วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 17, 2564

แนวทางแก้ไข ‘รัฐธรรมนูญ’ ฉบับก้าวไกล



พรรคก้าวไกล - Move Forward Party
Yesterday at 5:38 AM ·

[ แนวทางแก้ไขเพิ่มเติม ‘รัฐธรรมนูญ’ ฉบับก้าวไกล ]
.
หนทางที่ดีที่สุดในการออกจากวิกฤตรัฐธรรมนูญในปัจจุบัน คือการยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งมาจากการรัฐประหาร แล้วจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน โดยพรรคก้าวไกล มีแนวทางดังต่อไปนี้
.
ประตูบานแรก
.
พิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ที่ยังค้างอยู่ในสภา เพื่อเร่งการจัดทำประชามติขอความเห็นชอบจากประชาชน ผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพื่อตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่แก้ไขได้ทุกหมวด อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลจะไม่ร่วมลงชื่อเสนอแก้ไข มาตรา 256 กับพรรคเพื่อไทย เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการไปจำกัดอำนาจของ สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ห้ามแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ของรัฐธรรมนูญ
.
“พรรคก้าวไกลยืนยันมาโดยตลอดว่า การกำหนดห้ามดังกล่าวเป็นการสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองที่ผิด ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการพัฒนาประชาธิปไตยในระยะยาว และเป็นการไม่เคารพต่ออำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญของประชาชน พรรคก้าวไกลเชื่อมั่นเสมอว่า สสร. ที่มาจากประชาชนมีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยที่จะจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ได้ทุกหมวด และ สสร. ควรเป็นเวทีที่เปิดกว้างให้แก่ทุกฝ่าย เคารพอำนาจของประชาชน เพื่อนำไปสู่ฉันทามติใหม่ของสังคมไทยร่วมกัน”
.
สิ่งที่ต้องทำคู่ขนาน
.
ไม่เดินตามเกมของพรรคพลังประชารัฐไม่ว่าจะเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราใดออกมา เพราะมีเป้าหมายในการสร้างความสับสน หรือแย่กว่านั้นคืออาจกลายเป็นการไปช่วยกันตกแต่งให้รัฐธรรมนูญฉบับ คสช. ดูดีขึ้น และเป็นการช่วย ‘ต่ออายุ’ ให้ ‘ระบอบประยุทธ์’
.
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญรายมาตราในสถานการณ์ปัจจุบัน ควรพุ่งเป้าให้ชัดเจนไปที่ มาตรา 272 เพื่อ ‘ปิดสวิตช์ ส.ว.’ ปลดกลไกสำคัญในการสืบทอดอำนาจคณะรัฐประหาร ยกเลิกอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีของ ส.ว. 250 คน ที่มาจากการคัดเลือกโดย คสช. โดย ส.ส. พรรคก้าวไกลจะลงชื่อเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมในประเด็นนี้ร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านแล้วยื่นต่อประธานสภา
.
ผลักดันต่อ
หากจะมีการแก้ไขระบบเลือกตั้ง ต้องมีเป้าหมายในการสร้างระบบการเลือกตั้งที่ดี ไม่ใช่มีเป้าหมายเพียงแค่การแสวงหาระบบเลือกตั้งที่พรรคการเมืองใหญ่ได้ประโยชน์มากที่สุด
.
เสนอระบบการเลือกตั้งเป็น ‘ระบบจัดสรรปันส่วนผสม’ ที่ใช้ ‘บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ’ กล่าวคือ เลือก ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 1 ใบ และเลือกพรรคการเมืองอีก 1 ใบ โดยนำคะแนนเลือกพรรคการเมืองมาใช้คำนวณจำนวน ส.ส. พึงมีของแต่ละพรรค เพื่อให้เสียงของประชาชนไม่ตกน้ำ และได้สัดส่วน ส.ส. ของแต่ละพรรคตามเจตนารมณ์ของประชาชนมากที่สุด ซึ่งหมายถึงว่า เสียงของประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งไม่ต้องการต่ออายุให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีก ทุกเสียงต้องถูกนับ
.
“การเลือกตั้งแบบจำนวนบัตรสองใบเราเห็นด้วย แต่ระบบบัตรสองใบก็มีหลายแบบ ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบปี 2540 เท่านั้น ซึ่งเราต้องการระบบการเลือกตั้งที่ตอบสนองเจตจำนงของประชาชนที่สุด เสียงต้องไม่ตกน้ำหรือไม่ใช่การเลือกตั้งที่ผลออกมาแล้วไม่เป็นพรรคใหญ่ก็มีแค่พรรคเล็กไปเลย ระบบบัตรสองใบเป็นเรื่องดี เพราะประชาชนสามารถเลือกคนที่ใช่ เลือกพรรคที่ชอบได้ แต่วิธีการคำนวณจัดสรร ส.ส. แบบเขตกับบัญชีรายชื่อมีหลายแบบ ซึ่งระบบ MMP แบบเยอรมันเป็นระบบที่ไม่มีเสียงตกน้ำ เราจึงเชื่อว่าเป็นระบบที่เหมาะสมและตอบสนองเจตจำนงประชาชนมากที่สุด”
.
#ก้าวไกล #เพื่อไทย #แก้รัฐธรรมนูญ #แก้ไขรัฐธรรมนูญ
.....


