‘นพ.วาโย’ ก้าวไกล ไล่ ‘อนุทิน’ ไปเรียนแพทย์ ซัดนโยบายกัญชาเสรี ทำเด็กเข้าถึงง่ายกว่าสุรา-บุหรี่ ด้าน ‘อนุทิน-คนภูมิใจไทย’ สวนกลับแรง ชี้ขาดวุฒิภาวะ
นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่มีคลิปเด็กนักเรียนสูบกัญชาในห้องเรียนเผยแพร่เป็นวงกว้างจนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์แสดงความไม่เห็นด้วยไปถึงนโยบายเสรีกัญชาของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งได้ออกมาตอบโต้กรณีดังกล่าว โดยให้ความเห็นว่า กฎหมายมีอยู่แล้ว ซึ่งห้ามไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี สูบกัญชา ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของโรงเรียนรวมถึงตำรวจที่จะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
น.พ.วาโย โต้นายอนุทินว่า นี่เป็นภาพสะท้อนที่เห็นได้อย่างชัดเจนต่อนโยบายกัญชาเสรีของพรรคภูมิใจไทยว่าเป็นไปเพื่อการแพทย์หรือสันทนาการกันแน่ ในขณะที่ประชาชนที่ไม่ได้ปิดหูปิดตาได้เห็นกันตำตาว่ากัญชาถูกปลดล็อกเอามาใช้ทำอะไร แต่นายอนุทินกลับยังคงกล่าวอ้างอยู่ตลอดเวลาว่า ที่ทำไปนั้นก็เพื่อผลประโยชน์ทางการแพทย์
อันดับแรกเลยที่ต้องพิจารณา คือ ตอนนี้กัญชามีผลประโยชน์อะไรต่อวงการแพทย์ไทยบ้าง ? เห็นมีแต่รายงานเคสจากกัญชาเพิ่มขึ้น คุณหมอออกมาบ่นกันรายวัน จนถึงขนาดลงชื่อกันเป็นพัน ๆ คนต่อต้านนโยบายดังกล่าว ก่อนที่จะอ้างว่าจะเอากัญชามาใช้เพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์ จะต้องรู้ก่อนกว่าวงการแพทย์เขาต้องการอะไร เขาขาดแคลนยาหรือวิธีการรักษาอะไร และกัญชาสามารถนำมาใช้เป็นยารักษาโรคได้จริงหรือไม่ หรือรักษาโรคอะไรได้บ้าง การจะตอบคำถามนี้ได้ คนตอบควรจะต้องเป็นหมอ และการจะเป็นหมอได้ก็ต้องไปเรียนหมอให้จบและสอบใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมให้ผ่านทั้ง 3 ขั้นตอนก่อน
นอกจากนี้ นพ.วาโยยังให้ข้อมูลอีกว่า สถานการณ์กัญชาในประเทศไทยตอนนี้ถือว่ามีความเสรีมากที่สุดในโลก ประชาชนสามารถหาซื้อกัญชาได้ง่ายกว่าสุราและบุหรี่ เนื่องจากสุรายังมีช่วงเวลาที่ถูกจำกัดการขาย ส่วนบุหรี่นั้นก็ไม่สามารถวางแสดงผลิตภัณฑ์ได้ ณ จุดจำหน่าย
“แต่ที่น่าอนาถจิตอนาถใจที่สุด คือ เหล้ากับบุหรี่นี่คนขายไม่สามารถโฆษณาได้เลยนะ แต่ประเทศไทยตอนนี้นี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขนำกระทรวงฯ ออกมาโปรโมตกัญชา นี่มันหนักกว่าเหล้าและบุหรี่อีก”
“คือถ้าจะขายกัญชากันจริง ๆ เนี่ย อย่างน้อยมาตรฐานในการจำหน่ายมันต้องไม่ต่ำกว่าบุหรี่ และถ้าจะบอกว่าเอาไปใช้ในทางการแพทย์จริง ๆ เนี่ย มันก็ไม่ควรต่ำกว่ามาตรฐานของการควบคุมมอร์ฟีนที่ใช้ในทางการแพทย์ไหม มอร์ฟีนเนี่ยเวลานำเข้าก็ต้องผ่านกระทรวงสาธารณสุขหมดนะ และโรงพยาบาลไหนจะซื้อก็ต้องขออนุญาตกระทรวงด้วย จะซื้อเท่าไร จะเก็บไว้ในโรงพยาบาลเท่าไร ต้องบอกกระทรวงและกระทรวงต้องรู้และควบคุมได้ทั้งหมด เวลาหมอจะจ่ายยามอร์ฟีนให้คนไข้เนี่ย หมอต้องเขียนบันทึกและรายงานโรงพยาบาล เพื่อให้โรงพยาบาลเก็บไปรายงานกระทรวงอีกทีด้วยว่า ใช้ไปเท่าไร กับใคร และเหลือคงค้างอยู่เท่าไร อย่างน้อยมันก็ต้องแบบนี้”
“ผมอยากฝากไปถึงนายอนุทิน หรือที่เรียกตัวเองว่าหมอหนู และชอบมาให้ข้อมูลกัญชาทางการแพทย์แบบผิดๆ ว่าถ้าอยากทำตัวเป็นหมอ ให้ไปเรียนแพทย์มาก่อนออกนโยบายที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชน” นพ.วาโยทิ้งท้าย
