ประเด็นเด็ดวันนี้มีทั้ง ‘อานนท์ อาทิตย์ อานันท์ และ อาจม’ เข้าทำนอง “ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา” ประโยคเจ๋งจากเนื้อเพลงของ ‘กาเหว่า เสียงทอง’ ที่ถูกใช้ล้อเลียนความบิดเบี้ยวทางการเมืองมาช้านาน
‘ลำไม้ไผ่’ เนื้อแข็งและแท่งตรงคราวนี้เห็นจะเป็น การปล่อยตัว ‘อานนท์ นำภา’ ทนายความสิทธิมนุษยชน ผู้ต้องหามาตรา ๑๑๖ จากการที่เขาร่วมปราศรัยในการชุมนุมของขบวนการนักเรียนนักศึกษา #ปลดแอก หลายแห่งหลายครั้ง
รวมทั้งที่เขาเสนอการปฏิรูปอำนาจกษัตริย์ อันนับว่าเป็นการพูดถึง ‘อำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ’ ของสถาบันประมุขแห่งชาติอย่างตรงไปตรงมาตามเนื้อผ้า ไม่ก้าวล่วง ไม่จ้วงจาบ เต็มไปด้วยวุฒิภาวะ เป็นครั้งแรกนับหลายทศวรรษที่ผ่านมา
เขาถูกศาลสั่งถอนประกันตามคำร้องของพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ที่อ้างว่ายังต้องมีการสืบพยานอีกมากมาย (ในเย็นวันศุกร) โดยศาลตั้งเบี้ยประกันสูงขึ้น และเพิ่มข้อแม้ของการปล่อยตัวชั่วคราว ทำให้สองผู้ถูกกล่าวหาขอไม่ยื่นประกัน
อานนท์กับไม้ค์ ระยอง ให้การซักค้านระหว่างสืบพยานถอนประกันว่า ข้อกล่าวหาต่อเขาทั้งสองไม่ต้องตามระเบียบกฎหมาย ศาลก็ยังยืนยันส่งตัวทั้งคู่เข้าสู่การคุมขัง สร้างความฉงนสนเท่ห์ต่อบรรดานักกฎหมายที่เฝ้าจับตาคดีนี้
หลังจากปรากฏว่ามีโทรศัพท์จากภายนอกถึงผู้พิพากษาขณะนั่งบัลลังก์ เป็นที่คาดหมายว่าทั้งสองถูกสั่งให้กักตัวไว้ในคุก เพื่อไม่ให้สามารถไปร่วมการชุมนุมใหญ่ของนักเรียนนักศึกษา ในวันที่ ๑๙ กันยา ที่ธรรมศาสตร์ ได้
แต่ท้ายสุดพบว่าการคาดหมายนั้นไม่ถูกต้อง เมื่อจู่ๆ หลังจากอยู่ในคุก ๕ วัน อานนท์ และภาณุพงศ์ จาดนอก ก็ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ ด้วยผมที่ถูกตัดสั้นเกรียน ‘ขาวสามด้าน’ เนื่องจาก สน.สำราญราษฎร์นั่นเองขอให้ศาล “ยกเลิกคำสั่งฝากขัง”
อ้างเหตุผลว่า “สอบปากคำได้บางส่วนแล้ว ไม่จำเป็นต้องคุมขังระหว่างการสอบสวนอีกต่อไป ทั้งนี้ พ.ต.อ. ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์เป็นผู้เดินออกมาส่งทั้งคู่ด้วยตัวเอง” เลยยิ่งเกิดการงุนงงกันเข้าไปใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น
บางคนพาลคิดไปถึง ‘conspiracy theory’ ว่ามีการสมคบคิดจากที่สูง เหมือนกับกรณี จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ได้ออกจากคุก แล้วกลายเป็น ‘ผู้พัฒนาชาติไทย’ ในยุค ร.๑๐ อย่างแข็งขันชนิดที่ ‘แรมโบ้อีสาน’ ก็เทียบไม่ติด
