Bella Ciao Persian Version
Pipob Udomittipong
Bella Ciao เวอร์ชั่น #อิหร่าน จากพี่น้อง Samin & Behin Bolouri
ขอให้พี่น้องอิหร่านโค่นล้มเผด็จการให้สำเร็จครับ
“The cluster of our anger is thirsty for rain. A new world, this is a beginning, the window to the dream is open…In the end, the chain, the worldwide oppression, breaks with our hands.”
Pipob Udomittipong
9h
การประท้วงต่อค้านการบังคับสวมฮิญาบใน #อิหร่าน ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก แต่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยหลังปฏิวัติอิสลาม 1979 ใหม่ ๆ เลย รบ.ก่อนปฏิวัติอิสลาม รบ.ไม่บังคับคลุมผม บางช่วงถึงกับห้ามคลุมด้วยซ้ำ แต่หลังการปฏิวัติซึ่งแกนนำสัญญาว่าจะขับไล่ทรทราชย์ คืนเสรีภาพให้ประชาชน ปรากฎว่าสิ่งแกที่รบ. อยาตุลเลาะห์ โคมัยนี ทำคือ การประกาศใช้กม.บังคับให้ผญ.ต้องคลุมศีรษะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ทั้งที่ผญ.จำนวนมาก ฝ่ายซ้าย เสรีนิยมเข้าร่วมการประท้วงโค่นล้มระบอบกษัตริย์ด้วย ไม่ได้มีแต่มุลลาห์หรือผช.
ที่สำคัญ การประกาศใช้กม.นี้มีขึ้น 1 วันก่อนวันสตรีสากล วันรุ่งขึ้น ผญ.อิหร่านจำนวนมาก จึงเดินขบวนประท้วงการบังคับใส่ฮิญาบแบบในรูป รวมทั้งผช.หัวก้าวหน้าหลายคนที่จับมือเป็นห่วงโซ่มนุษย์คุ้มครองผญ. แต่ไม่มากพอ ถูกผช.คลั่งศาสนาบุกเข้ามาโจมตีทำร้าย ใช้มีดแทงก็มี แต่ผญ.ยังคงร้องตะโกนระหว่างการเดินขบวนว่า “เราไม่ต้องการปฏิวัติที่ก้าวถอยหลัง” “ไหนว่าเป็นยุคทองของเสรีภาพ แล้วเสรีภาพของเราอยู่ไหน”
ผลของการประท้วงในปี 1979 ทำให้รบ.ที่อ้างแต่พระเจ้าชะลอการบังคับใช้กม.บังคับสวมฮิญาบ หันมาปราบปรามพวกฝ่ายซ้ายให้สิ้นซากทีละคนสองคน จนสุดท้ายก็ออกกม.บังคับให้ผญ.สวมฮิญาบอีกครั้ง เริ่มจากบังคับให้ต้องสวมขณะเข้างาน ไม่อย่างนั้นไม่ให้ทำงาน ต่อมาในปี 1981 ก็บังคับให้ต้องสวมในที่สาธารณะทุกแห่งเหมือนปัจจุบัน และกำหนดบทลงโทษเป็นการเฆี่ยนตีหลายสิบครั้ง
ที่คนออกมาประท้วงกันมากมายตอนนี้ นอกจากเพราะความตายของมาฮ์ซา อามีนีวัย 22 ปี ที่ถูกตร.จับเพราะสวมฮิญาบไม่เรียบร้อย และทำร้ายเธอจนเสียชีวิต ยังเป็นเพราะรบ.ก่อนหน้านี้ของปธน. ฮัสซัน รูฮานี หัวปฏิรูป ผ่อนผันการบังคับใช้ ตร.ศีลธรรมไม่เข้มงวดกับหัวของผญ.มากนัก
แต่พอเปลี่ยนมาเป็นนายอิบรอฮีม ราอิซี ซึ่งไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับนักข่าว CNN ที่นนิวยอร์ก อ้างว่าเธอไม่ยอมสวมฮิญาบ ราอิซีเป็นผู้นำหัวโบราณ ต้นเดือนก.ค. ที่ผ่านมา เขาประกาศใช้กม.บังคับสวมฮิญาบอย่างเข้มงวด มีการขอให้จีนติดตั้ง facial recognition เพื่อสแกนใบหน้า จับตัวผญ.ที่ไม่สวมฮิญาบมาลงโทษอย่างเคร่งครัด เป็นเหตุให้มาฮ์ซา อามีนีถูกตร.ศีลธรรมจับไปขังไว้ เพื่อรอเข้ารับการปรับทัศนคติ แต่เธอตายเสียก่อน ทั้งที่การสวมฮิญาบของเธอ อาจถูกต้องตามธรรมเนียบมของชาวเคิร์ด แต่ไม่ถูกใจตร.ศีลธรรมในเตหรานที่ไม่เคารพวัฒนธรรมชนกลุ่มน้อย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าไปเชื่อว่าเป็น #การปฏิวัติ ถ้าไม่เคารพเสรีภาพที่เท่าเทียมระหว่างเพศ
https://en.wikipedia.org/.../International_Women%27s_Day...
https://www.nytimes.com/.../iran-protests-raisi-khamenei...
