วันพฤหัสบดี, กันยายน 17, 2563

เละหมดแล้วนะ 'ไทยๆ' ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคมยุคสืบทอด คสช. ขนาดกางเกงในยัง 'กิน'


แน่ๆ ไม่แค่การเมือง ปชต. ล้มเหลวเศรษฐกิจกำลังดิ่ง ลงเหว ในยุคสืบทอดอำนาจรัฐประหารเนี่ยน่ะ สังคมไทยๆ ยิ่งกำลังเน่าเฟะด้วยอำนาจนิยมทำให้พุพองไปทุกหย่อมหญ้า ขนาดขนหน้าแข้ง คสช.อย่าง ผู้กองปูเค็มยังไม่พ้นถูกนักเลงตู้ม้า ตึ๊บจนหน้าเละ

ปูเค็ม อาจจะแค่ ป่วย (ไบโพล่า-สองบุคคลิก) อวดศักยภาพ “คิดว่าตัวเองมีชื่อเสียงพอที่จะไปปราบปรามสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้ เพราะแค่ระดับตู้ม้าไม่ใช่บ่อนไม่น่าจะเกินกำลัง” อย่าง สมบัติ บุญงามอนงค์ ว่า และนักเลงนครพนมยังไว้ชีวิตด้วยเห็นว่าเป็นทหาร

แต่ลักษณะความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้น เป็นส่วนหนึ่งของการไร้ขื่อไร้แปด้วยเหมือนกัน นับประสาอะไรกับมิติการเมือง ที่ฝ่ายความมั่นคงทำให้ผู้บริหารสถานศึกษาระดับสูงของประเทศ หงอ ไม่เป็นท่า จำต้องปิดประตูมหาวิทยาลัย ๑๙-๒๐ กันยานี้ งดหมดเรียน-สอน

ขณะที่ ตลก.ภิวัฒน์ (ศาลรัฐธรรมนูญ) รีบรับคำร้องลูกไล่เผด็จการอย่าง ณฐพร โตประยูร ข้อหา “ใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย –อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” กับคนรุ่นใหม่นักกิจกรรม ๓ ราย


อานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก และ ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ล้วนเป็นดาวเด่นขบวนการเยาวชน ผู้เรียกร้องสิทธิมนุษยชน รัฐบาลอย่าคุกคามนักเรียนนักศึกษา และสิทธิการเมืองประชาธิปไตย ให้แก้รัฐธรรมนูญ รวมทั้ง ปฏิรูป อำนาจประมุขให้อยู่ในกรอบทั้ง ปชต.และ รธน.

ทั้งๆ ที่ข้อหาเหล่านั้น ไม่ได้เข้าข่ายการ ล้มล้างแต่อย่างใด “ข้อเรียกร้อง ๑๐ ข้ออยู่ในกรอบระบอบประชาธิปไตย...ไม่ได้บอกให้เปลี่ยนประเทศเป็นสาธารณัฐไม่มีกษัตริย์” สักหน่อย ดังที่ Atukkit Sawangsuk ว่า

“เรื่องประชาชนฟ้องเองได้นี่” (มาตรา ๔๙) “อ้างสวยหรูบอกว่าเพิ่มอำนาจประชาชน แต่มีประชาชนไม่กี่คนหรอกร้องปุ๊บเข้าล็อกปั๊บ จริงๆ มันเป็นการเพิ่มอำนาจศาลให้เข้าไปชี้ได้ทุกเรื่องโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการกลั่นกรอง” จึงต้องสงสัย ณฐพรนี่ใคร

การใช้อำนาจ บังคับอย่างเผด็จการมันไปพุพองในสมองของคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ของเด็กรุ่นใหม่ ตั้งแต่มัธยมถึงมหาวิทยาลัย ที่ออกมาชูสามนิ้ว ผูกโบว์ขาว และตั้งเวทีอภิปราย (รวมทั้งโต้วาทีกับรัฐมนตรี) กันเพื่อสงวนสิทธิการกำหนดอนาคตตนเอง

ที่ไหนได้ เด็กเหล่านี้หลายคน ที่เรียกกันอย่างประชดว่า #นักเรียนเลว กลับถูกพ่อแม่ของตนเอง คุกคาม ก้าวร้าว และข่มเหง เพียงเพราะต้องการให้ลูกๆ ของตนยอมสยบกับอำนาจรัฐ อย่างเผด็จการ ที่พวกตน อาจ พึงพอใจ

นี่สิ่งที่เพื่อนๆ ของเราหลายคนต้องเจอค่ะ – ขู่ตัดแม่ตัดลูกถ้ายังไม่หยุดทำ – ไม่ให้เงินไปโรงเรียนมาเกือบ ๒ เดือน – เก็บค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าที่อยู่กับลูกตัวเอง – จะไล่ออกจากบ้าน ให้ไปอยู่ที่อื่น – จะส่งไปอยู่ต่างประเทศ – จะไม่จ่ายค่าเทอมให้”


