วันพฤหัสบดี, กันยายน 03, 2563

'ตู่' ควบคลัง 'ป้อม' กลาโหม นี่หรือเป้าหมาย "กินรวบทั้งกระดาน"


รมว.ต่างประเทศบอกว่า รมว.คลังออกไปไม่กระทบอะไร คนที่ยังอยู่รับได้ โดยเฉพาะนายกฯ สบายมาก มิน่ากลุ่มพรรคเล็กที่ กกต.ปัดเศษให้เข้าไปร่วมรัฐบาล ๑๑ พรรค เห็นพ้องให้นายกฯ ตู่ควบรวม รมว.คลังอีกอย่าง และให้พี่ป้อมไปว่าการกลาโหมแทน

เลยมีคนตั้งข้อสงสัยว่าเหตุลาออกของปรีดี ดาวฉายเพราะอย่างนี้ละมัง นายกฯ ผู้เก่งกาจกับการผลาญเงิน (พอๆ กับนาย) ทำให้คนเป็น รมว.คลังแทบกระอัก ให้หลังการลาออกได้วันเดียว ศบศ.ที่อดีต รมว.ไม่สามารถกำกับดูแลได้ ออกมาตรการ แจกแถม ชุดใหม่

ให้เงินคนอายุ ๑๘ ปีขึ้นไปราว ๑๕ ล้านคนไปช้อปปิ้ง “กระตุ้นการบริโภคในประเทศ” คนละ ๓ พันบาทในเวลา ๓ เดือน โดยกำหนดว่าแต่ละคนที่ได้รับแจกต้องเฉลี่ยใช้วันละ ๑๐๐ ถึง ๒๕๐ บาทเท่านั้น โดยให้ไปซื้อข้าวของต่างๆ จากผู้ค้าที่ได้ลงทะเบียนไว้กับรัฐ

จะเป็นร้านแบบไหนได้ทั้งนั้น (ฝรั่งว่า) “Here’s a catch.” ข้อแม้ ระหว่างที่หาบเร่แผงลอยยังลงทะเบียนกันไม่ทัน ให้ไปใช้ที่ เซเว่น และห้างต่างๆ ของเจ้าสัว อย่างนี้นี่เองเขาถึงสวดกันว่าแจกอีกแล้ว แต่ไปรวยกระจุกอยู่กับเจ้าสัวตามเคย

งวดนี้รัฐจะควักกระเป๋าจากคลัง ๔.๕ หมื่นล้านบาท หวังว่าจะกระตุ้นการหมุนเวียนของเงินในระบบรากหญ้าถึง ๙ หมื่นล้าน เพราะนี่เป็นโครงการร่วมจ่าย นั่นคือโยมจ่ายครึ่งวัดจ่ายครึ่ง ผู้ได้รับแจก ๓ พันจ่ายครึ่งราคาของ ที่เหลือรัฐจ่าย เจ้าสัวรับเต็ม

อีกอย่างเป็นมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ โดยใช้ข้าราชการ ๒ ล้านคน กับพนักงานรัฐวิสาหกิจอีก ๒.๗ ล้านคนเป็นตุ๊กตาหัวคลอน ส่ายไปส่ายมาตามแรงกระเพื่อมได้ โดยศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจที่ประยุทธ์เป็นประธานอนุมัติ

ให้ข้าราชการและพนักงานเหล่านั้น “ลาหยุดพักผ่อนในวันธรรมดาเพิ่มได้อีก ๒ วัน โดยไม่คิดเป็นวันลา เพื่อให้ไปเที่ยวในมาตรการเราเที่ยวด้วยกัน” เพื่อที่ห้องเปิดจอง ๕ ล้านห้องจะได้จองเต็ม ซึ่งเวลานี้จองกันไว้แล้วเพียง ๗.๘ แสนห้อง

แผนนี้ยังปล่อยถ่ายออกมาไม่สุด (ถามว่า แล้วข้าราชการและพนักงานจะเอาเงินที่ไหนไปใช้ท่องเที่ยว คงไม่อยากถอนเงินสะสมหรือไปกู้ยืมหรอกนะ) นายดนุชา พิชยนันท์ รองเลขา สศช. และผู้ช่วย ศบศ.แจ้งว่านายกฯ สั่ง ททท.แล้ว ให้จ้องที่ ผู้สูงอายุ

“ให้มีมาตรการเพิ่มเติม อาจเป็นบัตรคูปอง หรือบัตรสมาร์ทการ์ด” ให้ผู้สูงวัยในกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงได้รับความสะดวกมากขึ้น ในการเข้าถึงมาตรการเราเที่ยวด้วยกัน เพราะโครงการนี้ต้องผ่านระบบอีเล็คโทรนิคส์ ผู้สูงวัยไม่ถนัด

