 อาทิตย์ และหลังออกศาล 1 อาทิตย์ หินนอนไม่ค่อยหลับเพราะไม่มียาไมเกรน ได้แต่กินยาพาราบรรเทาปวดแล้วพยายามข่มตานอน ซึ่งเขาบอกว่าไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่ แต่ปัจจุบันดีขึ้นเพราะได้ยาไมเกรนมากิน นอกจากนี้เขายังคงทำงานที่โรงเลี้ยง โดยบอกว่าตรงไหนช่วยได้ก็ช่วย หากไม่มีอะไรทำ จะไปนั่งห้องสมุดกับคิม ออกกำลังกาย เดินวิ่งรอบแดน เพราะทำให้หายเครียด
.
เขายังคงฝันถึงการออกไปใช้ชีวิตนอกเรือนจำ ฝันว่าวันนั้นจะมีน้อง มีแม่ มีเพื่อนๆ มารอรับเขา โดยช่วงนี้ยังทำงานโรงเลี้ยง (โรงอาหาร) อยู่ ตรงไหนช่วยได้ ก็ช่วย ไม่มีอะไรทำก็ไปนั่งห้องสมุดกับพี่คิม
.
ในวันที่ 21 ก.ย. 2565 ภายหลังทนายได้เข้าเยี่ยมอีกครั้ง หินแจ้งทนายด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่าไม่สบายโดยมีอาการเหมือนเป็นโควิด มีน้ำมูก มีหวัด หายใจไม่ออกข้างหนึ่ง แต่พยายามฝืน เขาบอกว่าอยากหาที่โล่งๆ ในเรือนจำ แต่ก็ไม่มี โดยเขาเริ่มกลับมาหลับยากอีกครั้ง กว่าจะนอนหลับได้ก็หลัง 4 ทุ่ม และกินข้าวมื้อเที่ยงเป็นมื้อหลักแค่มื้อเดียว ส่วนมื้ออื่นๆ ก็กินบ้าง เขายังบอกว่าต้องการแว่นสายตาเพราะตัวเองสายตาสั้นและเริ่มมองไม่เห็นแล้ว
.
หินเล่าว่าเริ่มป่วยตั้งแต่ออกศาล ขณะนี้ยังได้กินแค่พาราอย่างเดียว หมอยังไม่ได้เข้ามาตรวจ โดยช่วงนี้มีคนไม่สบายกันหลายคน เริ่มจากพี่หนุ่ม สมบัติ ตามมาด้วยหินและเก่ง แต่หินบอกว่าตอนนี้เก่งน่าจะดีขึ้นแล้วเพราะไปช่วยงานหน้าแดน
.
เขาบอกว่าการได้ออกมาศาลในนัดตรวจพยานหลักฐาน ทำให้เขารู้สึกโล่งและดีใจที่ได้ออกมาเจอผู้คน แต่ก็ไม่ได้เจอแม่และยาย เพราะยายไม่สบาย ส่วนแม่ของเขาคงไม่สามารถหยุดงานมาได้ แม้เขาอยากเจอแม่กับน้องก็ตาม ทั้งนี้เขาไม่แน่ใจว่าแม่ของเขาจะจองเยี่ยมทางไลน์เป็นหรือไม่
.
.
หนึ่ง เกตุสกุล: เป็นห่วงแม่และน้องที่สุด
.
หนึ่งบอกว่าตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้นแล้วแต่ก็ยังเครียดอยู่ โดยเฉพาะเรื่องการไม่ได้ประกันตัวเพราะที่บ้านไม่มีคนหาเงินเนื่องจากแม่ของเขาเดินไม่ได้ และน้องสาวก็กำลังตั้งท้องน่าจะเข้าเดือนที่ 8 หรือ 9 เขากังวลว่าจะไม่มีใครหาอาหารให้แม่ เขาหวังว่าการที่กลุ่มทะลุฟ้าได้ประกันจะเป็นทิศทางที่ดีสำหรับพวกเขาด้วยและยังรอคอยการได้ประกันตัวและการอุทธรณ์คำสั่งอยู่
.
หนึ่งบอกว่าช่วงนี้ เขายังหลับๆ ตื่นๆ โดยตื่นตีสองเหมือนเดิม เขาพยายามจะหาอะไรทำเพราะหากไม่มีอะไรทำก็จะเครียด จึงยังคงทำงานที่โรงนอนเหมือนเดิม เพราะสนุกและได้เจอคนใหม่ๆ โดยเขาจะคอยเฝ้าดูเผื่อว่าจะมีคนแถวบ้านเข้ามา
.
ส่วนเรื่องอาหารการกิน เขายังกินได้ปกติ แต่เขาเพิ่งได้ถอนฟันกรามมาเพราะปวดฟัน หมอบอกว่าฟันผุเยอะ จึงถอนฟันไปถึง 3-4 ซี่ โดยวันศุกร์ที่ 23 นี้ เขาจะไปตัดไหมที่เย็บเหงือก แต่ถ้าเป็นไปได้ เขาบอกว่าอยากออกไปทำข้างนอกมากกว่า
.
