วันศุกร์, ตุลาคม 14, 2559

เล็กๆ น้อยๆ ในวันรุ่งขึ้นหลังจากการเสด็จสู่สวรรคาลัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว





เล็กๆ น้อยๆ ในวันรุ่งขึ้นหลังจากการเสด็จสู่สวรรคาลัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

หุ้นร่วงต่อเนื่องอีกเป็นร้อยจุดก็ไม่เป็นไร บรรดานักวิจัยแมลงเม่ายังชี้แจ้งอยู่ว่า เป็นเพียงตกฮวบระยะสั้นถึงจะเจ๊งกันไป ๓.๕ แสนล้านแล้วก็เถอะ

(http://money.kapook.com/view158710.html และ http://www.dailynews.co.th/economic/529802)

ในวันนี้ตั้งแต่เช้าถึงเที่ยง สำนักพระราชวังเปิดศาลาสหทัยสมาคม ภายในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ให้ประชาชนเข้าถวายน้ำสรงพระบรมศพต่อพระบรมฉายาลักษณ์

โดยจะมีการอัญเชิญพระบรมศพจากโรงพยาบาลศิริราชสู่พระบรมมหาราชวังชั้นกลางเพื่อประดิษฐานในวันนี้เช่นกัน การเคลื่อนพระศพจะผ่านทางถนนอรุณอัมรินทร์ สะพานพระปิ่นเกล้าฯ อ้อมสนามหลวงเข้าทางหน้าพระลาน ทางการขอให้ประชาชนที่เฝ้าชมแต่งชุดดำ





พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล คสช. แถลงแนวทางปฏิบัติของสื่อในช่วงจากนี้ไป ๓๐ วันของการไว้อาลัย ไม่ให้ออกอากาศรายการบันเทิงใดๆ และให้ดึงรายการจากทีวีพูลของทางการเท่านั้น

“โดยทีวีดาวเทียมหรือไม่ดาวเทียมจะต้องเกาะสัญญาณจากสัญญาณแม่ข่าย โดยจะมีช่องหลักสับเปลี่ยนหมุนเวียนในการถ่ายทอดรวมถึงเว็บไซต์ด้วย และห้าม facebook live ใดๆ ทั้งสิ้น”

(http://news.voicetv.co.th/thailand/422034.html)

ทั้งนี้กำหนด ๓๐ วันที่ว่า เป็นเพียงเบื้องต้น “จนกว่าจะเปลี่ยนแปลง” โดยที่ส่วนราชการต่างๆ ได้รับแจ้งแล้วให้ทำการไว้อาลัยเป็นเวลา ๑ ปี

“ขอความร่วมมือสื่อมวลชนทุกสังกัดที่มี Online TV เผยแพร่ข่าวและรายการผ่านเว็บไซต์ หรือผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่าน YouTube Channel, Facebook Live และสื่อภาพและเสียงอื่นที่เผยแพร่สดทางสื่อออนไลน์ กรุณาเกาะสัญญานภาพและเสียงของสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ”

ทางคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ หรือ กสท. ก็ได้ออก ‘แนวปฏิบัติ’ มาอย่างทันการ

ข้อ ๓ “การเผยแพร่รายการต่าง ๆ ของสถานีวิทยุกระจายเสียง สถานีโทรทัศน์ ให้งดการเผยแพร่รายการที่แสดงถึงความรื่นเริงเป็นเวลา ๓๐ วัน...”

(http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1476363732)

โดยเฉพาะกรณีห้ามบันเทิง ๓๐ วันนี้ ดูเหมือนจะได้รับการตอบสนองอย่างดีจากรัฐบาลแคนาดา ซึ่งออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนของตนที่เดินทางไปประเทศไทย

“To demonstrate respect for grief of the Thai people during this time, อย่าได้แสดงกิริยาอาการใดๆ ที่อาจจะตีความไปได้ว่าสนุกสนานร่าเริง ไม่ให้ความเคารพนบนอบ หรือขาดระเบียบวินัยอันดี”

(ขอบคุณ Richard Barrow‏ @RichardBarrow สำหรับโพสต์ข้อความนี้)

ย้อนกลับไปยังบ่ายวันที่ ๑๓ ตุลาคม หลังจากที่มีการประกาศว่าพระเจ้าอยู่หัวสวรรคตแล้วเมื่อเวลาประมาณ ๑๕.๓๒ นาฬิกาแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช

“ได้ทรงรับสั่งไว้ว่า ท่านทรงรับพระราชทานเป็นองค์รัชทายาทอยู่แล้วในปัจจุบัน แต่ท่านทรงขอเวลาทำพระทัย และแสดงความเสียใจ ร่วมกับประชาชนทั้งประเทศไปก่อนในระยะเวลานี้...

