งง ทำไมดูมีแต่คนมีปัญหากับผ้าอนามัยฟรี มีปัญหากับสามสิบบาทรักษาทุกโรค มีปัญหากับเรื่องที่จะทำให้คุณภาพชีวิตคนดีขึ้น แต่ไม่มีปัญหากับนายกควายๆ ที่เป็นนายกมา 7-8 ปีไม่มีไรดีขึ้น ง๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงง
— Piccario ||| (@piccarioman) March 9, 2022
55555555555555 pic.twitter.com/zv0bnZbQHA
— หมี (@dentbear) March 8, 2022
กาย แพ็ทเทอร์สัน
15h ·
"เหลือแดก"
พรรค Tony แม่งขายของเก่งชิบหาย คิดอะไรแต่ละอย่างทั้ง mass ทั้งวิ่งตามโลก ล่าสุดนโยบายผ้าอนามัยฟรีที่มาเต็มทั้งแนวคิด, รายละเอียดของนโยบาย, การจัดสรรงบประมาณ, การดำเนินงาน และโครงการนำร่อง ผมว่าเห็นชัดเลยว่าพรรค Tony นำหน้าคนอื่น 2-3 ก้าวเสมอ เพราะนโยบายที่ดีคือนโยบายที่ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด
ผ้าอนามัยไม่ใช่ของถูกนะครับ แม่งแพงเลยแหละ มีให้เลือกใช้หลายแบบตามสถานการณ์ Period ของผู้หญิง
ผมแม่งรู้ดีเพราะผมเป็นคนจ่ายตลาดและ 1 ในของที่ผมต้องซื้อทุกเดือนคือผ้าอนามัย ภรรยาผมยังไม่ menopause age ผมซื้อทุกเดือน แพงชิบหาย
รายงานของ globalcitizen.org ระบุว่าประชากรโลกที่ยากจนนั้นบางคนใช้กระดาษทิชชู่หรือเศษผ้าขี้ริ้วมาทำเป็นผ้าอนามัยเลยด้วยซ้ำเพราะไม่มีเงินซื้อ ซึ่งวัสดุเหล่านี้แม่งอันตราย
หลายประเทศเขามีสวัสดิการเรื่องผ้าอนามัยเพราะเขาเห็นความสำคัญของมัน (อย่าลืมว่าโลกนี้ผู้หญิงเยอะกว่าผู้ชายนะ) บางประเทศแม้จะด้อยพัฒนากว่าเราแต่รัฐเขามีวิสัยทัศน์กว่าไอ้กุ๊ยของเราเยอะครับ
-Scotland เป็นประเทศแรกในโลกที่ออกนโยบายผ้าอนามัยฟรี เขาตราออกมาเป็นกฏหมายผ่านสภาฯวันที่ 20 พย.2020 โดย Monica Lennon นักการเมืองหญิงจากพรรค Labour MSP โดยคนที่ต้องการใช้สามารถไปรับผ้าอนามัยผ่าน community centers, youth clubs และร้านขายยาได้เลย ที่บอกว่าเป็นประเทศแรกเพราะจริงๆเขาเริ่มทำเป็นโครงการนำร่องในโรงเรียนตั้งแต่ 2017 แล้ว
-New Zealand ประกาศมาตั้งแต่เดือน กพ.2021 นายกฯ Jacinda Ardern บอกว่าให้โรงเรียนเริ่มแจกผ้าอนามัยให้เด็กฟรีได้เลย แล้วจากนั้นก็ขยายไปทั่วทั้งประเทศ
-รัฐ Victoria และรัฐ New South Wales ของ Australia วางแผนเรื่องนี้ในปี 2018 ก่อนจะทำสำเร็จในปี 2020 และ 2021 ตามลำดับ
-ของสหรัฐมีที่ Illinois, Washington, New York, New Hampshire และ Virginia ตอนเริ่มต้นก็ขลุกขลักเพราะมันเป็นแค่การรณรงค์ ไม่ใช่กฏหมาย จนกระทั่งเหล่านักการเมืองและแอคทิวิสท์หญิงหลายๆคนเช่น Linda Rosenthal, Caroline Dillon, วุฒิสมาชิก Martha Hennessey ผลักดันให้เป็นกฏหมายก็เลยต้องปฏิบัติตามกันอย่างเคร่งครัด
-Île-de-France ในฝรั่งเศสเริ่มต้นทำในโรงเรียนมัธยมในปี 2020 และขยายไปยังระดับมหาลัยในปีถัดมาตามนโยบายของ ปธน. Emmanuel Macron
-Kenya เป็นประเทศแรกในโลกที่ตรากฏหมายด้านภาษีของผ้าอนามัย Tampon tax และเริ่มแจกฟรีตามโรงเรียนในปี 2018
-South Africa ก็เริ่มแจกฟรีในปี 2018
-Botswana เหล่าแอคทิวิสท์มีรณรงค์เรื่องนี้ผ่านแคมเปญ Ensuring the Dignity of Women มาตั้งแต่ปี 2015 ก่อนจะเข้าตารัฐสภาและผ่านออกมาเป็นกฏหมายแจกฟรีในที่สุด
-กรุง Seoul เกาหลีใต้ออกโครงการนำร่องในปี 2018 เพื่อทดสอบการแจกผ้าอนามัยฟรีใน 10 พื้นที่ แรกๆสภาเทศบาลเมืองก็ไม่ได้สนใจแต่พอมีการออกสารคดีรณรงค์โดยเหล่าเค-ป๊อบไอดอลเท่านั้นแหละ ฉลุยเลย
-Uganda ก็ทำเรื่องนี้มาพักนึงแล้วตามคำสั่งของ ปธน.Yoweri Museveni แต่แรกๆก็ติดๆขัดๆจนกระทั่ง Yoweri ไปขอความร่วมมือจากสภากาชาดอูกานดา และให้ AFRIpads บริษัทเอกชนมาเป็นตัวกลางในการแจกก็เลยราบรื่นขึ้น
-Zambia ก็แจกฟรีมาตั้งแต่ปี 2019
-British Columbia, Ontario, Nova Scotia, Prince Edward Island ในอาณัติของ Canada
แจกฟรีมาตั้งแต่ปี 2019
นโยบายเรื่องผ้าอนามัยฟรีของ Tony นี่เชื่อเถอะครับว่าแม่งต้องมีคนด่าว่า "ประชานิยม" อย่างแน่นอน แต่ก็ช่างแม่งเถอะ ถ้ามึงโง่คิดกันไม่ได้แล้วอยากจะเห่าเหี้ยไรก็ตามสบาย
แต่แนวคิดเริ่มต้นของทุกๆประเทศก็คือการแจกผ้าอนามัยฟรีนั้นมันไม่ใช่แค่ประชานิยม เพราะมันคือการหาทางช่วยให้คนที่ขาดแคลนเข้าถึงของเหล่านี้ไม่ได้เหมือนคนมีเงินได้ใช้ของจำเป็นต่อชีวิตที่มีคุณภาพ ช่วยให้คนเหล่านั้นอยู่ในสังคมอย่างมีคุณค่า มีศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์เท่าๆกับคนที่มีกำลังซื้อ
การคิดนโยบายที่ยึดโยงกับประชาชนแบบจับต้องได้นี่ Tony แดกขาดครับพระเดชพระคุณทั้งหลาย
ที่มา : Globalcitizen.org
ภาพประกอบ : Emma Watson "เฮอร์ไมโอนี่" ที่เป็น UN Women Goodwill Ambassador ทำงานรณรงค์ให้เพศหญิงครับ