นี่แหละวิธีคิดนักบริหารเศรษฐกิจหลักสูตร จปร. ในสภาพที่เศรษฐกิจบักโกรกจากพิษโควิด แทนที่จะทุ่มงบประมาณไปที่การค้ำจุนธุรกิจรากหญ้า (หาบเร่แผงลอยที่ ศบศ.อ้างถึงนั่นแหละ) คิดได้แต่เพียงขนเงินออกจากคลังเอามาหว่าน

ทั้งที่รายการแจกครั้งก่อน แม้จะทำให้ผู้ยากไร้ได้ประทังการดำรงชีวิต แต่ไม่มีผลในการกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจแต่อย่างใด เพราะเงินที่รัฐแจกประชาชนจ่าย สุดท้ายไปกระจุกอยู่ในกระเป๋าเจ้าสัวเกือบทั้งนั้น

อย่างนี้นี่เอง เด็กรุ่นใหม่นักเรียนนักศึกษาที่ปราศรัยกันระหว่างชุมนุม จึงได้บอกว่าไม่เอาแล้ว ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะเก่งแต่การเมือง เล่ห์กลพราวพราย ไล่จับไล่จี้ตามคุกคามพวกวิจารณ์ต่อต้านเผด็จการ ใช้วิชามารทางกฎหมายเพื่อปิดปากประชาชน

เรื่องแก้รัฐธรรมนูญนั่นก็เช่นกัน แรกๆ ให้ สว.เรียงหน้าออกมาค้านกัน พอเห็นว่ากระแสไปแรงมาก นอกจากนักเรียนนักศึกษายืนหยัดผลักดันจนจุดติด และมีพรรคร่วมรัฐบาลเห็นด้วยแล้ว รัฐบาลประยุทธ์ก็เปลี่ยนกลเม็ดมาเป็น เอาด้วย แต่แบบ ไฮแจ็ค


ปิยบุตร แสงกนกกุล เขียนถึงเรื่องนี้ไว้ละเอียดว่า “รูปแบบ สสร.ของรัฐบาล คือการกินรวบทั้งกระดาน” คือสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ๒๐๐ คน จะมาจากการสรรหา ๕๐ คน และจากการเลือกตั้งโดยตรงอีก ๑๕๐ คน พวกสรรหาแยกย่อยออกไป

๒๐ คนมาจากการเลือกของรัฐสภา (รวมทั้ง สว.๒๕๐ คน) ๒๐ คนมาจากที่ประชุมอธิการบดี (ซึ่งแบ่งจำนวนครึ่งต่อครึ่งระหว่างรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์) แล้วอีก ๑๐ ให้มาจากนิสิตนักศึกษา (เอาใจเด็กรุ่นใหม่ที่จัดชุมนุมเย้วๆ กันไม่เว้นแต่ละวัน)

“ดูผิวเผิน ก็เหมือนจะดี” แต่เมื่อลงรายละเอียดแล้วปิยบุตรบอกว่า “มีโอกาสสูงมากที่พรรคร่วมรัฐบาลจะยึดกุมกระบวนการได้มาซึ่งสภาร่างรัฐธรรมนูญ” แม้แต่กับ สสร.๑๕๐ คนที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะระบบเลือกตั้ง แบ่งสรรปันส่วน

มาตรา ๒๕๖/๕ กำหนดใช้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง แล้วยังมาตรา ๒๕๖/๖ วรรค ๕ กำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกผู้สมัครได้ ๑ คน จังหวัดไหนฝ่ายค้านเอาใจช่วยผู้สมัครคนใด ก็จะได้รับเลือกคนเดียวอันดับแรก ที่เหลือฝ่ายรัฐบาลกวาด

พวกสรรหา ๕๐ คนนั้นก็ล้วนแต่วุฒิสภา ตู่ตั้งมีเอี่ยวด้วยทั้งนั้น ทำไปทำมา สสร.ที่พรรคพลังประชารัฐและภูมิใจไทย เอาใจช่วยอาจมีถึง ๑๒๐-๑๓๐ คนได้ ข้อสำคัญกว่า สสร.จะร่างเสร็จ รัฐบาลประยุทธ์อาจอยู่ครบเทอมไปแล้ว

เขาถึงได้เสนอให้แก้ไขมาตราต่างๆ ที่เป็นการสืบทอดอำนาจ คสช. และอำนาจ สว.ตู่ตั้ง ออกไปเสียก่อนที่จะถึงขั้นเลือก สสร. แต่ก็น่าเสียดาย พี่ใหญ่ ฝ่ายค้านไม่เอาด้วย

(https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/photos/a.2260389780911559/2800609133556285/?type=3&__tn__=H-R0.g, https://www.posttoday.com/economy/news/632055?utm_source และ https://www.posttoday.com/economy/news/6320512QEGY)