ทรงตระหนักในหน้าที่องค์รัชทายาทในส่วนของพระราชภารกิจต่างๆ จะทรงปฏิบัติต่อไปในฐานะสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร หวังว่าทุกคนคงเข้าใจและไม่ทำให้ทุกอย่างวุ่นวาย”

(https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_50246)

ก่อให้เกิดการถกเถียงกันในสังคมออนไลน์ ในหมู่ผู้ที่ใส่ใจต่อกิจกรรมราชสำนักมากเป็นพิเศษและนักประวัติศาสตร์ราชวงศ์ ว่าถ้าไม่มีการสถาปนาพระมหากษัตริย์องค์ใหม่ในทันที ในทางตัวบทกฏมณเฑียรบาลย่อมก่อให้เกิดช่องว่าง “แผ่นดินขาดองค์ประมุข”

ตามพระราชบัญญัติการสืบราชสันตติวงศ์ พุทธศักราช ๒๕๔๖ มาตรา ๒๔ ระบุว่า “ให้ประธานองคมนตรีเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั่วคราวไปพลางก่อน...





ทั้งนี้ จนกว่าจะได้ประกาสอัญเชิญองค์พระรัชทายาทหรือองค์ผู้สืบราชสันตติวงศ์ ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์”

ทั้งยังได้มีการอ่านแถลงการณ์ของหัวหน้า คสช. (โดยพล.อ.ประยุทธ์) ถึงประชาชนชาวไทยด้วยว่า

“รัฐบาลจะแจ้งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม สถาปนาพระรัชทายาทตามกฎมณเฑียรบาลไว้แล้ว เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๑๕ จากนั้นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป...




พี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งหลาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคตแล้ว ขอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลใหม่ทรงพระเจริญ”

(http://www.isranews.org/isranews…/…/50801-prayuth-50801.html)





จึงน่าจะเป็นข้อหักล้างทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ ไปได้ จากการที่ช่วงบ่ายก่อนมีแถลงการณ์ในหลวงสวรรคตออกมา ทั้งสมเด็จพระบรมฯ และพระเทพฯ ได้เสด็จ รพ.ศิริราช พร้อมกันทั้งสองพระองค์

และไม่ว่า ผบ.ทบ. คนใหม่หมาดๆ ที่ว่ามาจากสาย ‘รบพิเศษ’ ลูกป๋า ได้ประกาศคำสัตย์ปฏิญานเป็นนัยแล้วว่าจะไม่ทำการปฏิวัติรัฐประหารเป็นอันขาด





โดยเฉพาะในวันที่ ๑๒ ต.ค. ก่อนวันสวรรคต พล.อ.เฉลิมชัย สิทสารท ได้กล่าวเป็นเชิงสมานน้ำใจเหล่าทหารหาญทั้งหลายไว้อย่างชวนให้แม่ทัพนายกองซาบซึ้ง

“ถึงกรณีที่สำนักข่าวแห่งหนึ่งออกมาเปิดเผยข้อมูลคำสั่งของคณะปฏิรูป ฉบับ 2519 ห้ามทหารดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการในบริษัท...

ที่ผ่านมาไม่เคยได้มีการพูดคุยเรื่องนี้กันอย่างจริงจังเราก็มีหลักการ อะลุ่มอล่วยกัน หากเป็นการทำงานโดยสุจริต เพราะไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิด”

(http://www.matichon.co.th/news/318557)

ทั่นพูดให้ทหารได้เฮอย่างนี้ รับรองกองทัพบกไปโลด “จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง”