วันอังคาร, ตุลาคม 04, 2559

Facebook live กับ จตุพร พรหมพันธุ์ - จากปัญหาครอบครัวนายกฯ จนถึงการเดินทางแสนแพง ของรองนายกฯ เรื่องปืนหาย-ชีวิตหายร่วมร้อย จะตามคืนอย่างไร?





- จากปัญหาครอบครัวนายกฯ จนถึงการเดินทางแสนแพง ของรองนายกฯ
และแล้ว...ผบ.ทบ. ยกเรื่องปืนหาย
ผมขอยกเรื่องชีวิตหายร่วมร้อย จะตามคืนอย่างไร?

จงทำทุกเรื่องให้ความจริงปรากฏ
ผมพร้อม...พวกท่านพร้อมหรือไม่?

____________________________________

Facebook live กับ จตุพร พรหมพันธุ์

4 ตุลาคม 2559

.....

ประธาน นปช. เชื่อคนวงในปล่อยข้อมูลลึก “รัฐบาลประยุทธ์” ชี้สังคมกังขาใช้จ่ายงบประมาณ แนะเร่งทำความจริงให้ปรากฏ นำข้อมูลเดินทางไป ตปท. ทุกรัฐบาลมาตีแผ่ เปรียบเทียบความคุ้มค่ากับการใช้เงินช่วง ปท. เผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจหรือไม่ ติง ผบ.ทบ. ให้ค่าปืนหายมากกว่าชีวิตที่ถูกฆ่าตายกลาง กทม. ด้วยปืนหรือ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ เมื่อ 4 ต.ค. โดยเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำความจริงให้ปรากฏ เพื่อประชาชนจะได้รับรู้ข้อเท็จจริงอย่างกระจ่างชัดในทุกกรณีที่เกี่ยวพันกับครอบครัวและเครือญาติที่สังคมเกิดความกังขา รวมทั้งการตรวจสอบการเบิกปืนทหารมาใช้ในเหตุการณ์ เม.ย.-พ.ค. 2553 ที่ทำให้เกิดความตายร่วม 100 ชีวิตด้วย

นายจตุพร กล่าวว่า กรณีสังคมกังขา และควรเปิดเผยข้อเท็จจริงให้ชัดเจนนั้น เริ่มตั้งแต่ภรรยาพล.องปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ใช้เครื่องบินกองทัพอากาศ C-130 ไปเปิดฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา การประมูลงานก่อสร้างในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 และใช้บ้านพักในกรมทหารเป็นที่ตั้งบริษัท โดยความสงสัยต่อกรณีเหล่านี้หลุดออกมาได้ย่อมมาจากคนภายในเปิดเผยออกมา เพราะคนภายนอกยากที่จะรู้เรื่องราวเช่นนี้

อีกทั้ง สังคมคลืบแคลง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ใช้งบประมาณกว่า 20 ล้านบาท เหมาลำเครื่องบินเดินทางไปประชุมที่ฮาวาย ประเทศสหรัฐ มีเจ้าหน้าที่ร่วมเดินทาง 38 คน ตั้งงบค่าอาการ 600,000 บาท และไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อผู้ร่วมเดินทางได้ โดยทหารอ้างไปทำงานความมั่นคง ไม่ได้ไปเที่ยว แต่สังคมสงสัยอยู่ที่ ทำไมต้องใช้ภาษีประชาชนในช่วงประเทศเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ยิ่งกว่านั้นรายชื่อผู้ร่วมเดินทางไปด้วยกลับเป็นความลับอีก ประชาชนย่อมมีความกังขาเพิ่มมากขึ้น

“เรื่องเกี่ยวข้องกับครอบครัวนายกรัฐมนตรี และการเดินทางของรองนายกรัฐมนตรีที่หลุดออกมานั้น คนนอกไม่มีการรับรู้เลย นอกจากเป็นคนใน ซึ่งจะอยู่ฝ่ายไหน แต่ทำให้ประชาชนได้รับรู้ข้อเท็จจริง ดังนั้น ควรเปิดงบประมาณค่าใช้มาเปรียบเทียบกันทุกรัฐบาล เพื่อให้ประชาชนรับรู้การใช้จ่ายภาษีของประเทศในทุกรัฐบาลแตกต่างและคุ้มค่าหรือไม่”

นายจตุพร ย้ำว่า กรณีการใช้จ่ายภาษีประชาชนแล้วเกิดความกังขาขึ้นนั้น จะอ้างว่าไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยวแล้วจบเรื่องคงไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ ควรใช้โอกาสที่สังคมต้องการคำตอบด้วยการทำความจริงให้ปรากฏ โดยเปรียบเทียบให้กระจ่างว่า การใช้งบประมาณเดินทางไปต่างประเทศของแต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีค่าใช้จ่ายมากมายเท่าใด และแตกต่างกันอย่างไร

กรณี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ระบุจะตามหาปืนทหารที่หายในเหตุการณ์ เม.ย.-พ.ค. ปี 2553 นายจตุพร กล่าวว่า ผบ.ทบ. เข้ารับตำแหน่งใหม่ก็แถลงหาปืนหายทันที โดยไม่สนใจที่จะสืบหาสาเหตุที่ทำให้ประชาชนต้องตายร่วม 100 ชีวิต ซึ่งแสดงถึงปืนทหารสำคัญกว่าความตายประชาชน

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อ ผบ.ทบ. มีความตั้งใจจะหาปืนทหารหายแล้ว ควรทำให้ทุกเรื่องราวในเหตุการณ์ เม.ย.-พ.ค. ปี 2553 ได้ปรากฏความจริงให้กระจ่างชัด ว่า ทหารใช้ใช้งบประมาณและเบิกปืนมาก่อเหตุเท่าไร ส่วนปืนที่ประชาชนยึดมานั้นได้คืนครบหมด ดังนั้น หากมีการสูญหายอยู่ ต้องมีข้อมูลจำนวนปืนและกระสุนที่ทหารเบิกออกมาใช้จำนวนเท่าใด และความตายที่เกิดขึ้นนั้นถูกฆ่าด้วยปืนชนิดใด

“เมื่อ ผบ.ทบ. แถลงรับตำแหน่งใหม่ ด้วยการรื้อฟื้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาใหม่ โดยทวงถามหาปืนหายไปนั้น เมื่อจะทำกันแล้ว ควรทำให้ปรากฏเป็นความจริง เมื่อทวงหาปืนทหารได้ ผมเสนอให้ตามหาชีวิตประชาชนที่หายไปได้ โดยไม่ให้ความตายร่วม 100 ชีวิต ที่เกิดขึ้นกลางกรุงเทพเป็นชีวิตที่สูญหายอันสูญเปล่า”

ที่มา FB



Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์