เวลาต่อมา นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ที่กระทรวงสาธารณสุข ได้ตอบกรณี นพ.วาโยว่า “คุณหมอท่านคงตอบโต้ด้วยโทสะ ยังขาดวุฒิภาวะ แต่ไม่เป็นไร ก็ปล่อยให้เด็กๆ ได้ดัง ผมรับฟังในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ส่วนอื่นที่ไม่ใช่สารัตถะ ก็ไม่เก็บมาคิด เอาเวลาไปทำงานที่เป็นประโยชน์ดีกว่า”
ขณะที่ นายพลพีร์ สุวรรณฉวี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (ประจำนายอนุทิน ชาญวีรกูล) ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวตอบโต้ว่า นายวาโย เป็นนักการเมือง เป็นหมอการเมือง อยู่พรรคก้าวไกล ตรงนี้ ทำให้มีการเมืองเจือปนในการสื่อสารอยู่แล้ว เป็นการสื่อสารที่มีอคติ มีความชิงชัง จึงไม่น่าเชื่อถือ การอ้างข้อมูลโดยคนที่ใจมืดบอด เพราะถูกการเมืองครอบงำ ไม่จำเป็นต้องมานั่งวิเคราะห์หาความจริง เพราะไม่มีความจริงอยู่แล้ว เป็นเรื่องของการเมือง การแย่งชิง อำนาจทางการเมือง
ที่ผ่านมา เราขอขอบคุณพรรคก้าวไกล ที่ผลักดัน พ.ร.บ. กัญชา แต่การออกมาของนายวาโย เราต้องตอบโต้ เพราะทำให้คนเข้าใจผิด นายวาโย พยายามจะบอกว่าตอนนี้ประเทศไทยเสรีเรื่องกัญชามากที่สุดในโลก แต่ก็ต้องถามว่า เสรีมากขนาดนั้น แล้วทำไมเด็กที่อยู่ในคลิปต้องถูกตำรวจเข้าพบ แล้วตอนนี้ คนขาย ก็กำลังอยู่ในการเร่งติดตามของเจ้าหน้าที่ นั่นก็เพราะเอาเข้าจริง เรื่องกัญชามันมีกฎหมายควบคุม มันไม่ได้เสรีดราม่าแบบที่นายวาโยพูดออกมา การจับกุมผู้ใช้กัญชาผิดกฎหมายมีให้เห็นต่อเนื่อง นายวาโยต่างหากที่ทำให้คนเชื่อว่ามันเสรีแบบไม่มีกฎกรอบ บิดเบือนสังคม
“แล้วเรื่องที่มาบอกว่านายอนุทินอ้างตัวเองเป็นหมอ นายอนุทินไม่เคยพูด และไม่เคยมีสักวินาที ที่คิดว่าตัวเองเป็นหมอ มีแต่คนอื่นเรียกนายอนุทิน ว่า “หมอหนู” ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสาธิต ปิตุเตชะ ก็ไม่ใช่หมอ แต่เมื่อเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข คนอื่น ก็เรียกท่านว่าหมอตี๋ ดังนั้น ข้อมูลของนายวาโยจึงผิด นี่ก็เป็นการนำเข้าข้อมูลมั่วซั่วจากนายวาโยเข้าสู่สังคมไทย เพียงเพราะอคติทางการเมือง เรื่องแค่นี้ นายวาโย ยังมั่ว แล้วเรื่องอื่นๆ จะหาความจริงได้อย่างไร”
อีกประเด็นคือ พรรคก้าวไกล เองก็สนับสนุนเรื่องการใช้กัญชาถูกกฎหมาย เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ เราร่วมต่อสู้กันมา และรู้ว่าอะไร เป็นอะไร แต่กลับกลายเป็นนายวาโยกำลังมาทำให้เกิดความขัดแย้ง เพียงเพราะความหิวแสงส่วนตัว รอบที่แล้ว ก็เป็นนายวาโยที่ออกมาวิจารณ์สูตรวัคซีนของไทย ซึ่งก็โดนหมอทำงานตอกหน้ากลับไปแล้ว คราวนี้ ก็กลับมาอีก เพียงแต่เปลี่ยนประเด็นด่า แต่สิ่งที่เหมือนเดิมคือใจที่มีแต่อคติทางการเมือง
“ถ้านายวาโย อยากจะช่วยให้การควบคุมการใช้มีประสิทธิภาพขึ้น ก็ต้องช่วยกันผลักดัน พ.ร.บ. กัญชา กัญชง มาใช้แทนกฎกระทรวง กมธ.ทำงานมาดีแล้ว ปรับแก้จาก 40 กว่ามาตรา เป็น กว่า 90 มาตรา เรื่องกัญชา เรามีคนปากว่าตาขยิบเยอะ ปากอ้างเป็นห่วงสังคม แต่พฤติกรรมจ้องจะขวางกฎหมาย ก็หวังว่านายวาโย จะไม่ใช่เป็นหนึ่งในนั้น” นายพลพีร์ กล่าว
ที่มา Work Point Today
28 ก.ย. 2565