หนึ่งยังเล่าถึงสิ่งที่ทำให้เขาผ่อนคลายเช่นการได้นั่งฟังเพลงที่เล่นในเรือนจำ เขาบอกว่าเขาชอบฟังเพลง “เจ้าหญิง”
.
.
“ดิว” สมชาย: อารมณ์ดีที่สุดเพราะได้เจอแฟน

ดิวมีท่าทีสดใส เขาบอกว่าได้ฟังเพลงแต่เช้า เพราะเพื่อนในเรือนจำซ้อมดนตรี เพลงที่เขาฟังคือเพลง “ถ้าเธอยังไหว” ของใต้หล้า ซึ่งเขาบอกว่าตัวเขาก็ยังไหวพร้อมรอยยิ้ม โดยสภาพจิตใจนั้น เขาให้คะแนน 7 เต็ม 10
.
เขาบอกว่าการได้รับจดหมายที่แฟนส่งมา ทำให้มีกำลังใจดีขึ้น ดิวบอกว่าแฟนของเขาไม่ได้เรียนหนังสือ เขียนหนังสือไม่ได้ แต่เขาก็ตั้งใจเขียนจดหมายส่งมาให้ เขาจึงภูมิใจในตัวแฟนมากและคิดถึงแฟนทุกวัน เขาและแฟนผ่านอะไรด้วยกันมามาก ถ้าออกจากเรือนจำแล้วไม่ติดเรื่องคดีอะไร ดิวก็อยากไปใช้ชีวิตริมแม่น้ำโขงกับแฟน
.
งานอดิเรกในทุกวัน ยังเป็นการตื่นมาซ้อมมวย และคิดว่าจะไปเตะตะกร้อต่อ ส่วนงานปัจจุบันที่เขาทำในเรือนจำ ดิวบอกว่าไม่ได้ขัดอ่างอาบน้ำแล้ว เพราะต้องอยู่กับน้ำทั้งวันจนมือเปื่อย
.
ภายหลังวันที่ 19 ก.ย. ดิวก็เป็นอีกคนที่ได้ออกไปศาลในนัดตรวจพยานหลักฐาน เขาบอกว่าการได้เจอเพื่อน และเจอแฟนรวมถึงได้กอดแฟน ทำให้เขาอารมณ์ดี แม้ชีวิตในเรือนจำก็ค่อนข้างน่าเบื่อ และยังเครียดในเรื่องการไม่ได้ประกันตัว จนต้องปล่อยเลยตามเลย พยายามใช้ชีวิตไปตามสภาพให้ได้
.
ดิวยังฝากความคิดถึงน้องๆ กลุ่มเพื่อนกัญปฏิวัติ ฝากถึงออย และแก๊ป 14 ขุนพลเป็นพิเศษ
.
.
“แซม” พรชัย ยวนยี: การไม่ได้ประกันคือการละเมิดสิทธิผู้ต้องหา

ทนายความได้เข้าเยี่ยมแซมเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2565 ซึ่งถูกคุมขังมาแล้ว 78 วัน โดยแซมสวมเสื้อยืดสีขาว ใบหน้าเคร่งขรึม เขาทราบถึงผลการอุทธรณ์คำสั่งไม่ให้ประกันตัว
.
เขาบอกว่า “ผมรู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับผมเลย ผมไม่ได้หลบหนีอะไรเลย วันที่ผมทราบว่าผมมีหมายจับ ผมก็รีบเข้ามามอบตัวด้วยความบริสุทธิ์ใจ การที่ศาลยกคำร้องของผมโดยอ้างว่าผมอาจจะหลบหนี ผมว่ามันไม่ถูกต้อง”
.
“ถ้าผมจะหลบหนีผมจะเข้ามามอบตัวที่สถานีตำรวจทำไม แล้วการที่ศาลทำอย่างนี้ เป็นเพราะคดีผมเป็นคดีการเมืองใช่ไหม ตั้งแต่ชั้นตำรวจที่ส่งหมายเรียกไปแต่ไม่มีคนรับ ทั้งๆ ที่ตำรวจเองก็ทราบที่อยู่ผมที่กรุงเทพฯ ตำรวจเองก็ติดต่อผมได้ไม่ยาก พอฝากขัง ศาลก็ไม่ให้ผมประกันตัว ผมอยากจะถามว่าที่เป็นอย่างนี้เพราะมีการสั่งการมาแล้วใช่ไหม”
.
“ตอนชั้นตำรวจ ตำรวจก็อ้างว่ายังสอบพยานไม่แล้วเสร็จบ้าง มีข้ออ้างในการฝากขังผมต่อไปเรื่อยๆ และศาลก็อนุญาต จนมาชั้นอัยการอ้างว่ายังทำสำนวนไม่เสร็จ ตกลงศาลจะอนุญาตให้ฝากขังไปเรื่อยๆ เลยหรอ ที่ผ่านมาก็ทำแบบนี้กับทะลุแก๊สไปแล้ว น้องๆ ก็ยังไม่ได้รับการประกัน”
.
แซมกล่าวทิ้งท้ายด้วยความสิ้นหวังต่อกระบวนการยุติธรรมไทยที่เกิดขึ้นกับตัวเค้าและนักกิจกรรมคนอื่นๆ
.
.
อ่านในเว็บไซต์ : https://tlhr2014.com/archives/48677