เอาอีกนิ ระหว่างที่พวก ‘นกหวีดคล้องคอ’ ที่เคยกวักมือเรียก คสช.เข้ามายึดอำนาจ ออกมาร่วมรังควาญกลุ่มนักเรียนนักศึกษา ทำตัวเป็นเจ้าของธรรมศาสตร์ ประกาศไม่ยอมให้ใช้พื้นที่มหาวิทยาลัยจัดชุมนุม อ้างว่าไม่ต้องการให้ใช้ซ่องสุม “เทม็อบใส่ทำเนียบฯ”
รัฐบาลประยุทธ์ซึ่งเริ่มเข้าสู่อำนาจการเมืองจากการรัฐประหาร ๕ วันหลัง แก้วสรร อติโพธิ ขึ้นปราศรัยบนเวที กปปส.ถนนราชดำเนินนอก เมื่อพฤษภา ๕๗ วันนี้ก็ทำธุรกิจตามปกติ เอาใจบริษัทเหมืองทองอัครา อนุญาตให้สำรวจหาทองต่อไปที่เพชรบูรณ์และจันทบุรี
บริษัทคิงสเกตเจ้าของเหมืองทองชาตรีของบริษัทอัครา ซึ่งทำท่าจะชนะคดีในศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ กรณีรัฐบาล คสช.ใช้อำนาจ ม.๔๔ ละเมิดสนธิสัญญาการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย สั่งปิดเหมืองไปเมื่อปลายปี ๕๙ แถลงขอบใจรัฐบาลประยุทธ์อีกเรื่อง
“ได้รับอนุญาตให้นำตะกอนทองและเงินซึ่งตกค้างอยู่ในเหมืองที่ถูกปิด ไปสกัดเอาเนื้อทอง ๔,๗๕๐ ออนซ์ และเนื้อเงิน ๓๔,๘๐๐ ออนซ์ มูลค่าราว ๑๔ ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียได้ ตามราคาทองเมื่อวันที่ ๙ กันยาออนซ์ละ ๒,๖๗๘ ดอลลาร์ออสเตรเลีย”
คิงสเกตแจ้งด้วยว่า แม้การอนุญาตนี้ควรจะเกิดขึ้นตั้งนานแล้ว บริษัทเห็นว่านี่เป็นก้าวเล็กๆ ในทางบวก ที่แสดงถึงเจตจำนงค์อันดีต่อกัน ชี้ให้เห็นความมุ่งหมายของรัฐบาลไทยในการเจรจาเพื่อหาข้อยุติของสองฝ่ายต่อไป”
นี้เป็นที่ทราบกันมาบ้างแล้วว่าในเนื้อแห่งคดีแล้ว รัฐบาลไทยเป็นรองต่อผู้ฟ้องและคงต้องชดใช้ค่าเสียหายราว ๓ หมื่นล้านบาท โดยรัฐบาลประยุทธ์ชุดนี้พยายามจะเจรจาต่อรองขอลดหย่อนค่าเสียหาย ด้วยการเสนอให้ ‘incentives’ ผลประโยชน์ใหม่ๆ แก่คิงสเกต
นอกจากรัฐบาลประยุทธ์ใช้งบประมาณแผ่นดินปีละเป็นพันล้านบาทเพื่อสู้คดี และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพิ่งกล่าวว่าจะไม่มีการยอมให้เปิดเหมืองของอัคราที่พิจิตรอีก ตามที่มีเสียงนินทา ข้อเท็จจริงเพิ่งปรากฏว่าประยุทธ์จัดให้โน่นเอื้อนี่แก่คิงสเกตแทน
ท่ามกลางสถานการณ์กดดันให้ประยุทธ์วางมือจากการครองอำนาจ เนื่องจากเป็นที่ประจักษ์แล้วว่านักยึดอำนาจผู้นี้ไร้ฝีมือในการบริหารประเทศ ไม่ว่าจะเป็นหนทางสร้างความปรองดองในชาติ หรือที่ชั่วร้ายกว่าในการทำให้เศรษฐกิจของประเทศกำลังจมดิ่ง
การชุมนุมเรียกร้องของนักเรียนนักศึกษาที่กระหึ่มอยู่ทุกวันนี้ นอกจากผลแห่งการใช้นโยบายอำนาจนิยมต่างๆ อย่างกดขี่ และบังคับใช้กฎหมายหลายอย่างซึ่งบกพร่องอย่างหนักในหลักนิติรัฐและนิติธรรม เกิดสภาพสังคม ‘สาแหรกขาด’ จนคนรุ่นใหม่ไม่อาจทนต่อไปได้
กำหนดการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มนักเรียนนักศึกษาในวันที่ ๑๙ กันยา ที่เพิ่งถูกทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เจ้าของสถานที่สั่งยกเลิกด้วยข้ออ้างอัน ‘เหม็นคาว’ ว่าฝ่ายผู้จัดไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบให้ครบนั้น แท้จริงทางมหาวิทยาลัยเองที่ละเลยดำเนินการ
ในการแถลงข่าวที่หน้าตึกโดมโดย น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หนึ่งในแกนนำผู้จัดชุมนุมว่า ยังไม่มีการประชุมร่วมกันของกลุ่มผู้จัดกับตัวแทนมหาวิทยาลัย และเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ เพื่อตกลงกันในเนื้อหา การรักษาความปลอดภัย และอื่นๆ ตามระเบียบมหาวิทยาลัยต่อการนี้ ข้อ ๓ แต่อย่างใด
ฉะนี้การที่จู่ๆ มหาวิทยาลัยออกประกาศไม่ให้จัดชุมนุมในวันดังกล่าว จึงเป็นการกลับคำ อันเชื่อว่าเพราะได้รับใบสั่งหรือแรงกดดันจากอำนาจเบื้องบนอย่างแน่นอน ยิ่งเมื่อนายแก้วสรรจัดประชุมกับพวกศิษย์เก่าราว ๓๐ คนแล้วสรุปว่ามหาวิทยาลัยทำถูกต้อง ยิ่งชี้ถึงการใช้อำนาจเหนือเหตุผล
คำประกาศของแก้วสรร “ปิด มธ. พอกันทีวีรชน เพราะเชื่อว่า 'เพนกวิน-รุ้ง' #แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จะพาคนมาตาย” และ “เชื่อไม่ได้มีเพียงนักศึกษาเท่านั้น แต่มีผู้อยู่เบื้องหลังให้ความช่วยเหลือ หวังใช้ มธ.เป็นที่สะสมมวลชนไปถมทำเนียบรัฐบาล”
(ตามรายงานของ Weeranan @weeranan) นั้นเป็นการกล่าวหาอย่างอคติ เช่นเดียวกับที่ กปปส. ‘ตั้วเฮีย’ อีกคน ที่ได้ดีเป็นรัฐมนตรีศึกษา พูดหยามหมิ่นว่าพวกนักเรียนไม่ได้จัดชุมนุมเอง แต่มีมืออาชีพอยู่เบื้องหลัง ล้วนเป็นการบิดเบือน โดยลืมไปว่าพวกตนก็เคยเป็นมาทั้งนั้น
มันเป็นการย้อนแย้งอย่างยิ่งที่แก้วสรรกล่าวหา ‘เพ็นกวิน’ พริษฐ์ ชีวารักษ์ ว่า “น้อง ๆ กำลังใช้สิทธิเกินส่วน คุณเป็นเผด็จการ” ทั้งๆ ที่ข้อเรียกร้องของกลุ่มนักเรียนนักศึกษา ก็เพื่อขจัดเผด็จการทหารออกไปจากวงจรการเมืองไทย
แก้วสรรคงหลงใหลคลั่งใคล้ประยุทธ์มากมายเสียจนสมองฝ่อ เสียจน ‘ทะ ลุ่ม ปุ่ม ปู’ ไปกับประยุทธ์เสียทุกอย่าง เมื่อประยุทธ์อ้างว่า เผด็จการไม่ได้มีแต่พวกทหาร เผด็จการรัฐสภาก็มี ทั้งคู่ต้องไปเรียนรัฐศาสตร์เพิ่มอีกหน่อย
หรือไม่งั้นไปเพลงของ Abba ว่าในระบอบประชาธิปไตย ยังมีการใช้หลักการ ‘The Winner Takes All’ อยู่ด้วย พูดง่ายๆ ว่า ‘เสียงข้างมากกินรวบ’ ก็ได้
(https://www.bbc.com/thai/thailand-54119270?at_campaign และ https://www.kingsgate.com.au/update-on-the-gold-sludge-held-at-the-chatree-gold-mine/)