พรรคก้าวไกล - Move Forward Party
7h ·

[ รู้จักระบบเลือกตั้ง MMP “เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ใช่ ได้สัดส่วน ส.ส. ที่ถูกต้องตามที่ประชาชนเลือก” ]
.
ประเด็นที่ถกเถียงกันมากในสังคมตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง “ระบบเลือกตั้ง” หลายคนตั้งคำถามว่า "ระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม" หรือระบบ MMP (Mixed-member Proportional Representation) คืออะไร? ดีกว่าหรือด้อยกว่าระบบเลือกตั้งปี 2540 อย่างไร? และทำไมพรรคก้าวไกลถึงคิดว่าระบบ MMP เป็นระบบเลือกตั้งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับประเทศไทย?
.
โพสต์นี้เราจะแนะนำให้ทุกท่านรู้จักระบบเลือกตั้ง MMP จบในโพสต์เดียว
.
[ วิธีการเลือก ]
MMP ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เหมือนระบบ 2540 ใบหนึ่งเลือก ส.ส. แบบแบ่งเขต อีกใบเลือกพรรคการเมือง เหมือนกัน
.
[ แล้วต่างจากระบบ 2540 ตรงไหน? ]
ระบบเลือกตั้งแบบ 2540 เป็นการนำคะแนนเสียงที่เลือกพรรคไปเพิ่มจากจำนวน ส.ส. ที่ชนะในแบบแบ่งเขต ทำให้พรรคการเมืองที่ชนะ ส.ส. เขตมาก ได้จำนวน ส.ส. มากกว่าสัดส่วนคะแนนเสียงที่ได้รับจริง
.
ในขณะที่ระบบ MMP คำนวณสัดส่วนที่นั่ง ส.ส. ในสภาเท่ากับสัดส่วนคะแนนเสียงที่แต่ละพรรคได้รับ(ดูตามภาพ) ทำให้จำนวน ส.ส. สะท้อนเสียงของเจตจำนงประชาชนมากที่สุด
.
[ ถ้าพรรคการเมืองได้จำนวน ส.ส. แบบแบ่งเขต "น้อยกว่า" สัดส่วนคะแนนเสียงที่เลือกพรรค ]
เติมส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ให้ได้สัดส่วนคะแนนเสียงที่ประชาชนเลือกพรรคการเมือง
.
[ ถ้าพรรคการเมืองได้จำนวน ส.ส. แบบแบ่งเขต "มากกว่า" สัดส่วนคะแนนเสียงที่เลือกพรรค ]
ไม่ได้ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อเพิ่ม
.
***หมายเหตุ
- ระบบ MMP เปิดให้มีจำนวนที่นั่งเพิ่มขึ้นมาได้ (overhang seat) เพื่อเติม ส.ส. บัญชีรายชื่อให้ทุกพรรคได้ ส.ส. ตามสัดส่วนคะแนนเสียงที่เลือก (ซึ่งมักไม่เกิน 10% ของจำนวน ส.ส. ทั้งหมด)
.
[ ระบบนี้ดีกว่าระบบเลือกตั้ง 2540 อย่างไร ? ]
จำนวนที่นั่ง ส.ส. สะท้อนเสียงของประชาชนได้จริง ไม่มีคะแนนเสียงตกน้ำ และทุกคะแนนเสียงถูกนับ จึงไม่มีพรรคไหนได้ ส.ส. มากหรือน้อยเกินความจริง
.
คนทุกกลุ่มมีตัวแทนในสภา แรงงาน ไรเดอร์ ฟรีแลนซ์ ผู้มีความหลากหลายทางเพศ กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นักต่อสู้เพื่อสิทธิสัตว์ ฯลฯ ก็สามารถมีผู้แทนเป็นของตัวเองได้ เพื่อทำงานนโยบายเชิงประเด็นระดับชาติ ไม่ใช่มีแต่พรรคการเมืองขนาดใหญ่ 2 พรรค และนักการเมืองในแบบเดิมที่ครอบงำสภา
.
ไม่มีพรรคปัดเศษ เพราะมีระบบขั้นต่ำ เช่น ให้เฉพาะพรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงไม่ต่ำกว่า 2% ที่เอามาคำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อ
.
[ ตัวอย่างของประเทศที่ใช้การเลือกตั้งระบบนี้ ]
เยอรมนี นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ แอฟริกาใต้ เป็นต้น
.
ระบบเลือกตั้งไม่ใช่แค่วิธีการคำนวน ส.ส. แต่หมายถึงการออกแบบระบบการเมือง (Political Engineering) ดังนั้น ระบบเลือกตั้งไม่ใช่แค่การบอกว่าพรรคการเมืองไหนจะได้จำนวน ส.ส. เท่าไหร่ในสภา แต่หมายถึงการเมืองในอนาคตที่เราอยากเห็นด้วยว่าเราอยากเห็นสภาพการเมืองของประเทศไทยเป็นแบบไหน
.
ที่สำคัญที่สุด เมื่อได้ขึ้นชื่อว่าเป็นระบอบ “ประชาธิปไตย” แล้ว ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับเสียงของทุกคนอย่างแท้จริง ที่สะท้อนออกมาเป็นจำนวนผู้แทนในสภา ที่จะต้องมุ่งเน้นให้ถูกต้องเที่ยงธรรม ตรงกับสัดส่วนประชาชนกลุ่มต่างๆ มากที่สุดด้วย
.
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.moveforwardparty.org/parliament/3271/
.
#ก้าวไกล #รัฐธรรมนูญใหม่ #แก้รัฐธรรมนูญ #ประชุมสภา