วันจันทร์, สิงหาคม 10, 2563

มีคนเขียนถึงม็อบของน้องๆ... เป็นห้องเรียนและห้องทดลองทางการศึกษาชั้นดี เขียนดี น่าอ่าน...



Vichak Panich
7h ·

ม็อบเป็นห้องเรียนและห้องทดลองทางการศึกษาชั้นดี บรรยากาศของห้องเรียนครั้งนี้ดูจะสนุกและมีสีสันกว่าทุกครั้ง ตัวละครใหม่ จินตนาการใหม่ รูปแบบวิธีการใหม่ ความน่ากลัวของม็อบนี้คือ "ความสด" "ความใส" และ "เดาทางได้ยาก" มองไปรอบๆ ชัดเจนมากว่า คนที่มาร่วมส่วนใหญ่อยู่ในวัย 20 ต้นๆ พวกเขากำลังสร้างวัฒนธรรมม็อบที่มีความร่วมสมัย ผละจากร่องเดิมของม็อบการเมืองที่มีความขรึมขลัง จริงจัง อุดมคติ และเพื่อชีวิต สู่การเปิดกว้างยอมรับความหลากหลายของคนรุ่นเขาอย่างที่เป็นมากขึ้น
ความเรียบง่ายของเวทีให้ความรู้สึกเหมือนพี่สันทนาการมากกว่าแกนนำ ในที่สุดกิจกรรมรับน้องที่ใช้สืบทอดวัฒนธรรมอำนาจนิยมแบบกดหัวกันเอง ก็ถูกแปรเปลี่ยนเป็นอาวุธในการต่อสู้กับอำนาจอันไม่เป็นธรรมนอกรั้วมหาลัยได้เสียที รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ การสร้างจังหวะ พร็อพ เครื่องแต่งกาย กิจกรรมที่มีสีสันและสนุกสนาน สร้างความรู้สึกของการรวมเผ่าของผู้คนที่หลากหลายที่ต่อสู้เพื่อเป้าหมายใหญ่ร่วมกัน มันเป็นภาพที่น่ารักเอามากๆ และเนื้อหาที่สื่อสารกันในม็อบก็สร้างสรรค์เสียยิ่งกว่าที่ได้ยินได้ฟังกันในทีวีหรือในห้องเรียนเสียอีก มันคือม็อบเรต PG-13 ที่ผู้ปกครองควรพาลูก พาหลานไม่ว่าจะเป็นระดับประถมหรือมัธยม มาทัศนศึกษา หาความรู้รอบตัวทางการเมือง สร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อความเป็นสลิ่ม ที่อาจติดต่อถึงกันได้ผ่านระบบการศึกษาไทย
เมื่อวานน้องๆ ทุกคนที่ขึ้นเวทีปราศรัยทำได้ดีอย่างน่าทึ่ง มันไม่ใช่เวทีโชว์พาวหรือโชว์อีโก้แบบไม่รู้สี่รู้แปด เพราะทุกคนรู้ดีว่ากำลังสู้กับอะไรที่ใหญ่กว่าตัวเองมาก ที่ประทับใจสุด คือ ตอนที่มีน้องคนนึงขึ้นมา ปชส. กิจกรรมศิลปะ แล้วประหม่าจนพูดไม่ออก ทันใดนั้นเสียงปรบมือให้กำลังใจก็ค่อยๆ ดังขึ้นรอบทิศ ดังขึ้น ดังขึ้น กระทั่งน้องคนนั้นได้ปลดเปลื้องความกลัวและสื่อสารสิ่งที่อยู่ในใจออกมาโดยไม่กลัวอีกต่อไป เราเห็นแววตาของน้องคนนั้นที่เปล่งประกายจากแรงสนับสนุนที่เขาได้รับจากทุกคนในม็อบและน้ำตาคลอ มันเป็นอะไรที่สร้างสรรค์และทรงพลังมาก
การปราศรัย คือทักษะอันหนึ่งที่นักเรียนไทยไม่เคยได้ฝึกในโรงเรียน ปราศรัยในที่นี้ไม่ใช่การพูดหน้าชั้นเรียนที่มีครูให้เกรด แต่คือการฝึกทักษะการพูดในที่สาธารณะเพื่อเข้าถึงมวลชน ซึ่งน้องๆ ที่ขึ้นพูดเมื่อวานทำได้ดีทุกคน หลายคนตั้งใจเตรียมสิ่งที่เอามาพูด หลายคนได้ศึกษา วิเคราะห์เนื้อหามาก่อน ไม่ใช่แค่พูดเอามัน มีการให้ความรู้ความเข้าใจข้อเรียกร้องและจุดยืนของม็อบ และทวนซ้ำหลายครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนที่มาร่วมมีความเข้าใจตรงกัน
เมื่อวานไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ฟังไผ่ปราศรัย ไผ่พูดได้ดีเช่นเคย ไผ่พูดถึง "การศึกษาของผู้ถูกกดขี่" ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย เชื่อมโยงกับประสบการณ์การต่อสู้และสภาพความเป็นจริงทางสังคมที่เขาพบเจอมาด้วยตัวเอง ทำให้เห็นภาพว่าพื้นที่การปราศรัยคือพื้นที่การศึกษาชั้นดี ที่หากคนขึ้นพูดเตรียมตัวมาสักหน่อย ก็สามารถเอาเนื้อหายากๆ ในประเด็นความไม่เป็นธรรมทางสังคมมาย่อยให้มวลชนร่วมรู้สึก ร่วมรับรู้ไปด้วยกันได้ เราเชื่อว่าบรรยากาศของการศึกษาในม็อบ จะทำให้ม็อบมีจิตวิญญาณที่เข้มแข็งและไม่กลัว
จริงๆ เราเคยคิดมานานแล้วว่าม็อบควรเป็นอะไรที่เป็นกันเองกับผู้เข้าร่วม เป็นพื้นที่สำหรับแชร์ข้อมูล ประสบการณ์ ทบทวนบทเรียนของการต่อสู้ และสร้างวัฒนธรรมการเคียงบ่าเคียงไหล่อย่างสร้างสรรค์ ม็อบนี้ทำให้เรามีความหวัง ม็อบนี้ทำให้เราสนุก และม็อบนี้ทำให้เรารู้สึกอยากมาร่วมอีก

(https://www.facebook.com/photo/?fbid=10158958106268754&set=a.95898813753)