เสียงบ่นทางโซเชียลมีเดีย ถึงขั้นบางคน “ของที่บ้านหนูโดนเผาหมดแล้วค่ะ ชุดนักศึกษาก็โดนเผา มีชุดนักศึกษาอยู่ที่ตัวเองแค่ ๑ ชุด เสื้อแค่ ๕ ตัว...ตอนนี้มาขออยู่บ้านเช่าของเพื่อนค่ะ หนูไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเผาเหมือนกัน” @saekimx โอดผ่านทวิตเตอร์

มิใยผู้ปกครองแบบนี้ถูกสั่งสอนกันออนไลน์ “ในแง่สามัญสำนึก พ่อแม่ก็ไม่มีสิทธิทอดทิ้งลูกหรือบังคับข่มขืนใจลูก...เป็นพ่อแม่ที่ไม่มีวุฒิภาวะ” Nithinand Yorsaengrat แนะ “คนมีอำนาจมากกว่า เช่น พ่อแม่ ครู รัฐบาล ฯลฯ ต้องเปิดใจฟังคนมีอำนาจน้อยกว่าให้มาก”

แต่นี่คือความเป็นไปในสังคมไทยขณะนี้ ผู้มีอำนาจทั้งหลายกำลังพยายามจะดึงสังคมให้อยู่กับที่ในกรอบในครอบกะลาที่คนรุ่นตนคุ้นเคย และขัดขวางแทบจะทุกวิถีทางไม่ให้คนรุ่นใหม่เดินก้าวไปข้างหน้า เพราะคิดว่าทางที่เขากำลังเดินไปกันนั้นทำให้พ่อแม่ด้อยค่า

ขณะที่ผู้ปกครองระดับสูงสุดของพ่อแม่เหล่านี้ พร่ำพูดในสิ่งที่รื่นหูพวกตน ต้องเป็นคนดี เซื่อง ซื่อตรง ไม่ คอรัปชั่นแม้ว่าผู้ปกครองชุดสืบทอดอำนาจนี้ถูกเปิดโปงมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งว่าซื่อสัตย์แต่ปาก นาฬิกายืมเพื่อน เฮโรอินคือแป้ง ยาบ้าน้ำกะทิ

ล่าสุดนี่ ส.ส.พรรคก้าวไกลอภิปรายแฉ กางเกงในทหารเกณฑ์ของกองทัพราคาสุดโด่ง “เขามีไว้ใส่ หรือมีไว้กิน” วิโรจน์ ลักขณาอดิสร พูดถึงงบประมาณรายจ่ายกระทรวงกลาโหม “โครงการจัดหายุทธภัณฑ์และอาภรณ์ภัณฑ์ สายพลาธิการกองทัพบก วงเงิน ๑๕๐ ล้านบาท”

เสื้อยือลำลองคอวีตัวละ ๑๖๑ บาทกว่า แต่สามารถซื้ออนไลน์ทาง SHOPEE ได้ตัวละแค่ ๘๐ บาท “ถุงเท้าต้านแบคทีเรีย ๑ แสนคู่ วงเงิน ๘.๔ ล้านบาท ตกคู่ละ ๘๔ บาท เมื่อเทียบกับการซื้อผ่าน SHOPEE คู่ละ ๓๕ บาท” เท่านั้น

กางเกงในก็เหมือนกันทัพบกจัดซื้อ ๑ แสนตัว วงเงิน ๖.๙๓ ล้านบาท เท่ากับเฉลี่ยตัวละ ๖๙ บาท “เมื่อเทียบกับการซื้อผ่าน SHOPEE ซื้อ ๕ ตัวราคา ๑๗๐ บาท เฉลี่ยตัวละ ๓๔ บาท” ถูกกว่ากันกว่าเท่าตัว แล้วจะไม่ให้เยาะหยันได้อย่างไร

เสร็จแล้วพอถึงการอภิปรายเศรษฐกิจมหภาค ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.เพื่อไทย บอก “เศรษฐกิจช่วง ๒-๓ เดือนที่ผ่านมา ทราบดีว่ารัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้ ล่าสุดรัฐประเมินจีดีพีว่าจะติดลบ ๘.๕% เอกชนประเมินติดลบ ๑๐-๑๒%”

อ้าวเมื่อสามสี่เดือนที่แล้ว รัฐบาลยังประเมินจีดีพีว่าจะติดลบแค่ ๕% เท่านั้นเอง แวดวงธุรกิจระดับกลางและล่างยังร้องโอ๊ยกันแล้วเลย

(https://www.matichon.co.th/politics/news_2351440, https://www.bbc.com/thai/international-54177604, https://www.matichon.co.th/local/news_2351135, https://www.facebook.com/nuling/posts/3736819292997088, https://www.facebook.com/NithinandY/posts/10164119461260117CP-y-R และ https://www.facebook.com/nuling/posts/3736819292997088)