.....
การประท้วง #ฮิญาบ ใน #อิหร่าน ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก แต่เกิดตั้งแต่สมัยหลังปฏิวัติอิสลาม 1979 หลังการปฏิวัติ อยาตุลเลาะห์ โคมัยนี แทนที่จะตอบแทนผญ.ที่เข้าร่วมการเคลื่อนไหว กลับใช้กม.บังคับให้ผญ.ต้องคลุมศีรษะเป็นครั้งแรกในปวศ. ผญ.อิหร่านจำนวนมาก จึงเดินขบวนประท้วง 1/ pic.twitter.com/hGeYZtXAXf
— Pipob (@pipob69) September 25, 2022
ทำให้รบ.ชะลอการบังคับใช้กม.บังคับสวมฮิญาบ หันมาปราบปรามพวกฝ่ายซ้ายให้สิ้นซากทีละคนสองคน จนสุดท้ายก็ออกกม.บังคับให้ผญ.สวมฮิญาบอีกครั้ง เริ่มจากบังคับให้ต้องสวมขณะเข้างาน ต่อมาก็ให้สวมในที่สาธารณะทุกแห่งเหมือนปัจจุบัน กำหนดบทลงโทษเฆี่ยนตีหลายสิบครั้ง 3/
— Pipob (@pipob69) September 25, 2022
พอเปลี่ยนผู้นำ #อิหร่าน มาเป็น อิบรอฮีม ราอิซี หัวโบราณที่ปฏิสเธไม่ให้ CNN สัมภาษณ์ เพราะไม่สวมฮิญาบ เขาประกาศใช้กม.บังคับสวมฮิญาบอย่างเข้มงวด เป็นเหตุให้มาฮ์ซา อามีนีถูกตร.ศีลธรรมจับไปขังไว้ เพื่อรอเข้ารับการปรับทัศนคติ แต่เธอตายเสียก่อน 5/ https://t.co/f58OsV20JW
— Pipob (@pipob69) September 25, 2022
Bella ciao, Iran
Jul 28, 2009
IranUltimatum
(Original HD version and song explanation)
On 12 June 2009, after 10 days of exciting campaign, 85% of eligible Iranian voters all over the world turned out to vote for their favorite candidate (Mousavi). But the morning after elections the result was not what they had voted for. Their votes were stolen, politicians, human right activists and opposition leaders had been arrested over night, foreign media corespondents and international journalists had been expelled and cities were full of riot police and security forces. Despite all these Iranians have come to streets to shout their freedom and ask for their vote. Hundreds have been killed so far and thousands have been arrested. But until now, after 40 days, Iranians inside Iran still continue their protests, and all over the world expat Iranians and other countries' citizens support them by protesting in front of Iran embassies. This movement is known as the "Green Movement" because of using green color by Iranian protestors that was Mousavi's (opposition leader) campaign color.
UPDATE: One year and half after fraudulent elections in Iran and Iranians still protest. They follow the non-violence movement rules and they ask for their freedom and end to religious dictatorship. Government oppresses the protests brutally, they killed many more, executed a lot of protestors, tortured and raped them in the prisons but they couldn't stop protests and people demand for freedom. Mousavi and Karoobi, opposition leaders are under house arrest.
=======
About the song: (From wikipedia) The song Bella Ciao was sung by the left anti-fascist resistance movement in Italy, a movement by anarchists, communists, socialists and other anti-fascist partisans. The author of the lyrics is unknown, and the music seems to come from an earlier folk song sung by riceweeders in the Po Valley. Another interpretation has been given following the discovery in 2006 by Fausto Giovannardi of the CD "Klezmer - Yiddish swing music" including the melody "Koilen" played in 1919 by Mishka Ziganoff.
The song has been recorded by various artists in many different languages including Italian, Russian, Bosnian, Kurdish, Croatian, Serbian, Serbo-Croatian, Hungarian, English, Spanish, Finnish, Kabyle, German, Turkish, Japanese, Tagalog, Breton and Chinese.
Singer of this version is Lidija Percan.