ลำไม้ไผ่ได้ถูกเหลาลงไปโดย ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ผู้เกิดไอเดียแจ๋ว เพื่อแก้วิกฤตศรัทธาเยาวชนของชาติออกมาขับไล่ผู้นำประเทศและตั้งข้อกังขาต่อระเบียบกฎหมายเสาหลักของประเทศ ซึ่งจัดสร้างขึ้นมาโดยคณะรัฐประหาร เพื่อความได้เปรียบของ ‘พวกเรา’
อดีตประธานสภาผู้แทนฯ เริ่มเรียกร้องให้ “รัฐบาลต้องตระหนักรู้ ไม่ดันทุรัง และไม่รัฐประหาร นายกรัฐมนตรีต้องเสียสละลาออก” แล้ว “ให้สภาเลือกนายกรัฐมนตรีจาก ‘คนนอก’ ตาม ม. ๒๗๒ วรรค ๒” โอวนี่ #SAVE ม.๒๗๒ อีกอย่างด้วย
ดร.อาทิตย์ว่าวิธีนี้จะได้ “รัฐบาลมืออาชีพไม่มีโตวต้าพรรค...กอบกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ร่าง รธน.ใหม่สู่ระบอบสังคม ‘ธรรมาธิปไตย’ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” ฟังดูแรกก็คุ้นๆ หู มาจังงัง ‘ปัง’ เมื่อตอนที่ ดร.อาทิตย์ปิดดีลด้วยอีกโพสต์
ว่า “ขอเสนอคุณอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก จัดตั้งรัฐบาลสมานฉันท์ ปฏิรูปประเทศ กอบกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ภายใน ๒ ปี” เท่านี้แหละรูปภาพนายอานันท์ถ่ายร่วมกับสามีภรรยานามสกุล ‘ทีปสุวรรณ’ ขึ้นเว็บเปื้อนไปเลย
เขาคงเป็นห่วงอนาคตอันไม่ไกลของบรรดาเยาวชนปลดแอก จะต้องเจอรัฐมนตรีศึกษา ห่วยแตก อดีต กปปส.ที่ชื่อ ‘ณัฏฐพล’ คนนี้อีกถ้าอานันท์เกิดกลับมาเป็นนายกฯ ใส่พาน ตามที่ ดร.อาทิตย์เสนอ พวก กปปส.ก็จะยิ่งเหิมกำเริบหนักเข้าไปอีก
ขนาดแค่นี้ยังมี กปปส.สูงวัยคนหนึ่ง ถึงจะเป็นแค่ #ผู้เสพติดอำนาจนิยมระดับล่าง (คำของ Karnt Thassanaphak) การกระทำของเขาก็ยังทำให้การเป็น กปปส. “อัปลักษณ์ กักขฬะ หยาบคายและมุมมองอันตื้นเขิน จนทั้งน่าขำและชวนสังเวชไปพร้อมกัน”
สุทิน วรรณบวร เหมือนกับพวกเป่านกหวีดทั้งหลายที่กวักมือเรียกทหารเข้ามายึดอำนาจ ออกมาต่อต้านปรากฏการณ์ #เยาวชนปลดแอก กันด้วยปฏิกิริยาอย่าง 'อาจม' เนื่องจากนักปราศรัยเด่นๆ ของกลุ่มเยาวชนหลายคนเป็นนักเรียนหญิง
กปปส.เหล่านี้ใช้จิตสำนึกแห่งความเคยชินเมื่อครั้งปิดกรุงเทพฯ แบบ ‘ปองมั่วตั้ว’ หลังเวที จาบจ้วงนักเรียนหญิงเหล่านั้นว่า ‘ร่าน’ บ้าง หนักกว่านั้นบอกว่า “โตไปต้องเป็นกะหรี่” แต่ที่สุดของความเลวระยำต้องยกให้ ‘สุทิน’
เราไม่สามารถ ‘เปื้อนมือ’ เขียนซ้ำข้อความ ‘สถุล’ ของอดีตผู้สื่อข่าวเอพีคนนี้ได้ ขอใช้วิธีไฮเท็คจับภาพมาวางให้ดูกันแทน ให้เห็นว่าการเขียนข้อความอย่างนั้นลูกหลานที่เป็นเพศหญิงของเขาเองจะรู้สึกอย่างไร เมื่อเติบโตไปภายหน้า
(https://www.facebook.com/photo.php?fbid=3494043323973311&set=a.526251860752487&type=3, https://www.naewna.com/politic/516664 และ https://www.facebook.com/thestandardth/posts/2537151456577731)