นอกจาก พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม แล้วก็มีหน่วยอื่นร่วมแถลงกันอึกทึก ทั้งโฆษกศูนย์บัญชาการควบคุมฯ และรักษาการนายกฯ แถลงแจ้งคล้องกันว่าจะไปใช้กฎหมายปกติควบคุมเรื่องโรคติดต่อ พร้อมทั้งยุบ ศบค.กับอีก ๙ ศูนย์ย่อยไปด้วย
แต่กับการใช้กฎหมายนี้ ‘ปิดปากผู้เห็นต่าง’ ดังที่กลุ่มเรียกร้องให้ยกเลิกแจ้งว่าคือปัญหาสำคัญทำให้ กม.ฉบับนี้กดขี่สร้างความเสียหายแก่ประชาชนจำนวนหนึ่ง มากกว่าประโยชน์ต่อการควบคุมโรคระบาด นั้นไม่มีหลักประกันใดเลยว่าจะระงับไปได้
แล้วคดีต่างๆ ที่ใช้กฎหมายนี้จับกุมและคุมขัง ผู้เคราะห์ร้ายยังมีชนักปักหลัง และหลายคนยังถูกกักกันตัวอยู่ในเรือนจำ ไม่นับอีกจำนวนหนึ่งซึ่งถูกขังฟรีไปแล้ว ไม่มีมาตรการใดๆ เลยที่จะคืนความบริสุทธ์เหมือนก่อนถูกจับให้กับพวกเขา
หากใช้ถ้อยของ Sa-nguan Khumrungroj @ZhentingLiu ก็ว่า “ต้องยกฟ้องคดีละเมิด พรก.ฉุนเฉินให้หมด เพราะ #ศูนย์บริหารควาย จะยุบแล้ว” ตามกำหนด มีผลในวันที่ ๓๐ กันยายนนี้
นี่ละถึงได้ว่ากฎหมายใดให้เผด็จการเขียน
มีแต่กดขี่ กดดัน มากกว่าปกป้อง ‘ป้องกันการละเมิด’ สวัสดิภาพของประชาชน
ว่าการ “แจกเงินอะไรต่ออะไรไม่ได้ ห้ามเฉพาะผู้สมัครและพรรคการเมือง” เท่านั้นนะ “แต่ถ้าเป็นรัฐมนตรีไม่เป็นไร” ส่วนว่าถ้ารัฐมนตรีขณะนี้ มีหวังหรือเป็นไปได้ จะไปลงสมัครรับเลือกตั้งกับเขาบ้าง ให้ระวัง “เดี๋ยวแยกไม่ออก” ตอนหัวเลี้ยวหัวต่อ
เพราะช่วงคาบเกี่ยวรัฐบาลเก่าจะไป การเลือกตั้งจะมา ช่วงระยะเวลา “๑๘๐ วัน ครบวาระสภาวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๖” มั่วไม่ดี “จะเกิดการฟ้องร้องกันเสียเปล่า”
(https://www.matichon.co.th/politics/news_3577945 และ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02DrvXnY)
